และแล้วงาน AFA 2016 ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วนะครับที่รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดย 1 ในพระเอกของงานก็คือบูธ PlayStation ที่นำเกม Final Fantasy XV มาให้ลองกันด้วย
ทางทีมงาน play และ Online Station ก็เลยถือโอกาสลองเพื่อมารีวิวให้ได้ชมกันครับ
ก่อนอื่นต้องชี้แจงก่อนนะครับว่า Final Fantasy XV เวอร์ชั่นที่ทีมงานได้เล่นกันในงาน AFA 2016 นี้เป็นเวอร์ชั่นเดียวกับที่มีให้เล่นในงาน Gamescom 2016 ที่ประเทศเยอรมนี โดยเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่มีให้เล่นในขณะนี้ครับ
ช่วงแรกของเกมจะเป็นเหตุการณ์ที่รถของกลุ่มพระเอกเสีย และต้องเข็นไปส่งซ่อมที่ปั๊มที่อยู่ไม่ไกลนัก ตัวเกมจะบังคับให้ผู้เล่นต้องกดปุ่มเพื่อเข็นรถไปตลอดทางจนกว่าจะถึงปั๊มน้ำมันดังกล่าว
ซึ่งเมื่อถึงที่หมายแล้ว ก็จะเป็นการรับเควสต์มาทำเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอซ่อมรถ โดยแต่ละเควสต์ที่รับมานั้นก็จะมี Objective บอกว่าเราต้องทำอะไร พร้อมกับเรดาร์บนแผนที่ก็จะมีมาร์คจุดที่เราต้องไปด้วย
ตรงจุดนี้แม้จะอธิบายด้วยข้อความสั้นๆ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ง่ายด้วยสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนแผนที่ เหมาะกับผู้เล่นหน้าใหม่ที่อาจจะเคยเล่นเกม RPG ซีรีส์อื่นๆ ของตะวันตกมาก่อน
ระหว่างที่ชมคัทซีนและในช่วงที่เล่นไปตามปกติ เฟรมเรตน่าจะเป็นสิ่งที่สะเทือนใจผู้เล่นมากที่สุดครับ และปัญหาในเรื่องนี้น่าจะเป็น 1 ในสาเหตุหลักที่เกมนี้จำเป็นต้องเลื่อนวางจำหน่ายออกไปอีก 2 เดือน
โดยในระหว่างที่ต่อสู้กับศัตรูนั้น พบว่าการที่มีตัวละครฝั่งเรา 4 คนกับมอนสเตอร์ในจำนวนที่เท่าๆ กัน หรือเจอมอนสเตอร์ที่ตัวใหญ่พอประมาณเพียงตัวเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เฟรมเรตร่วงลงต่ำกว่า 30 FPS ได้เป็นระยะ
และยิ่งถ้าเป็นช่วงที่ค่อนข้างชุลมุน ต่อสู้ในพื้นที่แคบๆ เช่น ในโรงนา เวลาเกิดการตะลุมบอนกันจะยิ่งมองหาตัวเราได้ลำบาก (แถมตัว Noctis พระเอกของเกมก็ค่อนข้างจะตัวเล็กกว่าคนอื่นๆ ในปาร์ตี้ด้วย)
ถึงกระนั้น ตัวเกมยังมีระบบอำนวยความสะดวกระหว่างต่อสู้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ปาดาบไปปักตามจุดต่างๆ บนที่สูงเพื่อหลบการโจมตีของศัตรู หรือปาดาบไปปักศัตรูจากระยะไกลแล้ววาร์ปไปโผล่ที่ตัวศัตรูตัวนั้นทันที
เพื่อเป็นการร่นระยะทางระหว่างตัวเรากับศัตรูโดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีเกจสีเขียวอยู่ทางซ้ายมือของหน้าจอ ที่เมื่อสะสมครบจนถึงระดับหนึ่งก็จะสามารถออกคำสั่งให้เพื่อนที่เราต้องการใช้ท่าไม้ตายเพื่อช่วยโจมตีได้
หลังจากที่ชนะการต่อสู้ได้ในแต่ละครั้ง ตัวเกมจะมีการรวบรวมค่า EXP ที่ได้รับเพื่อสะสมไว้ และผู้เล่นจะสามารถอัพเลเวลของตัวเองได้ก็ต่อเมื่อไปตั้งแคมป์ตามจุดต่างๆ บนแผนที่
จากนั้นเกมก็จะนำ EXP ที่รวมมาคำนวณอีกที ถ้าตัวละครไหนได้ EXP ครบตามที่กำหนดก็จะสามารถเลเวลอัพได้เมื่อนั้น ถือว่าเป็นระบบที่แปลกใหม่จากภาคก่อนๆ ที่ผู้เล่นจะสามารถทราบว่าตัวเองจะเลเวลอัพได้เมื่อไหร่ หรือต้องการ EXP อีกเท่าไหร่ในการอัพเลเวลหลังจบการต่อสู้ทันที
