ในช่วงยุคสมัย 2528 ถึง 2533 เป็นช่วงที่ Nintendo บุกเบิกอเมริกาด้วยเครื่องฟามิคอม หรือที่ฝรั่งรู้จักในชื่อ NES (Nintendo Entertainment System) ทำให้ตลาดวิดีโอเกมกลับมาได้รับความนิยมอย่างมหาศาลอีกครั้ง และแน่นอนว่าบริษัทในอเมริกาล้วนอยากมีส่วนร่วมในการแชร์รายได้จากเจ้าเครื่องเกมสุดฮิตตัวนี้ ทั้งออกมาในรูปแบบของเกม และอุปกรณ์เสริมที่ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรมากมาย แต่มี 1 ในอุปกรณ์เสริมที่โดดเด่น โด่งดัง และเป็นที่ล่ำลือจนกระทั้งปัจจุบัน ชื่อของมันคือ Power Glove
Power Glove เป็นถุงมือที่สร้างโดยบริษัท Mattel บริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่ วางจำหน่ายเมื่อปี 2532 รูปลักษณ์ของมันคือถุงมือสีเทาขนาดผู้ใหญ่ใส่ได้สบายๆมีแผงคอนโทรลเลอร์อยู่ที่ถุงมือ ความสามารถของมันนั่นก็คือ มันสามารถที่จะควบคุมเกมด้วยการขยับมือที่ใส่ถุงมือนี้ได้!! โอ้โหโคตรเท่ครับ ลองจินตนาการสิ คุณทำท่าชก และตัวเอกในเกม Punch-Out ชกตามคุณ คุณโยกมือตัวละครกระโดด ขยับนิ้วโจมตี ชนิดว่าคุณแทบจะโยนจอยที่คุณใช้ทิ้งไปเลย
และการตลาดของเจ้าถุงมือนี้ถือว่าสมเป็น Mattel บริษัทของเล่นขนาดใหญ่ เพราะนอกจากทำโฆษณาที่โปรโมทคุณภาพสินค้าได้น่าสนใจแล้ว ยังเปิดตัวเจ้าถุงมือนี้ในภาพยนตร์เรื่อง The Wizard ที่ให้ตัวร้ายของเรื่องได้ใส่ถุงมือนี้เล่นเกมโชว์ (The Wizard เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับเด็ก 3 คนไปเล่นเกมชิงแชมป์โลกที่อเมริกา เป็นภาพยนตร์ที่มี Nintendo ช่วยออกทุน จนกลายเป็นโฆษณาสินค้าของ Nintendo ฉบับจอเงิน และยังเป็นภาพยนตร์ที่เปิดตัว Super Mario Bros. 3 ครั้งแรกที่อเมริกาด้วย ไว้มีโอกาสเราจะมาพูดถึงหนังเรื่องนี้กันเต็มๆ ครับ)
แต่ว่ายอดขายกลับไม่ได้เป็นไปตามความเท่ของมัน เพราะขายได้เพียง 1 แสนชุดทั่วโลกเท่านั้น เหตุผลจริงๆ ของมันคือ คุณภาพที่ไม่ได้เป็นไปดั่งโฆษณา ตัวเซนเซอร์ของถุงมือแย่มาก จนการขยับของคุณไม่ได้สั่งตัวละครตามที่ใจหวัง ซ้ำร้ายการใช้งานที่ยุ่งยาก เพราะคุณต้องคอยกด Code เพื่อเป็นการ Setting ถุงมือให้เข้ากับเกมๆ นั้น การติดตั้งเซนเซอร์บนจอโทรทัศน์ที่ยุ่งยาก และที่เป็นตลกร้ายมากๆ คือ จอยที่อยู่บนถุงมือ สามารถใช้เล่นได้ดีกว่าการสวมถุงมือเล่นอีก
แต่ว่าเจ้าถุงมือชิ้นนี้กลับได้รับความนิยมในภายหลัง กลุ่มนักสะสมหรือกลุ่มนักรีวิวเกมเก่าๆ มักจะเอามาสวมเล่นกันอย่างสนุกสนาน เพราะต้องยอมรับว่าแม้ใช้งานได้แย่ แต่ด้วยดีไซน์ของมันที่ดูดีและเท่ห์มาก มันจึงเปรียบดั่ง 1 ในสัญลักษณ์ของอเมริกายุคสมัยที่ NES ครองประเทศอยู่นั่นเอง
หากใครอยากรู้ว่าการทำงานของมันห่วยแตกขนาดไหน ขอยก Angry Videogame Nerd ตอนนึงมาให้ดูครับ