ต่อจากความเดิมในตอนที่แล้ว คลิกที่นี่ เพื่ออ่านตอนแรก
แรกพบแฮนด์เฮลด์
เมื่อหนทางของ Sony ดูเหมือนจะรุ่งโรจน์จนหยุดไม่อยู่ เจ้าตัวก็ไม่รอช้า รีบออกเดินทางสานฝันพัฒนาเครื่องเกมต่อไปแทบจะในทันที และด้วยความสำเร็จของเครื่อง Game Boy โดย Nintendo ที่เริ่มจะบุกตีตลาดเกมเมอร์ในตอนนั้น ทำให้ Sony เริ่มหันมาให้ความสนใจกับเครื่องเล่นเกมรูปแบบ “พกพา” ด้วยอีกราย (หรืออาจจะเป็นเพราะว่ายังคงแค้น Nintendo อยู่ก็ไม่ทราบ) จนกระทั่งได้ให้กำเนิดเจ้า PlayStation Portable หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า PSP ในที่สุด
(ล่าง) เครื่อง PSP ที่ประสบความสำเร็จพอสมควร แต่ก็ไม่อาจเอาชนะ Nintendo DS ของปู่นินที่ครองตลาดเครื่องแฮนด์เฮลด์มานานไปได้
PSP ทำให้เกมเมอร์และสาวก Sony ทั่วโลกต้องตื่นเต้นกันอีกครั้ง ด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ มากมายก่ายกอง ด้วยขนาดเครื่องที่ทั้งเบา เล็ก และสามารถพกพาไปเล่นด้วยที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นในห้องน้ำ ในรถ หรือแม้แต่ในห้องเรียน พ่วงระบบออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ต Wi-fi ที่ทำให้ผู้เล่นทั้งหลายสามารถร่วมเล่นเกมจอยกันได้อย่างสะดวกสบาย รวมถึงระบบดูหนังฟังเพลงอ่านการ์ตูนดูรูปอีกมากมาย จนถึงกับมีคนให้คำนิยามว่า“นี่มันไม่ใช่เครื่องเล่นเกม นี่มันคอมพิวเตอร์เลยนี่หว่า” และแน่นอน...PSP ก็กลายเป็นเครื่องเล่นเกมอีกเครื่องภายใต้ชื่อยี่ห้อ Sony ที่ขายหมดอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ครั้งแรกที่วางจำหน่าย ซึ่งก็คือวันที่ 12 ธันวาคม 2547 นั่นเอง
แต่แม้ว่าเครื่อง PSP จะประสบความสำเร็จไปอย่างสวยงามอีกรายก็ตาม... มันก็ต้องประสบพบเจอกับปัญหาเดียวกันกับที่บรรพบุรุษของมันได้เจอไปแบบไม่มีผิดเพี้ยน นั่นก็คือปัญหา “เกมเถื่อน” ที่เลวร้ายไม่แพ้เครื่อง PS2 ด้วยซ้ำ เพราะเจ้า PSP ตัวนี้ดันโดนแฮคเกอร์มือดีแฮคระบบทั้งหมดภายในเครื่องจนเป็นชิ้นๆ ทำให้เกมทั้งหมดที่ลงให้กับเครื่อง PSP สามารถหาโหลดเล่นได้ตามอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องไปเสียเวลาเดินหาซื้อแผ่นมาเล่นเลยซักบาท... ซึ่งทีมงานก็ขอไว้อาลัยให้กับ PSP มา ณ ที่นี้ด้วย
สู่ยุคใหม่ (Remastered)
หลังจากที่ทนทุกข์กับปัญหาเกมเถื่อนมาไม่น้อย Sony จึงรวบรวมกำลังฮึดสู้หาทางแก้ปัญหาอีกครั้ง แต่ก็ต้องพบเจอกับขวากหนามอันใหม่ ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากเจ้าเครื่อง Xbox 360 จาก Microsoft ที่กำลังโด่งดังฉุดไม่อยู่จากระบบเครือข่าย Xbox Live Network ที่สามารถให้ผู้เล่นคอนโซลสามารถออนไลน์เล่นเกมด้วยกันได้
