"วันนี้ในอดีต" by play
วันที่ 28 กรกฎาคม 2549 หรือวันนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นวันวางจำหน่ายของเกม Dirge of Cerberus: Final Fantasy VII บนเครื่อง PS2 ที่กลุ่มประเทศสหราชอาณาจักร โดยเกมนี้จะเป็นภาคเสริมที่เป็นเหตุการณ์ในช่วง 3 ปีหลังจาก Final Fantasy VII ภาคหลัก และยังเป็นการทดลองทำเกมแนวแอ็กชั่นชู้ตติ้งกับซีรีส์ Final Fantasy เป็นครั้งแรก ซึ่งทีมงานต้องการจะนำเสนออะไรใหม่ๆ นอกเหนือจากแนว RPG ที่ทำมาตลอด เพื่อดึงดูดแฟนๆ หน้าใหม่ให้มาสนใจซีรีส์ Final Fantasy เพิ่มด้วย
เนื้อเรื่องของ Dirge of Cerberus จะเล่าถึง วินเซนต์ วาเลนไทน์ ที่ได้รับบทเป็นตัวละครหลักของภาคนี้ ที่ต้องเผชิญหน้ากับวายร้านที่เป็นสมาชิกขององค์กรที่เรียกตัวเองว่า Deepground ซึ่งมีแผนในการใช้อสุรกายที่มีชื่อว่า Omega เพื่อทำลายทุกสิ่งมีชีวิตบนโลก เขาจึงต้องร่วมมือกับพรรคพวกจาก Final Fantasy VII ภาคหลักอีกบางส่วนเพื่อหยุดยั้งแผนการของศัตรูให้ได้
Dirge of Cerberus จะใช้เกมเพลย์หลักคือเป็นแนวแอ็กชั่นชู้ตติ้งมุมมองบุคคลที่ 3 ซึ่งมุมกล้องจะวิ่งตามหลังวินเซนต์เกือบตลอดเวลา โดยวินเซนต์จะสามารถสวมใส่อุปกรณ์ 3 ชนิดไว้กับตัวได้พร้อมกัน นั่นก็คือ อาวุธปืน ชุดเกราะ และเครื่องประดับ ซึ่งในส่วนของอาวุธก็จะแบ่งเป็นปืนพก ปืนไรเฟิล และปืนกล ระหว่างเกมก็จะมีปืนใหม่ๆ ให้เก็บ ขณะเดียวกัน ปืนบางกระบอกที่น้ำหนักเยอะก็จะมีผลกับความเร็วในการเคลื่อนไหวของวินเซนต์ด้วย นอกจากนี้ ระบบลิมิตเบรคก็จะมีให้ใช้ในภาคนี้ด้วยเช่นกัน โดยวินเซนต์จะมีลิมิตเบรคให้ใช้อยู่ 2 ชนิด แบบแรกคือแปลงร่างเป็น Galian Beast ซึ่งจะเพิ่มความเร็วและความแข็งแกร่งของตัวเองเป็นเวลา 30 วินาที และอีกแบบคือแปลงร่างเป็น Chaos ที่มีพลังโจมตีสูงที่สุด แต่ร่างนี้จะแปลงกายได้เฉพาะในด่านสุดท้ายเท่านั้น
Fact เล็กน้อยเกี่ยวกับเกม Dirge of Cerberus: Final Fantasy VII
- เกมนี้สามารถทำยอดขายทั่วโลกไปได้ 1.243 ล้านชุด โดยเป็นอีก 1 เกมที่ได้ตราประทับ Gold Category จากทาง Sony ในฐานะที่เป็นเกมที่ทำยอดขายได้ดีมากบนเครื่อง PS2 ในปี 2549
- กระแสผู้เล่นในต่างประเทศจำนวนมากมองว่าตัวเกมมีเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างน่าเบื่อเกินไป กอปรกับความฉลาดของ AI ศัตรูก็ไม่ค่อยน่าประทับใจ แต่ที่หนักที่สุดคือระบบการบังคับควบคุมตัวละครทำออกมาได้ยุ่งยากและไม่เป็นมิตรกับผู้เล่นเอาซะเลย เมื่อเทียบกับเกมแอ็กชั่นชู้ตติ้งอื่นๆ ที่ออกมาก่อนหน้าอย่าง Resident Evil 4 ซึ่งนักวิเคราะห์สายเกมคอนโซลจำนวนไม่น้อยได้ให้ความเห็นว่า หากเกมนี้ไม่อาศัยบารมีของ Final Fantasy VII มาเป็นองค์ประกอบในเกม ยอดขายอาจไม่ออกมาดีแบบนี้ก็เป็นได้
- เพลงขับร้องของเกมนี้จำนวน 2 เพลง คือ Longing และ Redemption ได้รับเกียรติจากคุณคามุอิ กาคุโตะ (หรือที่รู้จักกันในชื่อวงการบันเทิงว่า Gackt) มาเป็นผู้แต่งและขับร้อง โดยเฉพาะเพลง Redemption นั้น ทางทีมงานได้วางแผนแต่แรกว่าจะให้ตัวเพลงเป็นสไตล์บัลลาด แต่คุณ Gackt ได้ตัดสินใจเปลี่ยนเป็นเพลงร็อคแทน และทีมงานก็เห็นด้วยกับไอเดียนี้ที่จะทำให้เพลงดูตื่นเต้นและน่าฟังกว่าเดิม
- นอกจากตัวเกมเวอร์ชั่นนี้ ทาง Square Enix ก็ยังได้มีการพัฒนาภาคต่อภายใต้ชื่อ Dirge of Cerberus Lost Episode: Final Fantasy VII โดยลงให้กับแพลตฟอร์มโทรศัพท์มือถือเท่านั้น ซึ่งก็แน่นอนว่าตัวเกมมีให้เล่นได้เฉพาะในประเทศญี่ปุ่นด้วย ทว่าเมื่อตัวเกมวางจำหน่าย คะแนนกลับออกมาไม่ดีนัก สาเหตุหลักคือกราฟิกที่พัฒนาออกมากลับไม่เข้ากับจอแสดงผลบนมือถือเท่าไหร่นักนั่นเอง