Online Station

[รีวิว] Wonder Boy - เกมเรโทรที่เดิมๆ จนเกินไป

แชร์เรื่องนี้:
[รีวิว] Wonder Boy - เกมเรโทรที่เดิมๆ จนเกินไป

แพลตฟอร์ม: PS4, PC (ทีมงานทำการรีวิวจากเวอร์ชั่น PS4)
ผู้พัฒนา: CFK Co., Ltd.
เรต: ทุกเพศทุกวัย
ระยะเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการเล่นจนจบเกม: ประมาณ 4 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับเทคนิคของผู้เล่น)
ระยะเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการเล่นแบบเก็บทุกรายละเอียด: ประมาณ 12 ชั่วโมง

Wonder Boy Returns ถือเป็นเกมฉบับรีเมคของ Wonder Boy เกมคลาสสิคยอดนิยมของ Sega ในปี 1986 หรือเมื่อประมาณ 31 ปีที่แล้ว โดย Wonder Boy เป็นเกมแอ็กชั่นผจญภัยที่เป็นเรื่องราวของของเด็กชาวป่าผมทอง Boy (หรือบางเวอร์ชั่นอาจจะใช้ชื่อว่า Tom-Tom) เขาจะต้องเดินทางไปช่วย Tina แฟนสาวที่ถูกจับตัวไป ซึ่งเนื้อเรื่องก็แนวพื้นๆ เหมือนเกมอื่นๆ ของยุคนั้น เช่น Super Mario Bros. หรือนินจาช่วยเจ้าหญิง (The Legend of Kage) แต่ถ้าพูดถึงชื่อ Wonder Boy แล้วในบ้านเราจะไม่ค่อยคุ้นกับเกมนี้นัก ในทางกลับกันน่าจะคุ้นเคยกับเกมที่ชื่อ Adventure Island ของเครื่อง Famicom ที่จัดจำหน่ายโดย Hudson Soft มากกว่า ซึ่งตัวเอกของเกมจะเปลี่ยนจาก Boy เป็นชาวเอเชียร่างท้วมนามว่า ทาคาฮาชิ เมย์จิน ซึ่งเป็นนักเล่นเกมชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นแทน

ระบบการเล่นของเกมนี้จะเป็นแนวแอ็กชั่น 2D มองด้านข้าง บังคับตัวละครเดินจากซ้ายไปขวาคล้ายเกม Super Mario Bros. ซึ่งฉากทางซ้ายที่เราเดินผ่านมาแล้วจะไม่สามารถเลื่อนย้อนกลับไปเล่นได้เช่นกัน แอ็กชั่นการเคลื่อนที่ไม่ได้มีอะไรมาก นอกจากจะมีกดวิ่งซึ่งจะเพิ่มพลังกระโดดได้ การความคุมจะรู้สึกเหมือนมีหน่วงนิดๆ เช่น เวลาวิ่งหรือกระโดดไปแล้วจะหันกลับข้างทันทีไม่ได้ ซึ่งจุดนี้คือทำตามระบบแบบดั้งเดิมของเกม ส่วนการโจมตีนั้น Boy จะต้องเก็บขวานหินให้ได้เพื่อใช้โยนโจมตีใส่ศัตรู เพราะเนื่องจากไม่มีท่าโจมตีอื่นเช่นกระโดดเหยียบหัวเลย ขวานหินจึงเป็นไอเทมที่ขาดไปไม่ได้ อีกอย่างเราจะไม่สามารถกำจัดบอสของฉากได้เลยนอกจากปาขวานโจมตีไปเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ดีขวานก็จะมีให้เก็บใกล้ๆ จุดเริ่มของฉากหรือที่จุด Save Point เสมอ ซึ่งตรงนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่า...ถ้างั้นทำไมไม่ให้ขวานมาแต่แรกเลยล่ะ จะต้องให้เราไปเก็บทำไมเนี่ย!?

