Virtual Boy ฝันร้ายของ Nintendo

แชร์เรื่องนี้:
Virtual Boy ฝันร้ายของ Nintendo

 

 

ถ้าข่าววงการเกมตอนไหนสะเทือนพื้นดินมากที่สุด คงไม่มีใครปฏิเสธว่าต้องเป็นการเปิดตัวเครื่องเกมใหม่ที่คนกำลังเถียงกันว่า เป็นเครื่องคอนโซล หรือ พกพา อย่าง Nintendo Switch ซึ่งการโชว์นวัตถกรรมใหม่ๆให้กับเครื่องเกม ถือเป็นสิ่งที่ Nintendo ชอบทำมาโดยตลอด ซึ่งก็มีแฟนนินสายจู่โจมเครื่องเกมอื่น มักจะไปพูดเวลาค่ายอื่นเปิดตัวสิ่งใหม่ๆบอก โด่วนินทำมาก่อนแล้วเหอะ และแน่นอนการเปิดตัวอุปกรณ์เล่นเกมแบบ Vitual Reality หรือ VR ที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ตอนนี้ จริงๆแล้ว Nintendo ก็ทำมาก่อนแล้วเช่นกัน แต่เรามักจะไม่พบแฟนนินสายจู่โจมออกมาเยาะเย้ยคนอื่น เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่าไอ้ที่ Nintendo ทำมันคือสิ่งที่แฟนๆนินอยากจะลบมันออกไปจากความทรงจำน่ะสิ

 

 

เรากำลังพูดถึงเครื่องเกมที่ล้มเหลวที่สุดของค่ายอย่าง Virtual Boy นั่นเอง


Virtual Boy คือผลงานของ กุนเปย์ โยโคอิ บิดาแห่ง Gameboy ที่หลังจากผลงานชิ้นโบว์แดงของเขาสร้างความภาคภูมิใจแก่ท่านประธาน ยามางุจิ อย่างมาก ท่านประธานจึงไม่รีรอที่จะทดแทนคุณด้วยกุนเปย์ด้วยการเรียกเข้าห้องประชุมแล้วบอกว่า "ไปสร้างเครื่องเกมใหม่ที่มันฮิตๆซิ" ซึ่งแน่นอนแม้ใจกุนเปย์จะด่า คิด วิเคราะห์ แยกแยะ นิดๆหน่อยๆ แต่เค้าก็อยากจะสร้างผลงานที่ช่วยทำให้วงการเกมพลิกโฉมเหมือนตอนเข้าทำ Gameboy นั่นแหละ แต่จะทำอะไรดีหนอ

 

 

ตอนนั้นเทคโนโลยี VR เริ่มมีการพูดถึงมาก ทั้งในหนังไซไฟ ภาพยนตร์ หรือแม้แต่อุปกรณ์เสริมบนเครื่องเกมทั้งของ Nintendo และ Sega (แต่มีคุณภาพไหม ก็คิดว่า ณ ตอนนี้บางคนยังถามเลย ห๊ะมันมีตั้งแต่ยุคนั้นเลยเหรอ) จึงคิดดีที่จะเอา VR มาใส่ในเครื่องเกมใหม่ของตนเอง เพราะนอกจากจะสดใหม่แล้ว หากมันฮิตมันจะพลิกวงการเกมในทันทีทันใด และ Virtual Boy ก็ออกวางจำหน่ายในปี 2538 

ตัวเครื่องของ Virtual Boy เป็นกล้อง VR ขนาดใหญ่ระดับสวมหัวได้ มีขาตั้ง 2 อัน พร้อมจอย ตัวเครื่องหากจะเล่นจำเป็นต้องมองเข้าไปในตัวเครื่อง Virtual Boy ซึ่งภาพในจอเกมจะมีสีแดงและดำ2สีเท่านั้น ซึ่งกุนเปย์ได้บอกว่านี้คือเครื่องเกมพกพา แต่ว่าด้วยขนาดของมันคงไม่มีใครบ้าพกเจ้านี้ออกไปเดินนอกบ้าน รวมถึงตัวเครื่อง Virtual Boy ไม่มีสายรัดหัวให้ ฉะนั้นจึงลืมไปได้เลยกับการเดินไปเล่นไป อีกทั้งตัวเครื่องออกแบบมาให้เล่นค่อนข้างลำบากพอสมควร แม้คุณจะนั่งเล่นบนโต๊ะก็ตามที รวมถึงภาพที่แสดงออกมา แม้มันจะมี2สีเหมือนเกมบอก แต่เพราะความเป็น VR ที่ต้องแสดงภาพเป็น3มิติ ทำให้ปวดตาอย่างมากตลอดการเล่น

 

 

จริงๆแล้วไอเดียของกุนเปย์ถือว่าเป็นไอเดียที่บรรเจิด เพียงแต่เขาคิดมาก่อนเวลามากพอสมควร ก่อนเวลาที่เทคโนโลยีนี้จะพัฒนาให้มันลงตัวได้ จึงไม่น่าแปลกที่ Virtual Boy จะเจ๊งแบบหมอไม่รับเย็บ ตัวเครื่องขายได้เพียง 7 แสนเครื่องทั่วโลก Nintendo หยุดสายการผลิตทันทีหลังจากวางจำหน่าย1ปี กลายเป็นรอยด่างความสำเร็จของ Nintendo ไปทันที สำหรับความเสียหายนี้ ทำให้กุนเปย์ยอมรับผิดด้วยการออกจาก Nintendo ไป (กระแสบางส่วนบอกว่า เจอท่านประธานยามากุจิ ถีบส่ง) ซึ่งก็น่าเสียดายเพราะเขาออกก่อนที่ผลงานชิ้นสุดท้ายที่ให้ไว้กับทาง Nintendo อย่าง Gameboy Pocket จะประสบความสำเร็จ ซึ่งกุนเปย์ก็ไปอยู่ที่ Bandai และผลิต WonderSwan ให้

 

 

จริงๆแล้วหากว่ากันตามคอนเซป Virtual Boy ถือเป็นเครื่องเกมที่มีไอเดียล้ำยุค และมีโอกาสพลิกวงการเกมจริงๆ เพียงแต่การมาก่อนเวลาของมัน และการดีไซน์ที่แย่เกินไป มันจึงไม่ได้เป็นไปตามที่กุนเปย์คาดหวังเอาไว้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า Nintendo สร้างนวัตกรรมในวงการเกม เพียงแต่ครั้งนี้มัน Fail แค่นั้นเอง ในปัจจุบันเจ้าเครื่องนี้สำหรับนักสะสม นับว่าเป็นของที่มีราคาสูงเหมือนกัน

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