ทว่า... มีหรือที่ Sony ที่บัดนี้อาจหาญและเชี่ยวชาญตลาดเกมต่างจากเมื่อคราวที่พ่ายแพ้ให้กับ Nintendo จะรู้สึกหวั่นเกรง พวกเขารีบจับมือกันเค้นความคิดเพื่อออกเครื่องคอนโซลตัวใหม่อีกครั้ง และคราวนี้ PlayStation รุ่นที่สามก็ได้กำเนิดขึ้นมาภายใต้ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “PlayStation 3” (PS3) เครื่องเล่นที่ยังคงรูปแบบความบันเทิงเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน พร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ Sony จงใจเพิ่มเข้าไปเพื่อแก้เคล็ดปัญหาเกมเถื่อน ซึ่งก็คือการเล่นเกมผ่านแผ่น “Blu-ray Disc” นั่นเอง
(ล่าง) เครื่อง PS3 ที่ทาง Sony มั่นใจเกินไปหน่อย จนเพลี่ยงพล้ำเสียแชมป์ให้กับ Xbox 360 และ Wii ไปโดยปริยาย
ด้วยเทคโนโลยีการอ่านแผ่นบลูเรย์นี้ ทำให้ประสิทธิภาพของเครื่อง PS3 ขึ้นไปอยู่เหนือกว่าเครื่องคอนโซลตัวอื่นได้อย่างไม่เห็นฝุ่น เพราะถือว่าเป็นคอนโซลเครื่องแรกที่รองรับภาพความละเอียดระดับ HD 1080p ซึ่งได้ใจแฟนเกมที่นิยมชมชอบความอลังการของเกมไปไม่น้อย
แต่ใช่ว่า PS3 จะไม่พบกับปัญหาอุปสรรคอะไรเลย ภายหลังจากการประกาศเปิดตัวเมื่อปี 2548 ยังไม่ทันที่ PS3 เครื่องแรกจะได้ปรากฏโฉมบนร้านค้า Sony ก็ต้องประสบกับปัญหาด้านการผลิตอย่างรุนแรง ทำให้กว่าเครื่อง PS3 จะได้ลืมตาดูโลกจริงๆ จังๆ ก็ปาเข้าไปปี 2549 แล้ว แถมราคาเครื่องตอนที่ออกมาทีแรกก็จัดว่า “มหาโหด” สุดๆ ด้วยราคาขั้นต่ำ 499.99 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 16,000 กว่าบาทไทยในขณะนั้น หากเทียบกับเครื่อง PS4 ที่เพิ่งออกมาสดๆ ร้อนๆ ก็คงไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ แต่หากเทียบกับราคาของเครื่องคู่แข่งอย่าง Xbox 360 ของ Microsoft และเครื่อง Wii ของ Nintendo ที่ราคาถูกกว่าเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว คงต้องขอบอกว่า Sony ใจกล้ามากที่ตั้งราคาได้โหดขนาดนี้... และต้องขอบอกเสริมด้วยว่า ในตอนนั้นมีการบุกยิงชิงปล้นฆ่าเพื่อขโมยเครื่อง PS3 ด้วยนะ... ของเขาโหดจริงๆ
นอกจากนี้ ในสมัยของ PS3 ยังเป็นยุคที่ Sony ให้กำเนิดระบบ PlayStation Network (PSN) หรือระบบเครือข่ายออนไลน์เป็นครั้งแรกด้วย แถมยังมีพ่วงมากับระบบให้บริการออนไลน์ที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีอย่าง PlayStation Plus (PS Plus) ให้ชาว PlayStation ทุกท่านได้จับจ่ายซื้อเกมกันผ่านอินเตอร์เน็ตด้วย และแน่นอน... มันก็เคยถูกแฮคมาเหมือนกัน
แม้ว่าเครื่อง PS3 จะทำยอดขายได้ประมาณ 84 ล้านเครื่องก็ตาม แต่น่าเสียดาย... ที่สุดท้ายก็ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับคู่กรณีเก่าอย่าง Nintendo Wii ไปในที่สุด
