Star Wars Battlefront กับสื่อสัญลักษณ์เชิงสงคราม
แม้ว่าฉากหน้าของเกม Star Wars Battlefront จะเต็มไปด้วยฉากแอ็กชั่นและสู้รบกันด้วยยุทโธปกรณ์สุดล้ำก็จริง ทว่าก็จะมีอยู่บางกระแสที่พูดกันว่าพล็อตของมหากาพย์ Star Wars นั้นมีแกนหลักเป็นเรื่องของการเมือง ซึ่งตรงนี้ทีมงาน play ขอยืนยันว่าประเด็นการเมืองนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยนอกจากเวอร์ชั่นภาพยนตร์จะทำให้เราเห็นภาพของสภาที่กำหนดความเป็นไปของนโยบายแล้ว มันยังแอบสอดแทรกและพาดพิงไปถึงการเมืองในโลกความเป็นจริงด้วย ฉะนั้น เราเลยขอพาเพื่อนๆ มาสำรวจประเด็นของสงครามในภาพยนตร์และตัวเกมที่ดันไปสอดคล้องกับสงครามในโลกแห่งความจริงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้ๆ กันก็คือ "สงครามเวียดนาม" พร้อมด้วยประเด็น "การเหยียดเชื้อชาติ" กันครับ
เพื่อนๆ ผู้อ่านทั้งหลายที่เป็นแฟนภาพยนตร์ Star Wars คงจะเห็นว่ากองกำลังจักรวรรดินั่นพรั่งพร้อมไปด้วยยานรบและเครื่องจักรสังหารมากมายที่ไว้ใช้ทำสงครามกับผู้ที่แข็งข้อ กระทั่งตอนนี้หลายคนคงเริ่มสงสัยว่าทำไมความขัดแย้งท่ามกลางกาแล็กซีอันไกลโพ้นถึงมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งบนโลกอย่างสงครามเวียดนามได้ คำตอบก็คือ...เราสามารถมองกองกำลังฝ่ายจักรวรรดิในหนังและเกมเป็นตัวแทนของสหรัฐอเมริกาที่เคยไปทำสงครามเวียดนามได้นั่นเอง
เมื่อพูดถึงสงครามเวียดนาม สงครามนี้เป็นสงครามที่พญาอินทรีอย่างอเมริกาพยายามที่จะหักเหลี่ยมอิทธิพลของลัทธิคอมมิวนิสต์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการเข้าช่วยเหลือเวียดนามใต้ที่อยู่ข้างฝั่งเสรีนิยมเพื่อต่อสู้กับทัพเวียดนามเหนือ ซึ่งสงครามนี้ได้สร้างความอัปยศให้ประเทศลุงแซมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนโยบายของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) ที่ตอนแรกดูทำท่าว่าจะหาทางออกด้วยการถอนกำลังทหารกลับบ้านแล้วยุติสงคราม แต่จู่ๆ พี่แกก็ออกปฏิบัติการไลน์แบคเกอร์ 2 (Linebacker 2) ในเดือนธันวาคม 2515 ที่สั่งกองทัพอากาศทิ้งระเบิดปูพรมใส่เวียดนามเหนือ และในตอนหลังก็มีการคำนวณมาแล้วว่าจำนวนระเบิดที่ทิ้งในปฏิบัติการนี้มีมากกว่าระเบิดที่ใช้ในสงครามกับเยอรมนีและญี่ปุ่นเสียอีก จึงไม่ต้องแปลกใจว่าจนปัจจุบันเวียดนามก็ยังไม่สามารถเก็บกู้ระเบิดได้ทั้งหมด หลังจบสงครามก็ยังพบเห็นชาวเวียดนามที่ต้องตาย บาดเจ็บ และทุพพลภาพจากเศษซากระเบิดที่หลงเหลืออยู่ตามที่ต่างๆ อีกมากมาย
เอาล่ะ เล่ามาถึงตรงนี้ผู้อ่านน่าจะพอเห็นภาพลางๆ แล้วนะครับว่าฝ่ายจักรวรรดิใน Star Wars ที่มีพลังทางกองทัพและเทคโนโลยีขั้นสูง เปรียบได้กับอเมริกาที่ระดมเครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มประเทศที่อ่อนแอกว่า อีกทั้งการต่อสู้ในเวียดนามเหนือมันก็คล้ายกับฝ่ายต่อต้านที่สู้ด้วยอาวุธที่ด้อยกว่า ยิ่งในสังคมอเมริกันยุคนั้นจะมีคนวัยหนุ่มสาวออกมาจับกลุ่มตามท้องถนนเพื่อรณรงค์ต่อต้านสงครามกัน และตัวจอร์จ ลูคัส (George Lucas) เองก็เป็นผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวก็น่าจะเกิดสะท้อนใจกับเหตุการณ์นี้ จึงได้แฝงสารเรื่องการต่อสู้ของกลุ่มคนตัวเล็กๆ ที่ต่อต้านอำนาจอันยิ่งใหญ่ไว้ในพล็อตเรื่อง มิหนำซ้ำ คุณลูคัสแกยังเคยมีความตั้งใจที่จะทำหนังที่เกี่ยวกับสงครามเวียดนามด้วยนะเออ...
