"วันนี้ในอดีต" by play
วันที่ 2 สิงหาคม 2539 หรือวันนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เป็นวันวางจำหน่ายของเกม Mortal Kombat II บนเครื่อง PS1 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดย Mortal Kombat จัดว่าเป็นเกมไฟท์ติ้งชื่อดังอีกซีรีส์ที่มีแฟนๆ ติดตามกันพอสมควร และยังเป็นซีรีส์เกมไฟท์ติ้งที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับฝั่งตะวันตกด้วย ด้วยกราฟิกที่พัฒนาในยุคที่เครื่องเกมกำลังเปลี่ยนผ่านจาก 16-Bit มาสู่ 32-Bit ซึ่งเวอร์ชั่น PS1 นี้ก็เป็นเวอร์ชั่นที่อัพเกรดจากเวอร์ชั่นที่เคยลงให้กับเครื่อง Super Famicom และ Mega Drive มาก่อน ทั้งนี้ โมเดลของตัวละครที่ใช้ในเกมนี้จะดูเหมือนคนจริงๆ ซึ่งก็เป็นขั้นตอนการพัฒนาที่ทางตะวันตกในช่วงนั้นริเริ่มขึ้นก่อนเพื่อเน้นความสมจริง ด้วยการให้นักแสดงแต่ละคนสวมชุดเหมือนนักสู้ในเกม จากนั้นก็ให้ไปยืนแอ็กท่า ออกท่าทางต่อสู้โดยมีฉากแบ็คกราวด์สีเทาอยู่ด้านหลัง แล้วบันทึกลงวิดีโอเทปด้วยกล้อง Hi8 (มีการเปิดเผยในภายหลังว่าทีมพัฒนาได้เปลี่ยนมาใช้กล้องที่มีคุณภาพทัดเทียมกับกล้องถ่ายภาพยนตร์ที่มีราคาอยู่ที่ราวๆ 20,000 เหรียญ หรือราว 5 แสนบาทตามค่าเงินตอนนั้น) ทำให้กราฟิกและความละเอียดของตัวละครจึงออกมาดูคมชัดและเนียนตาเหมือนคนจริงๆ มาโผล่ในเกม
เนื้อเรื่องของ Mortal Kombat II จะกล่าวถึงวายร้ายนามว่า ชางซุง (Shang Tsung) ได้พ่ายแพ้แก่ ลูคัง (Liu Kang) ในทัวร์นาเม้นท์ Mortal Kombat ภาคแรก ชางซุงเลยไปขอความเมตตาจาก เชาคาน (Shao Kahn) ประมุขแห่งเอาท์เวิลด์ให้ไว้ชีวิตตน โดยชางซุงบอกเชาคานว่าถ้าลองเปลี่ยนการจัดทัวร์นาเม้นท์ Mortal Kombat มาเป็นที่เอาท์เวิลด์บ้าง พวกตนน่าจะได้เปรียบและพวกนักสู้จากโลกมนุษย์น่าจะเข้าร่วมด้วยแน่นอน คานจึงยอมรับข้อเสนอของชางซุงดู จากนั้นเชาคานก็เลยส่งหมายเชิญไปยังเทพสายฟ้านามว่า ไรเด็น (Raiden) ให้ทำการรวบรวมนักสู้ผู้เก่งกาจบนโลกมนุษย์ให้มาแจมศึกสังเวียนเลือดครั้งใหม่...โดยมีโลกใบนี้เป็นเดิมพัน
เอกลักษณ์ของซีรีส์ Mortal Kombat ก็คือบรรดาท่าไม้ตายที่ผู้เล่นสามารถกดใช้เพื่อปลิดชีวิตคู่ต่อสู้หลังจากอัดอีกฝ่ายจนพลังชีวิตเกลี้ยงหลอด ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Fatality ครับ โดยจะใช้ได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในยกตัดสิน และฝ่ายที่ได้เปรียบก็อัดคู่ต่อสู้จนยืนมึน และมีคำว่า Finish Him / Finish Her ขึ้นกลางหน้าจอ ซึ่งตัวละครแต่ละตัวก็จะมีท่า Fatality ราวๆ 1-2 ท่าให้เลือกใช้ พอกดใช้แล้วก็จะเป็นการสังหารคู่ต่อสู้ด้วยวิธีสุดโหด ถ้าไม่มีแค่เลือดสาดก็จะได้เห็นชิ้นส่วนปลิวกระจายแบบสยดสยองกันเลย แต่ในภาค 2 นี้จะมีการเพิ่มท่าไม้ตายแปลกๆ มาอีก 2 อย่าง ก็คือ Babalities ที่เป็นการสาปให้คู่ต่อสู้กลายเป็นเด็กทารก และอีกท่าคือ Friendship ที่จะเป็นการเต้นรำหรือให้ของขวัญแก่คู่ต่อสู้ที่พ่ายแพ้ครับ