สำหรับการอัพเกรดอีกอย่างก็คือสเก็ตบอร์ด ซึ่งก็มีมาตั้งแต่ยุคตู้เกมอาเขตแล้วเช่นกัน โดยเมื่อได้รับมาแล้วเราก็จะมีความเร็วสูงขึ้น และเมื่อถูกโจมตีก็จะกลับมาวิ่งเท้าเปล่าเหมือนเดิม ก็เหมือน Super Mario Bros. ที่กินเห็ดแล้วทนการโจมตีศัตรูได้ 1 ครั้งนั่นเอง แต่สเก็ตบอร์ดนั้นมีข้อเสียมาด้วย นั่นก็คือหันหลังกลับไปทางซ้ายไม่ได้ และก็หยุดแล่นไม่ได้ด้วย ทำได้มากสุดแค่ชะลอความเร็ว ซึ่งเกม Wonder Boy นี้ก็มีฉากที่กระโดดข้ามเหว ขี่เมฆ ฯลฯ เช่นกัน และถ้าพลาดก็คือตกเหวตายไปพร้อมสเก็ตบอร์ดทันที

ฉากของเกมนี้จะไม่มีเวลานับถอยหลังอย่างที่เกมยุคเก่าชอบใช้กัน แต่ก็ใช่ว่าผู้เล่นจะค่อยๆ เดินเล่นสบายใจได้ เพราะจะมีเกจ Stamina ซึ่งจะค่อยๆ ลดไปเรื่อยๆ เอง หรือถ้าเราเล่นพลาดเล็กๆ น้อยๆ เช่นสะดุดก้อนหิน Boy ก็จะเสีย Stamina ไปส่วนหนึ่งแทนที่จะตายในทันที ซึ่งระบบนี้พูดตรงๆ แล้วก็ถือว่าสร้างปัญหามากกว่าระบบนับเวลาถอยหลังเสียอีก ส่วนของที่ให้เก็บไนฉากนี้นอกจากอาหารแล้ว ยังมีตุ๊กตา Tina ให้เก็บฉากละ 3 จุดด้วย ซึ่งเมื่อสะสมได้ครบก็จะปลดล็อคตัวละครเพิ่มอีกสองตัว

เกมจะมีทั้งหมด 10 บท ซึ่งแต่ละบทก็จะมี 4 ฉากด้วยกัน โดยรวมแล้วก็จะมีทั้งหมด 40 ฉากนั่นเอง ฉากในเกมจะเรียบๆ มีเนินสูงต่ำบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรนัก ส่วนอุปสรรคที่ขัดขวางทางก็คือ พวกสัตว์ป่าและวิญญาณร้ายต่างๆ ซึ่งประเภทของศัตรูก็มีหลากหลายทีเดียว บางตัวก็ต้องโจมตีหลายครั้งถึงกำจัดได้ บางตัวก็กำจัดไม่ได้เลยต้องหลบอย่างเดียว ตรงนี้ก็ต้องระวังว่าขวานของเราปาได้แค่ครั้งละ 2 อัน ถ้ากดรัวๆ แล้วพลาดก็จะมีระยะที่ทำอะไรไม่ได้ชั่วขณะด้วย ดังนั้นการค่อยๆ กดปาขวานทีละอันจะปลอดภัยกว่ากดรัวๆ

และในทุก 4 ฉาก เราจะจะต้องต่อสู้กับบอสประจำบท ซึ่งเมื่อเทียบกับบอสของ Wonder Boy ดั้งเดิมแล้วถือว่ายากกว่ามาก เพราะแบบดั้งเดิมนั้น บอสทั้งหมดจะยิงโจมตีข้ามหัวเราหมดเลย ถ้าเราไม่กระโดดขึ้นไปโดนก็ไม่ตายแล้ว แต่สำหรับภาค Returns นี้จะเป็นแบบนั้นแค่บอสตัวแรกเท่านั้น เพราะยิ่งเข้าสู่ด่านหลังๆ บอสที่มีท่าโจมตีแปลกๆ มากขึ้น ทั้งโจมตีแบบบูมเมอแรง เราต้องกระโดดหลบให้พอดี หรือยิงโจมตีจากฟ้าลงมาแบบดาวตกก็มี ซึ่งพูดได้ว่าสำหรับเกมที่โดนทีเดียวตายแบบนี้ ไม่ใช่ง่ายๆ เลยที่จะผ่านบอสไปให้ได้ในครั้งแรก

เกมจะมีโหมดแค่สองแบบคือโหมด Normal ที่เราจะเลือกเล่นฉากใดก็ได้จากทั้ง 40 ฉาก และปรับความยากได้สามระดับ คือ Easy, Normal และยากสุดคือ Hell ที่มีจำนวนชีวิตให้แค่ 3 ตัวและพลัง Stamina ยังลดเร็วมาก ส่วนอีกโหมดก็คือ Chanllenge ที่จะต้องเล่นไล่ตั้งแต่บทแรกไปจนจบในรวดเดียว สำหรับตัวละครที่ปลดล็อคได้จากการเก็บตุ๊กตา จะมี Boy แบบดอทกราฟิกยุคเก่ากับ Tina ซึ่ง Tina จะเล่นง่ายกว่าเล็กน้อย เพราะจะใช้อาวุธเป็นบูมเมอแรงแทน

ทางด้านข้อเสียของเกมนี้ที่พบหลักๆ คือ นอกจากบอสใหม่ๆ แล้ว เกมยังยึดรูปแบบดั้งเดิมมากเกินไป ขาดความท้าทายเพราะฉากจะเป็นเส้นทางตรง ไม่มีทางลับหรือทางแยกให้ลองค้นหา ส่วนตัวละครแม้เหมือนจะมีให้เลือกใหม่ แต่ก็ไม่ได้เล่นต่างจากเดิมมากนัก แถมเพลงประกอบก็ทำมาเรียบๆ เกินไป เชื่อว่าหลายคนฟังแล้วอาจจะง่วงเอาได้ง่ายๆ

จุดเด่น

- ตัวเกมขายความคลาสสิก ชวนรำลึกความหลังล้วนๆ ถ้าไม่คิดอะไรกับระบบเกมที่พื้นๆ มากๆ ก็พอตอบโจทย์ได้บ้าง

จุดด้อย

- ตัวเกมคงความเป็นต้นฉบับไว้แทบทุกอย่าง คือแทบไม่มีเปลี่ยนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยนอกจากภาพที่ปรับเป็น HD กับการปรับระดับความยาก
- ท่วงทำนองของเพลงประกอบเรียบเกินไป ไม่ช่วยกระตุ้นความรู้สึกหรืออารมณ์ร่วมขณะเล่น
- เกมเพลย์ เนื้อเรื่อง ตลอดจนเมคานิกของเกมล้วนไม่มีความลึก และไม่สามารถเพิ่มความรู้สึกให้น่าติดตามได้เลย

สรุป

ต้องบอกเลยว่านี่คือเกมที่แทบจะยกของเก่ามาหมด เพราะลูกเล่นของฉากไม่ได้ซับซ้อนอะไรอยู่แล้ว จะเพิ่มแค่ศัตรูหน้าใหม่ๆ และบอสใหม่ๆ เท่านั้น แต่อาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับเกมคอนโซลในยุคปัจจุบัน จึงน่าจะมีเพิ่มความหลากหลายให้กับตัวละครมากกว่านี้ เช่น อาวุธหรือพาหนะที่มีให้เลือกหลายแบบขึ้น เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ตัวเกมจึงมีองค์ประกอบที่ดึงดูดให้นำกลับมาเล่นซ้ำอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำมาก

คะแนน 5.5 / 10

แชร์เรื่องนี้:
Vesper
About the Author

Vesper

เซเว่นที่ว่าแน่ ก็ยังหารักแท้มาขายไม่ได้

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

Online Station