ทางด้านระบบการขับรถของเกมนี้จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือแบบออโต้ที่ผู้เล่นจะปล่อยให้ตัวละครอื่นในปาร์ตี้เป็นคนขับ แล้วเราก็นั่งกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ โดยระหว่างนี้ผู้เล่นสามารถหมุนมุมกล้องเพื่อดูบรรยากาศรอบๆ ตัวรถได้อย่างอิสระ กับอีกแบบคือผู้เล่นทำการควบคุมรถเอง ซึ่งแม้ว่าจะได้ขับรถเอง แต่ตัวเกมค่อนข้างจะจำกัดอิสระในการขับรถของผู้เล่นอยู่พอสมควรครับ เพราะสิ่งที่เราทำได้ระหว่างขับนั้นมีเพียงเร่งความเร็วไปข้างหน้า, เบรค, ถอยหลัง, กลับรถแบบ 180 องศา, เปิด-ปิดเพลงจากวิทยุในรถ และลงจากรถ โดยที่เราจะไม่สามารถขับลงจากถนนไปบนทุ่งหญ้าหรือไต่ภูเขาเหมือนเกมโอเพ่นเวิลด์อื่นๆ อย่าง GTA ได้
เรียกได้ว่ารถในเกมนี้มีไว้ใช้เพื่อ "บนถนน" จริงๆ ซึ่งเกมจะให้เราลงไปอยู่นอกพื้นที่ถนนได้ก็ต่อเมื่อเดินเท้าหรือขี่นกโจโคโบะเท่านั้น
นอกจากนี้ ในช่วงบทสนทนากับตัวละครบางตัวก็จะมีคำถามให้ผู้เล่นเลือกตอบ ซึ่งแต่ละคำตอบก็จะทำให้เกิดผลลัพธ์แตกต่างกันไป ถ้าคำถามนั้นเกิดขึ้นในเควสต์ก็จะส่งผลต่อไอเทมที่จะได้เป็นรางวัลหลังจบเควสต์ด้วย
โดยตรงนี้ทีมงาน "คาดว่า" ระบบถาม-ตอบลักษณะนี้อาจจะมีผลต่อฉากจบของเกมในรูปแบบต่างๆ ได้ หากมีใส่อยู่ในเควสต์หลักตามเนื้อเรื่อง
โดยรวมแล้วเกม Final Fantasy XV เวอร์ชั่นนี้ทำให้เราได้เห็นการลองนำเสนอเกมเพลย์แบบใหม่ๆ แก่คนเล่น ไม่ว่าจะเป็นระบบการวาร์ปด้วยอาวุธเพื่อเข้าถึงตัวศัตรูจากระยะไกล การเพิ่มมิติและรายละเอียดของการตั้งแคมป์ภายในเกม
ที่ภาคเก่าๆ จะทำได้เพียงแค่นอนพักแล้วฟื้นพลังเท่านั้น ตลอดจนการสั่งเพื่อนๆ ในปาร์ตี้ให้ช่วยโจมตีตามสถานการณ์ รวมถึงระบบปลีกย่อยๆ อื่นๆ ที่ทำมารองรับกับผู้เล่นที่ยังไม่คุ้นเคยกับแนว RPG แต่อยากสัมผัสโลกของ FF เช่นกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จุดบกพร่องของเกมที่เห็นได้ชัดอย่างเฟรมเรตหรือการโหลดเท็กซ์เจอร์บางจุดไม่ทัน ก็ยังเป็นเรื่องที่ผู้ที่ได้ลองเล่นน่าจะหวั่นใจอยู่ ตรงนี้ก็ต้องมาลุ้นกันอีกเฮือกแล้วครับว่าระยะเวลา 2 เดือนที่เกมเลื่อนไปนั้น
ทางทีมพัฒนาจาก Square Enix จะสามารถกลบปัญหาตรงจุดนี้ได้แค่ไหน ซึ่งถ้าอย่างน้อยถ้าปัญหานี้เบาบางลงไปได้ ในมุมมองของทีมงานก็คิดว่าคุ้มค่าที่จะรออยู่ครับ
จุดเด่น
- เกมเพลย์ในช่วงของการผจญภัยและการต่อสู้มีระบบที่นำเสนอออกมาได้น่าสนใจ
- เมนูคำสั่งต่างๆ ทั้งเรื่องหน้าตาและการจัดวางถูกออกแบบมาให้ดูแล้วเข้าใจง่าย
- องค์ประกอบโดยรวมของตัวเกมมีความพยายามเจาะกลุ่มผู้เล่นทั้งหน้าใหม่ และกลุ่มที่เป็นแฟนซีรีส์ Final Fantasy
จุดด้อย
- ยังมีปัญหาในการคุมเฟรมเรตให้ยืนระยะที่ 30 FPS ตลอดไม่ได้ ซึ่งต้องรอดูเกมตัวเต็มในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนอีกที
- ระหว่างการผจญภัยหรือฉากพูดคุยของตัวละครยังพบเห็นสกรีนเทียริ่งหรือโหลดเท็กซ์เจอร์ไม่ทันอยู่บ้าง
- โหมดขับรถของเกมไม่มีอิสระเท่าเกมโอเพ่นเวิลด์ทั่วไป รวมถึงระบบอื่นๆ อีกเล็กน้อยที่ยังจำกัดขอบเขตสิ่งที่ผู้เล่นจะกระทำได้อยู่
