วิวัฒนาการของการ Save Game ใน Console

แชร์เรื่องนี้:
วิวัฒนาการของการ Save Game ใน Console

ตายและ คุณแม่เรียกไปซื้อของ ทำยังไงดีนะเรา นี้คือปัญหาที่พบบ่อยๆในวัยเด็กของเราเวลาเล่นเกม ที่เกมกำลังมันส์ หรือเข้าด้ายเข้าเข็ม จะต้องมีอุปสรรคมาหยุดอารมณ์ของเราเสมอ ครั้นจะกดหยุดเกมแล้วไปทำงาน ก็คงเปลืองไฟมหาศาลแน่ จะปิดเกมแล้วไปธุระ ไอ้ที่เราเล่นมาก็หายไปหมดกันพอดี ฉะนั้นโลกจึงถือกำเนิดสิ่งที่เรียกว่า การ Save Game ขึ้นมา เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเล่นใหม่ และปิดเกมออกไปทำธุระ หรือ เล่นใหม่ในวันอื่นได้อย่างสบายใจนั่นเอง

จริงๆแล้วการ Save Game ในยุคแรกไม่ได้เกิดขึ้นมาหรอกครับ เพราะในยุคนั้นเกมส่วนใหญ่จะไม่ใช่เกมที่เราจะต้องเล่นติดต่อกันนานๆ ส่วนใหญ่มันจะเป็นเกมที่เน้นการเก็บคะแนน หรือเล่นระยะสั้นๆเพียง 2-3 ชั่วโมงก็สามารถจบได้ เป้าหมายเกมยุคแรกคือ เอาคะแนนมาสร้างความภูมิใจแก่ตนเอง ถ่ายรูปแล้วเอาไปโม้กับเพื่อน ก่อนโดนตบเพราะคะแนนเพื่อนมีมากกว่า อะไรแบบนั้น แต่ว่าเกมย่อมต้องพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ความยาวของเกมก็เริ่มมากขึ้น ซึ่งบางเกมมีความยาวสูง และเราจะต้องเล่นตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีการหยุดปิดเครื่อง เกมที่เห็นชัดที่สุดก็คือ Rockman ภาคแรก ผมเชื่อว่าคนที่เล่นยุคนั้นคงบ่นกันอุบ นอกจากยาก และมันก็มีความยาวระดับนึง เราอาจต้องใช้เวลาครึ่งวันในการจบโดยห้ามปิดเครื่อง ห้ามไปทำธุระให้แม่ แม่ด่าก็ดิ้นกับพื้นงอแงใส่

จริงๆเรื่องของการ Save Game มีมาก่อนใน Famicom สำหรับเกมที่ใช้แผ่น Diskett ในการเล่น เพราะแผ่นพวกนี้สามารถเขียนข้อมูลทับได้ จึงสามารถที่จะเซฟเกมได้ แต่นั่นไม่ใช่กับตลับเกมที่มันเขียนทับไม่ได้ ฉะนั้นการแก้ปัญหาในยุคนั้น คือการที่ทางผู้สร้างได้ใส่ระบบ Password เข้าไปในเกม ฉะนั้นเมื่อเราจบด่าน หรือไปที่จุด Save เกมก็จะขึ้น Password ให้เราจดเอาไว้ มาเล่นรอบหน้าก็ใส่ Password ลงไปก็เล่นต่อได้ทันที ซึ่งเกมเด่นๆที่ใช้ระบบนี้ก็คือ Rockman 2 และ Dragon Quest ซึ่งทั้ง2เกมมีความยาวที่สูงมากจนเป็นไปได้ยากที่เราจะจบเกมแบบรวดเดียว ซึ่งถือเป็นระบบSave Game ที่นิยมมากในยุคแรก เพราะมันไม่ต้องใส่ข้อมูลเพิ่ม แค่เขียนรูปแบบของ Password ลงไปในตลับก็พอ

