มีความเคลื่อนไหวเล็กน้อยของ Final Fantasy VII Remake นิตยสาร Game Informer ได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์สั้นๆ เกี่ยวกับ Final Fantasy VII Remake จากปากคำของคุณ Yoshinori Kitase ให้ได้อ่านกัน โดยมีการอธิบายถึงภาพรวมของตัวเกม, ขนาดของเกม, จุดเปลี่ย่นแปลงที่เป็นไปได้และอื่นๆอีกมากมาย ดังต่อไปนี้
ตัวเกมจะมีขนาดใหญ่กว่า Final Fantasy XIII เสียอีก: หากเทียบกับภาค XIII แล้ว ภาค VII Remake นี้จะ “ใกล้เคียงกัน หรือไม่ก็จะเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่กว่าเสียอีก” คุณ Kitase กล่าว
ขนาดของเกม: “ในแต่ละส่วนของเกมนั้นจะถือเป็นเกมตัวเต็มเลยครับ” คุณ Kitase กล่าว ในขณะที่แต่ละเกมของ Final Fantasy XIII นั้นบอกเล่าเรื่องราวจากมุมมองที่ต่างกันไป แต่สำหรับ VII Remake นั้นจะไม่เป็นเช่นนั้น “สำหรับภาค VII Remake น่ะ พวกเรามีเนื้อเรื่องที่วางเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว เพราะงั้นมันก็คงไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่หากว่าเราไม่รวมเนื้อเรื่องทั้งหมดเอาไว้เป็นซีรีส์หลายตอน และก็คงไม่สมเหตุสมผลที่จะ remake ด้วยหากว่าเราไม่รวมเนื้อเรื่องทั้งหมดเอาไว้ แต่ก็เพราะว่าปริมาณเนื้อหาในแบบ HD ที่มหาศาลนี่เอง เราเลยคิดกันว่าเราคงไม่สามารถรวมเนื้อหาทั้งหมดเอาไว้ได้ในคราวเดียวแน่นอน เพราะงั้นเราก็เลยจะแยกออกมาแต่ละส่วน โดยที่แต่ละส่วนจะมีขนาดเทียบเท่ากับ Final Fantasy XIII ภาคนึงเลย”
แล้วมันจะกี่ส่วนกันล่ะ? ทาง Square Enix ได้ตอบว่ามีความคิดเอาไว้แล้วว่าจะวางจำหน่าย Final Fantasy VII Remake ออกมาทั้งหมดกี่ส่วน แต่ก็ยังคงบอกอะไรไม่ได้ในตอนนี้ ฉากเนื้อเรื่องและเนื้อหานั้นกำลังได้รับการพัฒนาอยู่ ดังนั้น “แผนการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้อีกเช่นกัน” คุณ Kitase กล่าว แต่ก็ยังเน้นย้ำว่า “พวกเรามองกันไว้แล้วว่าตัวเกมทั้งหมดจะมีกี่ส่วนครับ”
แล้ว Compilation of Final Fantasy VII ล่ะ: “ถ้าหากว่ามีส่วนไหนจาก The Compilation of Final Fantasy VII ที่เราสามารถนำมาใช้ได้หรือกระทั่งตัวละคร เราก็อยากจะใส่ลงไปด้วยนะครับ เพราะมันจะช่วยให้รู้สึกถึงความละเอียดอ่อนที่ว่าเรื่องราวอื่นๆ นั้นดำรงอยู่จริงหรือเกิดขึ้นจริง” คุณ Kitase กล่าว “แต่ก็แน่นอนล่ะ มันคงยากมากที่จะไปใส่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในจักรวาลนี้ เพราะงั้นบางทีตัวละครที่ไม่ดังมากก็จะไม่ปรากฏตัวหรืออาจไม่มีการกล่าวถึงก็เป็นได้ แต่สำหรับตัวละครหรือฉากไหนที่อยู่ในความทรงจำของแฟนๆล่ะก็ เราจะพยายามเต็มที่เพื่อใส่สิ่งเหล่านั้นลงมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งครับ”