จากเรื่องราวของ Star Wars Episode 4-6 ที่ทางเกม Star Wars Battlefront ได้ดึงมาเป็นธีมประจำภาค เคยสังเกตกันมั้ยครับว่าทำไมกองกำลังฝ่ายจักรวรรดิถึงได้มีแต่มนุษย์เท่านั้น ในขณะที่กองกำลังของฝ่ายต่อต้านกลับมีทั้งมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์อื่นๆ อีกมากมาย เอาที่เห็นชัดๆ ก็เช่น ชิวแบกก้า (Chewbacca) เพื่อนซี้ของ ฮาน โซโล (Han Solo) ที่เป็นเช่นนี้น่าจะมาจากเรื่องราวใน Star Wars ภายหลังจากสถาปนาจักรวรรดิกาแล็กติกแล้ว ก็ได้มีการผ่านกฎหมายที่เรียกว่า Human High Culture ที่เป็นกฏหมายที่อิงปรัชญาที่ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ถือว่ามีความสูงส่งกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ ซึ่งตัวพัลพาทีน (Palpatine) เองก็เป็น 1 ในผู้ที่ยึดถือแนวคิดนี้อย่างเข้มข้น และนี่ก็อาจเป็นที่มาว่าในกองกำลังของฝ่ายจักรวรรดิแทบไม่มีสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่นให้เห็นเลย จะมีเพียงนายพลทรอว์น (Thrawn) ที่เป็นชาว Chiss รูปร่างคล้ายมนุษย์แต่มีผิวสีฟ้า (ตรงนี้อาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงมนุษย์เลยทำให้เขาไม่ถูกจำกัดบทบาทเท่าเผ่าพันธุ์อื่นก็เป็นได้)
กรณีของพัลพาทีนอาจจะเป็นการอธิบายได้ว่าตัวละครนี้เป็นตัวละครที่คุณลูคัสต้องการให้สะท้อนลักษณะการเหยียดเชื้อชาติจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและเป็นความทรงจำที่โลกตะวันตกจะไม่มีวันลืม โดยพรรคนาซีของฮิตเลอร์เชิดชูอุดมการณ์เรื่องความเป็นชาวอารยันและความเป็นชนชาติที่ครอบครองคุณสมบัติอันเหนือกว่าชนชาติอื่นโดยกำเนิด (Master Race) หรือพูดง่ายๆ ว่าเกิดมาเพื่อเป็นนายและอยู่บนยอดสุดของพีระมิดในสังคมนั่นแหละครับ ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากคุณลูคัสจะอยู่ในช่วงสงครามเวียดนามแล้วก็ยังได้ทันเห็นการเรียกร้องสิทธิพลเมืองของคนผิวสีด้วย จึงไม่น่าแปลกใจว่าการเหยียดเชื้อชาติในสงครามโลกครั้งที่ 2 และการต่อสู้ของคนผิวสีในสหรัฐฯ จะมีอิทธิพลต่อ Star Wars ด้วยนั่นเอง ดังจะเห็นได้ว่ากองทัพของพวกลุค สกายวอล์คเกอร์จะมีความเป็นมิตรกับตัวละครเผ่าพันธุ์อื่นมากกว่า และสภาเจไดเองก็มีสมาชิกจากหลากหลายเผ่าพันธุ์ นั่นก็เนื่องมาจากพวกเจไดนับถือกันที่องค์ความรู้และปัญญาเหนือกว่าความแตกต่างทางเชื้อชาติ ด้วยเหตุนี้ตัวละครที่เหยียดเผ่าพันธุ์อย่างพัลพาทีนเลยถูกนำเสนอออกมาในภาพลักษณ์ของจอมวายร้ายแห่งกาแล็กซีไปโดยปริยาย
