ย้อนอดีตกับ Game Boy Micro เครื่องเกมพกพารุ่นจิ๋วแต่ไม่แจ๋ว
Game Boy Micro เป็นเครื่องเกมแฮนด์เฮลด์ที่พัฒนาและผลิตโดยบริษัท Nintendo โดยเครื่องดังกล่าวนับเป็นเจนเดียวกับ Game Boy Advance และ Game Boy Advance SP ซึ่ง Game Boy Micro นี้เป็นเครื่องแฮนด์เฮลด์รุ่นสุดท้ายของสายผลิตภัณฑ์ Game Boy ก่อนที่จะกระโดดข้ามไปเจนถัดไปด้วยเครื่อง Nintendo DS และก็ยังเป็นเครื่องแฮนด์เฮลด์รุ่นสุดท้ายของ Nintendo ที่ไม่มีการล็อคโซนเกมกับตัวเครื่อง ดังนั้นผู้เล่นที่มีเครื่องที่ซื้อจากทวีปอเมริกาก็สามารถนำเกมที่ซื้อจากญี่ปุ่นมาเปิดเล่นได้ตามปกติ (Nintendo DS และ Nintendo 3DS จะมีการล็อคไม่ให้เล่นข้ามโซนกันได้)
ในช่วงเริ่มแรกนั้น ทางคุณเรจจี้ ฟิลส์ ซาเม่ (Reggie Fils-Aime) รองประธานบริษัท Nintendo ฝ่ายการขายและการตลาดสาขาทวีปอเมริกาได้ประกาศเปิดตัวเครื่อง Game Boy Micro ภายในงาน E3 2005 ด้วยรูปลักษณ์ที่เล็กและบางกว่า Game Boy Advance SP (รุ่นฝาพับ) พร้อมกับมีหน้าจอแสดงผลที่เล็กกว่าคือ 2 x 4 นิ้ว ทว่าความเล็กของมันก็ต้องแลกมากับการตัดฟังก์ชั่น Backward Compatibility ที่ทำให้สามารถเล่นเกม Game Boy รุ่นแรกและ Game Boy Color ได้ออกไป
(ล่าง) เปรียบเทียบไซส์ระหว่างเครื่อง Game Boy Micro กับ Game Boy Advance SP
หลังจากที่ Game Boy Micro ออกวางจำหน่ายในญี่ปุ่น ก็สามารถทำยอดขายภายในวันแรกไปได้ถึง 170,000 เครื่อง แต่ในฝั่งของทวีปอเมริกาเหนือกลับค่อนข้างจะมีกระแสแอนตี้เจ้า Game Boy Micro อยู่ไม่น้อย โดยหลายร้านไม่ค่อยอยากจะนำเจ้าเครื่องนี้มาขายเท่าไหร่ ด้วยความคิดที่ว่ามันไม่ใช่รุ่นที่อัพเกรด แถมยังมีขนาดเครื่องและจอแสดงผลที่เล็กจนไม่น่าเหมาะกับผู้เล่นตะวันตก สุดท้ายแล้วเมื่อนับยอดขายจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2550 ปรากฏว่าทาง Nintendo ขาย Game Boy Micro ไปได้รวม 2.42 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งแบ่งเป็น 610,000 เครื่องในญี่ปุ่น 950,000 เครื่องในอเมริกา และ 870,000 เครื่องในทวีปยุโรปกับประเทศในแถบโอเชียเนีย และพอสิ้นสุดการนับยอดขายเมื่อ 30 กรกฎาคม 2550 ยอดขายของเครื่อง Game Boy Micro ก็ไปจอดอยู่ที่ราวๆ 2.5 ล้านเครื่อง เลยติดอันดับ 8 ของเครื่องเกมแฮนด์เฮลด์ที่มียอดขายแย่ที่สุดตลอดกาลโดยทันที (จัดอันดับโดยเว็บไซต์ GamePro.com)
(ล่าง) ขนาดของเครื่อง Game Boy Micro เมื่อเทียบกับตลับเกม Game Boy Advance
อีกประเด็นที่ทำให้ Game Boy Micro มียอดขายแย่อย่างที่เห็น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะราคาขายที่ตั้งไว้ที่ 99 เหรียญสหรัฐฯ ครับ เนื่องจากตัว Game Boy Advance SP ที่เป็นรุ่นก่อนหน้าและมีขนาดจอที่ใหญ่กว่ายังมีราคาแค่ 79 เหรียญเท่านั้น แถมตัวเครื่อง Game Boy Micro ดันมีสีให้เลือกแค่สีดำกับสีเงิน และลาย Limited Edition ที่เป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของเครื่อง Famicom เท่านั้น จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับเครื่องแฮนด์เฮลด์ตัวนี้ ทำให้คุณซาโตรุ อิวาตะ (Satoru Iwata) อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nintendo ต้องออกมายอมรับถึงยอดขายอันล้มเหลวของ Game Boy Micro ที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของบริษัท และแผนการตลาดที่โปรโมท Nintendo DS ซึ่งเป็นเครื่องแฮนด์เฮลด์เจนใหม่ ก็ยิ่งเป็นตัวฉุดให้ Game Boy Micro ขายยากขึ้นกว่าเดิม เพราะเครื่องดังกล่าวดันออกมาปลายเจนของ Game Boy Advance แล้วด้วย
(ล่าง) เครื่อง Game Boy Micro รุ่นฉลองครบรอบ 20 ปีของเครื่อง Famicom
และนี่ก็คือหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่ทาง Nintendo ไม่ค่อยจะอยากจดจำสักเท่าไหร่ เนื่องจากที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน Nintendo ถือว่าครองตลาดเครื่องเกมพกพามาได้ตลอด นับตั้งแต่ Game Boy, Game Boy Color, Game Boy Advance, Nintendo DS และ Nintendo 3DS จะมีก็แต่เพียง Game Boy Micro ตัวนี้ที่เหมือนเป็นจุดด่างพร้อยที่ Nintendo ได้นำไปเป็นบทเรียนถึงแผนการตลาดและนำไปปรับปรุงเพื่อกลับมาผงาดอีกรอบกับเครื่อง Nintendo DS ครับ