Fact เล็กน้อยเกี่ยวกับเกม Mortal Kombat II
- จากกระแสความนิยมที่ Mortal Kombat II สร้างไว้ทั่วโลก จึงทำให้เกมนี้เป็นอีกหนึ่งเกมไฟท์ติ้งที่ได้รับการพอร์ตลงให้กับเครื่องต่างๆ มาแล้วมากมาย โดยถ้าหากนับเฉพาะเครื่องคอนโซลจนถึงปัจจุบัน (รวมตู้อาเขดหยอดเหรียญ) เกม Mortal Kombat II ได้วางจำหน่ายมาแล้ว 11 แพลตฟอร์มด้วยกัน
- ความดังของเกม Mortal Kombat II ได้ไปเตะตาบรรดาผู้สร้างหนังจากฮอลลีวู้ดเข้า จนทำให้ได้รับการสร้างเป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ออกมาเป็นจำนวน 2 ภาค ได้แก่ Mortal Kombat ที่ฉายเมื่อปี 2538 และ Mortal Kombat: Annihilation ซึ่งฉายในปี 2540 โดยภาคแรกนั้นทำรายได้ใน Box Office อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ทว่าในภาค 2 นั้น แม้ว่าจะประคองยอดรายรับไม่ให้ขาดทุนได้ แต่ด้วยความที่สถานะการเงินของทีมโปรดักชั่นที่สร้างภาพยนตร์นั้นไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เราจึงไม่เห็นภาคต่อของหนังจากเกมนี้อีกเลยนับแต่นั้น
- หาก Street Fighter II เคยสร้างปรากฏการณ์เกมไฟท์ติ้งที่ทำยอดขายถล่มทลายจากฝั่งญี่ปุ่นมาสู่ตะวันตก ทางด้าน Mortal Kombat II ก็เป็นซีรีส์ตรงกันข้ามที่สร้างปรากฏการณ์จากฝั่งตะวันตกมาสู่ตะวันออกเช่นกัน โดยภายในปี 2536 หรือปีแรกที่เริ่มติดตั้งตู้อาเขดหยอดเหรียญของเกมนี้เฉพาะที่ในสหรัฐอเมริกาก็สามารถทำรายรับเข้าบริษัทได้ถึง 101 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 2,550 ล้านบาทตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ ช่วงเวลานั้น (การหยอดเหรียญเล่นเกมตู้อาเขดที่สหรัฐฯ จะใช้เหรียญ 25 เซ็นต์ ต่อการเล่น 1 ครั้ง เท่ากับว่าแค่ในสหรัฐฯ ประเทศเดียวภายในเวลาแค่ 8 เดือนนับตั้งแต่เปิดให้บริการตู้อาเขดหยอดเหรียญของ Mortal Kombat II ก็ได้มีคนเล่นเกมนี้รวมกันถึงประมาณ 404 ล้านครั้งเลยทีเดียว)
- ผู้สร้างซีรีส์ Mortal Kombat จนดังเป็นพลุแตกในยุคนั้นคือ คุณเอ็ด บูน (Ed Boon) และคุณจอห์น โทไบแอส (John Tobias) โดยตอนที่ร่วมสร้าง Mortal Kombat ด้วยกัน คุณบูนกำลังดำรงตำแหน่งลีดโปรแกรมเมอร์ (Lead Programmer) ส่วนคุณโทไบแอสรับหน้าที่เป็นลีดดีไซเนอร์ (Lead Designer) ซึ่งตัวละคร Sonya และ Tanya ก็ล้วนได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อน้องสาวของเจ้าตัวทั้งสิ้น นอกจากนี้ตัวละคร Noob Saibot ก็มีที่มาจากการนำชื่อ Boon และ Tobias มาเขียนกลับด้านด้วย