แต่ข้อเสียของมันก็มี นั่นก็คือ หากจดผิดแม้แต่ตัวเดียว คิดจนตัวตาย และบางเกมความยาวของ Password มันไม่ใช่ยาวธรรมดา มันยาวจนบางทีเราใส่ไปหลับไปก็มี แล้วถ้าจดผิดซักตัว ก็คงร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสายเลือด ยิ่งเกมยุค 8bit บางตัวอักษรดูยาก และเหมือนกันก็มี (ยิ่งคนที่จดPassword ภาษาญี่ปุ่น บางคนเรียนญี่ปุ่นกันตั้งแต่เล่นเกมเลยเนี่ยแหละ) หรือปัญหาระดับจักรวาลอย่าง กระดาศจด Password หายไปไหน....นั่นทำให้ระบบการ Save Game ต้องเปลี่ยนแปลงไปเป็น ระบบถ่านเซฟในตลับเกม ถ่านเซฟในตลับเกมจะมีรูปร่างคล้ายๆกับถ่านนาฬิกา มันจะสามารถบันทึกข้อมูลเซฟภายในตลับเกมได้ ทำให้เมื่อเราเปิดเกมมาโหลดเซฟได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาจดและใส่ Password ซึ่งเป็นระบบเซฟเกมที่อยู่มายาวนานพอสมควร ตั้งแต่ Famicom ยันไปถึงยุค Gameboy Advance (จริงๆ DS ก็นับได้เหมือนกันนะ)

แต่ระบบถ่านเซฟนี้ก็มีปัญหาที่ใหญ่มากปัญหานึงคือ ถ่านเซฟหมด ถ่านเซฟหมดคุณไม่ต้องคิดอะไรให้เมื่อยหัว เพราะเซฟมันจะหายไปในทันทีแบบไม่มีบอกลา หนำซ้ำมันยังไม่สามารถที่จะเซฟลงไปได้อีกด้วย เพราะถ่านหมดแล้ว และเราไม่สามารถย้ายเซฟเกมนี้ไปไว้ที่ปลิดภัยอื่นได้อีกเลย (แต่ในปัจจุบันมีเครื่องเกมที่สามารถเล่นเกมเก่าๆ ทำฟังก์ชั่นให้คนสามารถย้ายเซฟเกมในตลับมาไว้ใน SD Card ได้แล้ว แต่มันยังไม่สมบูรณ์) ซึ่งคนที่เล่นเกมในตลับน่าจะรู้ดี แต่ส่วนใหญ่คนที่ประสบปัญหาถ่านเซฟหมดจะเป็นคนที่เล่นเกมในตลับปลอม ซึ่งใช้วัตถุดิบในการทำตลับราคาถูก จึงประสบปัญหานี้เป็นเรื่องปกติ แต่กับตลับแท้ถ่านเซฟมีชีวิตอยู่ยาวนานกัน 10-20 ปีเลยทีเดียว แต่ก็นั่นแหละยังไงมันก็ต้องมีวันหมดอายุอยู่ดี ฉะนั้นการเซฟเกมแบบเก็บไว้ในหน่วยความจำนอกจึงถูกพูดถึง

และนั่นก็ก่อกำเนิด Memory Card ระบบการเซฟเกมแบบใช้หน่วยความจำภายนอก ซึ่งไม่มีวันหมดอายุ ซึ่งถือกำเนิดในเครื่อง PlayStation ข้อเสียของมันก็มีเพียงแค่ คุณบังเอิญทำ Memory Card ที่รักตกพื้นจนกระจุย หรือ ทำหายไปกับสายลม แต่นอกนั้นเซฟของเกมจะอยู่คงทนตลอดไป ซึ่ง Memory Card นี้ก็ได้ถูกพัฒนาและใช้กับเครื่องเกมยุคต่อๆมา จนเครื่องเกมมี Hard Disk ในตัว การเซฟเกมก็เลยเปลี่ยนมาเป็นลงข้อมูลใน Hard Disk เหมือนคอมแทนนั่นเอง นอกจกานี้ยังมีบริการเก็บเซฟไว้ใน Sever ของค่ายเกม เพื่อเก็บรักษาเซฟเอาไว้ให้มั่นคง ฉะนั้นยุคนี้ เรื่องของเซฟเกมหาย จึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

และนี้ก็คือ วิวัฒนาการของการ Save Game ในเครื่อง Console 

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