วันนี้ในอดีต: วันวางจำหน่ายของเกม The 3rd Birthday

แชร์เรื่องนี้:
วันนี้ในอดีต: วันวางจำหน่ายของเกม The 3rd Birthday

วันที่ 22 ธันวาคม 2553 หรือวันนี้เมื่อ 6 ปีที่แล้ว เป็นวันวางจำหน่ายของเกม The 3rd Birthday บนเครื่อง PSP ทีประเทศญี่ปุ่น โดยเกมนี้เป็นแนวชู้ตติ้งมุมมองบุคคลที่ 3 พัฒนาร่วมกันโดยบริษัท Square Enix และ HexaDrive และเป็นเกมลำดับที่ 3 ของซีรีส์ Parasite Eve ซึ่งทางทีมพัฒนาได้ตัดสินใจให้ภาคนี้เป็นภาค Spin-off ของซีรีส์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในภาค 1-2 น้อยมาก ทั้งนี้ตัวเกมยังได้คุณฮาจิเมะ ทาบาตะ (Hajime Tabata) ผู้ที่มีผลงานกำกับเกม Final Fantasy Type-0 และ Final Fantasy XV มาเป็นไดเร็กเตอร์ให้แก่ภาคนี้ด้วย

เนื้อเรื่องของเกมนี้จะเกิดขึ้นในช่วงปี 2013 หรือ 1 ปีหลังจากที่กลุ่มมอนสเตอร์ที่มีชื่อเรียกว่า Twisted ได้ปรากฏตัวที่เบื้องล่างของเกาะแมนฮัตตันและทำลายเมืองไปยับเยิน ซึ่งทางการสหรัฐฯ ต้องหามาตรการมาต่อกรกับเหล่า Twisted ด้วยการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจที่มีชื่อว่า Counter Twisted Investigation (CTI) ขึ้นมาเพื่อการนี้ โดยมี อายะ นางเอกจาก Parasite Eve ภาค 1-2 เป็น 1 ในสมาชิกของหน่วยดังกล่าว ซึ่งเธอเคยประสบเหตุร้ายทำให้หมดสติและสูญเสียความทรงจำไปเมื่อ 2 ปีก่อนหน้า เธอจึงต้องอาศัยพลังโอเวอร์ไดฟ์ที่ติดตัวมาในการท่องเวลาไปยังอดีตเพื่อปราบพวก Twisted พร้อมกับค้นหาต้นตอของเรื่องนี้และหาทางเรียกคืนความทรงจำกลับมาให้ได้

ระบบของเกมนี้จะเป็นส่วนผสมระหว่างแนวแอ็กชั่นชู้ตติ้งกับแนว RPG ซึ่งจะมีภารกิจให้เล่นอยู่หลายมิชชั่นด้วยกัน โดยจะมีศูนย์บัญชาการของหน่วย CTI เป็นสถานที่รับภารกิจ อ่านไฟล์เกี่ยวกับภารกิจต่างๆ และสามารถซื้อหรือปรับแต่งอาวุธได้ ผู้เล่นสามารถเซฟได้ทั้งเวลาอยู่ในศูนย์ CTI และบริเวณเซฟโซนภายในพื้นที่ระหว่างปฏิบัติภารกิจ นอกจากนี้ เวลาผ่านแต่ละมิชชั่นก็ได้ Bounty Point ที่เปรียบเสมือนเงินในเกมและค่าประสบการณ์เอาไว้พัฒนาตัวละครและอาวุธที่สวมใส่ได้ ส่วนทางด้านระบบการต่อสู้ ผู้เล่นจะสามารถเลือกติดตั้งอาวุธและสลับใช้ไปมาได้โดยกดเพียงปุ่มเดียวค้างไว้ และฟื้นพลังชีวิตเองได้ถ้าหากเข้ากำบังหรือยืนนอกเขตต่อสู้

เกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับเกม The 3rd Birthday

- เดิมทีเกมนี้เคยถูกวางแผนว่าจะลงให้กับสมาร์ทโฟน แต่ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นเกม Exclusive บน PSP แทน ด้วยเหตุผลทางกลยุทธ์การตลาดและรูปแบบของเกม

- ระหว่างที่เกมนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา คุณโนมุระและคุณทาบาตะได้ตั้งเป้าว่าเกมนี้น่าจะขายได้ประมาณ 5 แสนชุดทั่วโลก โดยประเมินจากความสำเร็จที่เคยทำไว้ได้ตั้งแต่เกม Crisis Core: Final Fantasy VII กระทั่งพอเกมได้วางจำหน่ายจริงก็สามารถทำยอดขายประจำสัปดาห์แรกในญี่ปุ่นไปได้ 140,000 ชุด และเมื่อนับจนถึงสิ้นปี 2554 ปรากฏว่ายอดขายไปจบที่จำนวน 249,747 ชุด (เฉพาะในญี่ปุ่น) ทว่า ณ ปัจจุบันยังไม่มีการรายงานยอดขายจากภูมิภาคอื่นๆ นอกญี่ปุ่นแต่อย่างใด

- เกมนี้ได้รับคำวิจารณ์ที่เรียกว่า "เสียงแตก" ไปคนละทิศละทางครับ โดยฝั่งญี่ปุ่นจะชมในด้านของเกมเพลย์ที่มีการออกแบบได้น่าสนุก ระบบต่างๆ ในภาคนี้ช่วยให้อายะเป็นฮีโร่ที่มีความอเนกประสงค์และยืดหยุ่นสูง แต่จะไปสับประเด็นของเนื้อเรื่องที่หลุดจากกรอบเดิมๆ ของภาค 1-2 ไปไกลพอสมควร ในขณะที่ฝั่งตะวันตกจะมองว่าเนื้อเรื่องดูมีความแปลกใหม่ ไม่จำเจกับพล็อตที่เป็นกลิ่นอายเกมญี่ปุ่นเดิมๆ แต่ด้านเกมเพลย์นั้น แม้ว่าจะมีลูกเล่นใหม่ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเห็นสร้างสรรค์ แต่เมื่อเทียบกับเกมชู้ตติ้งอื่นๆ แล้ว ระบบเกมนี้ยังขาดความคล่องตัวและไม่ค่อยเป็นมิตรกับผู้เล่นที่ไม่สันทัดเกมชู้ตติ้งเท่าไหร่นัก

- หากผู้เล่นเคลียร์เกมในรอบที่ 2 จะมีฉากจบให้ดูเพิ่มเติมหลัง Credit และถ้าผู้เล่นสามารถเคลียร์เกมได้ 10 รอบขึ้นไป จะสามารถเล่นเกมรอบถัดไปโดยมีกระสุนให้ใช้ไม่จำกัดจำนวนได้

แชร์เรื่องนี้:
Vesper
About the Author

Vesper

เหนื่อยจากเกมก็ลองหยุดพัก แต่ถ้าเหนื่อยจากรักก็จงหยุดเถอะ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