แอ็คชั่น: ตัวเกมจะมีพื้นฐานเป็นแอ็คชั่น (แต่จากคำกล่าวของคุณ Kitase ก็บอกว่าไม่ใช่แอ็คชั่นจ๋าซะทีเดียว) เพราะว่าคุณ Tetsuya Nomura ที่เป็นผู้กำกับนั้นกล่าวว่า “Final Fantasy นั้นหากพูดถึงในแง่ของแอ็คชั่นแล้ว เกมที่แสดงในส่วนนี้ได้ดีที่สุดก็คือ Dissidia ในปัจจุบัน” คุณ Kitase กล่าวเสริม “ในส่วนของภาพลักษณ์ของระบบต่อสู้นั้น เราต้องการความรู้สึกแบบนั้น ตัวเกมจะไม่แอ็คชั่นจ๋าแบบ Dissidia แน่นอน แต่การนำเสนอและความรู้สึกของตัวระบบจะนำรูปแบบมาจาก Dissidia ครับ”
การเปลี่ยนแปลง: “ผมมั่นใจว่าจะมีบางอย่างที่แฟนๆอยากเห็นว่าเราจะเปลี่ยนแปลงมันไปยังไง และบางอย่างที่แฟนๆไม่อยากให้เปลี่ยน ความคิดเห็นของบรรดาแฟนๆอาจจะแตกแขนงกันออกไปในหลายๆอย่าง เพราะงั้นการตัดสินใจจากมุมมองของการพัฒนาว่าแบบไหนที่จะซื่อตรงต่อเกมดั้งเดิมมากกว่ากันและแบบไหนที่เราจะเปลี่ยนแปลงมันไปนั้น เราก็หวังว่าจะหาสิ่งช่วยตัดสินใจจากการสื่อสารกับแฟนๆนี่แหละครับ ในขณะเดียวกันแม้เราอยากจะเข้าใจข้อกังวลของแฟนๆ แต่เราก็อยากให้แฟนๆตื่นเต้นกับเนื้อหาและคอยดูว่าเราจะยกเครื่องเนื้อหาให้มันสดใหม่ได้ยังไงครับ”
เซอร์ไพรส์: “หากหวังแค่การรำลึกความหลังมันก็คงเป็นแค่การเล่าเนื้อเรื่องตามเดิมไปเรื่อยๆ และก็คงไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์คนเล่น เพราะงั้นเราเลยอยากหาจุดสมดุลของสิ่งที่เราอยากจะเปลี่ยนและจุดที่จะไม่เปลี่ยนเพื่อให้คนเล่นได้รำลึกความหลัง แต่ก็จะมีเซอร์ไพรส์ด้วยครับ”
ทีมงานและสิทธิในการดำเนินการ: “ผม ร่วมกับคุณ Nomura และคุณ Kazushige Nojima เราต่างก็มีส่วนร่วมในการ remake ครั้งนี้ และต่างก็มีส่วนร่วมในการพัฒนา Final Fantasy VII ภาคดั้งเดิม เราคือกลุ่มคนที่สร้างมันขึ้นมา ด้วยเหตุนี้เราเลยคิดว่าไม่มีอะไรหรอกที่ห้ามแตะและห้ามเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเปลี่ยนมันไปซะหมดทุกอย่างนะ แน่นอนล่ะว่าแม้แต่ใน Square Enix รวมถึงคนอื่นๆตามที่ต่างๆทั่วโลกน่ะจะมีคนที่คิดกันอยู่ว่าภาค VII นี่เหมือนเป็นอะไรที่ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะคิดว่าเราไม่ควรไปแตะหรือเล่นอะไรกับมัน แต่เราเชื่อว่าเรารู้ดีว่าจุดสมดุลของสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้กับสิ่งที่ควรสงวนไว้น่ะอยู่ตรงไหนครับ”
เครดิต : http://gematsu.com/