"วันนี้ในอดีต" by play
วันที่ 31 สิงหาคม 2545 หรือวันนี้เมื่อ 14 ปีที่แล้ว เป็นวันวางจำหน่ายของเกม Fatal Frame ภาคแรกบนเครื่อง PS2 ที่บางประเทศในทวีปยุโรป โดยเกมนี้เป็นเกมแนวสยองขวัญรูปแบบใหม่ที่ผู้เล่นต้องใช้กล้องในการถ่ายภาพผีร้ายที่เป็นศัตรูหลักของเกมเพื่อสะกดวิญญาณพวกมัน ซึ่งเกมนี้จะมีชื่อที่แตกต่างกันไปตามภูมิภาคที่จำหน่าย อย่างในญี่ปุ่นก็จะใช้ชื่อว่า Zero ส่วนในทวีปอเมริกาเหนือก็จะใช้ชื่อ Fatal Frame เหมือนที่เกมเมอร์ในไทยคุ้นกัน และในทวีปยุโรปก็จะใช้ชื่อว่า Project Zero พัฒนาโดยบริษัท Tecmo ที่มีผลงานการพัฒนาเกม Ninja Gaiden อันโด่งดังนั่นเอง
เรื่องราวในเกมนี้เกิดขึ้นในปี 1986 เมื่อสองพี่น้อง มิกุ ฮินาซากิ และ มาฟุยุ ฮินาซากิ ได้เดินทางไปที่คฤหาสน์ประจำตระกูลฮิมุโระ แต่เกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อจู่ๆ มาฟุยุได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มิกุจึงออกตามหามาฟุยุเพียงลำพัง ระหว่างที่กำลังสำรวจสถานที่ เธอก็ได้พบกับเบาะแสเกี่ยวกับชะตากรรมของทุกคนที่เคยย่างกรายเข้ามาในคฤหาสน์แห่งนี้ ซึ่งเธอต้องสู้กับเหล่าวิญญาณร้ายที่สิงสถิตอยู่ และค้นหาความจริงเกี่ยวกับพิธีกรรมที่จัดขึ้นและวัตถุประสงค์ของพิธีกรรมภายในคฤหาสน์ไปด้วย
ทั้งนี้ Fatal Frame จะแบ่งตัวเกมออกเป็น 4 Chapter ด้วยกัน ผู้เล่นจะได้บังคับเป็น มิกุ ฮินาซากิ แทบจะทั้งเกม โดยอาวุธประจำตัวของเราก็คือกล้องสะกดวิญญาณ เมื่อไหร่ก็ตามที่เจอผีร้ายพุ่งเข้ามาโจมตีเรา สิ่งที่เราต้องทำคือหันกล้องไปหาผีตัวนั้นแล้วกดชัตเตอร์เพื่อถ่ายมันมา ซึ่งระหว่างที่โฟกัสก็จะเข้าสู่มุมมองบุคคลที่ 1 และเกจบนหน้าจอก็จะสว่างเป็นแถบวงกลม ถ้าผู้เล่นรอจังหวะดีๆ ให้เกจสว่างจนเต็มวงได้ทันก่อนที่ผีจะได้โจมตีเรา ก็จะสร้างความเสียหายกับผีตนนั้นได้หลายเท่า พอเราลดพลังชีวิตของมันจนหมดได้ ผีตนนั้นก็จะหายไป อนึ่ง การถ่ายรูปแต่ละใบจำเป็นต้องใช้ฟิล์มที่หาเก็บได้ภายในคฤหาสน์ ซึ่งฟิล์มก็เปรียบเสมือนกระสุนปืนของเกมแอ็กชั่นทั่วไป ที่เราต้องบริหารจำนวนให้ดีๆ โดยคอยระวังไม่ให้ถ่ายพลาดบ่อยเกิน ฟิล์มแต่ละชนิดก็จะมีพลังในการสะกดวิญญาณไม่เท่ากัน ยิ่งฟิล์มคุณภาพดี ก็จะยิ่งหายากและมีให้ใช้น้อยครั้ง
Fact เล็กน้อยเกี่ยวกับเกม Fatal Frame
- บนกล่องเกม Fatal Frame ภาคแรก (เวอร์ชั่นที่จำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือ) จะมีคำโปรยคาดไว้ด้านล่างโลโก้เกมว่า Based on a True Story" ในส่วนนี้คุณมาโคโตะ ชิบาตะ ไดเร็กเตอร์ของเกมนี้ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่าตัวเกมได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นในเขตนอกกรุงโตเกียว เมื่อมีเหตุฆาตกรรมหมู่ 7 ศพแบบสุดสะเทือนขวัญภายในคฤหาสน์หลังหนึ่ง และในที่ดินแปลงเดียวกัน ก็ยังมีบ้านอีก 3 หลังที่ตั้งล้อมรอบคฤหาสน์หลังดังกล่าว ซึ่งทุกหลังล้วนมีเรื่องเล่าลือเกี่ยวพันกับปัญหาในอดีตของคฤหาสน์หลังนั้น โดยลือกันว่ามีอุโมงค์ใต้ดินที่ถูกสร้างขึ้นข้างใต้คฤหาสน์ ทว่าไม่มีใครทราบว่าผู้ใดเป็นคนสร้างอุโมงค์นี้ และมันถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ ต่อมาก็ได้มีปรากฏการณ์แปลกๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้เกิดขึ้นไปทั่วบริเวณบ้านและคฤหาสน์บนที่ดินแปลงที่ว่า เช่น รอยมือเปื้อนเลือดที่พบกระจัดกระจายอยู่ตามกำแพง หรือมีผู้อ้างว่าพบเห็นวิญญาณล่องลอยป้วนเปี้ยนอยู่แถวคฤหาสน์แม้จะเป็นกลางวันแสกๆ นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับบันไดที่ขึ้นไปยังห้องใต้หลังคา ที่ซึ่งลือกันว่ามีเครื่องรางสะกดวิญญาณที่เก็บอยู่ในนั้น และก็มีผู้คนมากมายออกตามหาเจ้าเครื่องรางที่ว่านี้ ทว่าสุดท้าย แต่ละรายกลับถูกพบเป็นศพในสภาพกระดูกหักและปรากฏรอยเชือกรอบคอและข้อมือ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีรูปปั้นหญิงสาวสวมชุดกิโมโนในสภาพไร้ศีรษะที่ชวนขนหัวลุกอยู่ในคฤหาสน์เช่นกัน และถ้าใครลองถ่ายภาพหน้าต่างสักบานของคฤหาสน์ดูก็จะพบเงาของผู้หญิงลึกลับปรากฏอยู่บนรูปภาพด้วย ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้ได้เป็นที่กล่าวขวัญกันในหมู่ผู้คนในกรุงโตเกียว และหลายคนก็เชื่อว่าใครก็ตามที่พักอาศัยใกล้ละแวกนั้นก็จะต้องคำสาปกันหมด อีกทั้งการตายของเหยื่อ 7 คนก็ยังไม่มีการหาสาเหตุที่แท้จริงจนกระทั่งทุกวันนี้
- ช่วงที่เกมนี้ออกวางจำหน่ายใหม่ๆ ทางทีมพัฒนาจาก Tecmo ได้ถูกบริษัทที่สร้างภาพยนตร์ชื่อดังจากฮอลลีวู้ดเรื่อง Ghostbusters ฟ้องร้องว่าเกม Fatal Frame ได้ลอกเลียนไอเดียการถ่ายภาพเพื่อสะกดวิญญาณมาจากภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว แต่สุดท้ายทางศาลและคณะลูกขุนก็ยกฟ้องคดีและยกประโยชน์ให้ทาง Tecmo ไป
- เกม Fatal Frame นั้นมีทำออกมาในเวอร์ชั่นนวนิยายด้วยนะครับ ซึ่งเป็นเรื่องเล่าจากมุมมองของผู้แต่งนามว่า มาฟุยุ ฮินาซากิ (Mafuyu Hinasaki) และเรื่องราวในนิยายจะต่างจากเวอร์ชั่นเกมอยู่เล็กน้อย ทั้งนี้ นวนิยายที่ว่านี้ได้ถูกจัดทำในเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น โดยมีชื่อเรื่องว่า Zero: The Novel รหัสหนังสือคือ ISBN 4840220654 เพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากหามาอ่านต้องลองเข้าไปดูที่เว็บ Amazon.co.jp ครับ
- ภายในสัปดาห์แรกของการวางจำหน่ายเกมนี้ที่ญี่ปุ่น Fatal Frame ทำยอดขายได้ต่ำมาก คืออยู่ที่ 22,000 ชุดเท่านั้น ซึ่งเป็นภาคที่เปิดตัวด้วยยอดขายต่ำสุดของซีรีส์นี้เลย และเมื่อนับยอดขายรวมทั้งหมดในญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน ปรากฏว่าทำยอดขายไปได้เพียง 42,000 ชุด ในขณะที่ในยอดขายในทวีปยุโรปจะอยู่ที่ 12,000 ชุด ซึ่งแม้ว่ายอดขายในต่างแดนจะน้อยนิดแค่นี้ ทางคุณเคสึเกะ คิคุจิ ตำแหน่งโปรดิวเซอร์ และคุณมาโคโตะ ชิบาตะ ผู้กำกับของเกมนี้ก็ยังออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเกมนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในตลาดตะวันตกเกินคาด และเกมนี้ถือเป็นการเดินตามรอยภาพยนตร์เรื่อง Ring ที่ไปบุกเบิกตลาดหนังสยองขวัญในต่างประเทศจนเป็นที่รู้จักนั่นเอง