(ล่าง) คุณ Kazuo Hirai ผู้สืบทอดตำแหน่งจากคุณ Ken Kutaragi และเขาผู้นี้ก็ต้องแบกรับภาระในการดัน PlayStation ให้อยู่รอดในตลาดเกมที่มีคู่แข่งทั้งเครื่องคอนโซลและ PC ไปพร้อมๆ กัน
ทางเดินยังอีกยาวไกล
ต่อจากยุคสมัยของ PS3 ทาง Sony ก็ยังคงมุ่งพัฒนาเครื่องคอนโซลต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพัก และได้ให้กำเนิดเครื่อง PlayStation Vita (PS Vita) ออกมาในปี 2555 ซึ่งถือได้ว่าเป็นเครื่อง PlayStation “รุ่นพกพา” รุ่นที่สองต่อจาก PSP และเป็นเครื่องขนาดพกพารุ่นล่าสุดจาก Sony ด้วย ซึ่งเจ้า PS Vita นี่เองที่เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยี Touchpad หรือแผ่นสัมผัส ที่เราได้ลองถูเล่นอย่างสนุกสนานบนจอย PS4 อยู่ทุกวันนี้
(ล่าง) PS Vita เครื่องแฮนด์เฮลด์ที่ทาง Sony ถอดใจตั้งแต่ไก่โห่ ปล่อยให้ Nintendo 3DS กินรวบในเจนนี้ไปแบบไม่ต้องเหนื่อย
ทว่า... ไม่รู้ว่า Sony กำลังอยู่ในช่วงขาลงหรืออย่างไรไม่ทราบ เนื่องจากเครื่อง PS Vita กลับไม่ได้บูมถึงขนาดที่กลายเป็นกระแสดังท่ามกลางกลุ่มเกมเมอร์เหมือนกับเครื่องเกมรุ่นก่อนๆ อาจเป็นเพราะจำนวนเกมที่ลงให้กับเครื่อง PS Vita นั้นนับว่าน้อยมากหากเทียบกับ PlayStation รุ่นอื่นๆ หรือกับเครื่อง PSP เองก็ตาม หรืออีกปัจจัยหนึ่ง อาจเป็นเพราะ Sony กำลังซุ่มพัฒนา PS4 อยู่ก็เป็นได้...
และแล้ว... เราก็ได้เดินทางกลับมายุคปัจจุบันกันเสียที
เมื่อโลกปัจจุบันนั้นถูกผันเปลี่ยนเข้ามาสู่ยุคที่เทคโนโลยีก้าวไกลไปมากจนตามแทบไม่ทัน Sony เองเติบโตขึ้นจากวันวานไม่น้อย แต่ใช่ว่า Sony จะเป็นผู้ที่เติบโตอยู่ฝ่ายเดียวซะเมื่อไหร่ ทั้ง Nintendo และ Microsoft เองก็ได้เติบใหญ่ขึ้นมาไล่เลี่ยกัน และกลายเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของ Sony และลูกรักคนล่าสุดอย่าง “PlayStation 4” (PS4) ที่เพิ่งเปิดตัวกันไปได้เพียงปีเศษ ซึ่ง Sony เองก็ตั้งความหวังเอาไว้กับเจ้าเครื่อง PS4 นี้ไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยเทคโนโลยีมากมาย อาทิเช่น Touchpad, PSN หรือจะเป็นกล้องจับการเคลื่อนไหวที่ Sony จงใจติดเป็นอาวุธคู่กายให้กับ PS4 ทำให้ลูกรักคนล่าสุดของ Sony คนนี้ อาจกลายเป็นดาวดวงใหม่ของวงการเกมตามที่บรรพบุรุษ PlayStation รุ่นก่อนๆ ได้สลักชื่อเอาไว้ก็เป็นได้...
เวลาและผู้เล่นอย่างคุณเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสิน...
(ล่าง) เครื่อง PS4 ที่ทาง Sony พยายามอย่างหนักที่จะกลับมาครองแชมป์เครื่องคอนโซลในเจนนี้ให้ได้ ซึ่งก็ต้องมาลุ้นว่าจะทำสำเร็จหรือไม่
ผู้เขียน: Darkereus
**บทความนี้มีการคัดลอกและเรียบเรียงใหม่จากคอลัมน์ Feature ในนิตยสาร play ฉบับที่ 68 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ครับ**