5 เกมสุดล้ำที่ชูโรงด้วยระบบย้อนเวลา !

แชร์เรื่องนี้:
5 เกมสุดล้ำที่ชูโรงด้วยระบบย้อนเวลา !

     เวลาคือวัตถุดิบสุดล้ำเลิศที่มักจะพบเห็นในงานสื่อมากมาย ที่ต่างก็หยิบมาใช้กันได้อย่างอย่างสร้างสรรค์และสนุกมือ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์สุดคลาสิกอย่าง Back to the Future 1 - 3 ที่ว่าด้วยเรื่องของมาร์ตี้และดอกเตอร์เอมเมต บราวน์ ต้องร่วมเดินทางย้อนเวลาเพื่อกลับไปแก้ไขเรื่องราวไม่สู้ดีในอดีต, การ์ตูนอนิเมะอันโด่งดังอย่าง Steins Gate กับเรื่องราวการเดินทางข้ามเวลาของหนุ่มนักประดิษฐ์สติเฟื่องและเหล่าพ้องเพื่อนในห้องวิจัยสิ่งประดิษฐ์แห่งอนาคต เป็นต้น ซึ่งสื่ออย่างเกมก็ได้นำวัตถุดิบอย่างเวลามาเพิ่มความสนุกสนาน สร้างสรรค์และท้าทายให้กับการเล่นด้วยเช่นเดียวกัน โดยวันนี้ทีมงานได้รวบรวม 5 เกมที่มีระบบย้อนเวลาเป็นจุดเด่น มานำเสนอให้ทุกคนได้รู้จักกัน ส่วนจะมีเกมอะไรบ้างนั้น ตามไปอ่านกันได้เลย

**หมายเหตุ** เป็นเพียงความคิดเห็นของผู้เขียนเท่านั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน  เวลาคือวัตถุดิบสุดล้ำเลิศที่มักจะพบเห็นในงานสื่อต่างๆ ที่ต่างก็หยิบมาใช้กันได้อย่างอย่างสร้างสรรค์และสนุกมือ

 

1. Time Shift

     เกม FPS ที่สุดแสนเรียบง่ายไร้ความซับซ้อนนี้นั้น นอกจากผู้เล่นจะโต้ตอบศัตรูด้วยกระสุนแล้ว ยังสามารถบิดเบีอนเวลาได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ชะลอ หยุด หรือแม้กระทั่งย้อนเวลาก็ยังสามารถทำได้ โดยถึงแม้จะเป็นเกมที่ออกมาในปี 2007 แต่ทว่า AI นั้นก็ไม่ได้ทำตัวติงต๊องมากนักรวมถึงกราฟิกที่ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใด (หากเทียบในสมัยนั้นนะ)

แม้เอฟเฟกต์ในการใช้เวลาจะดูไม่สวย แต่อย่าได้ดูถูกเกมเชียว

ความมันส์ที่เรียบง่าย คือจุดเด่นของเกมนี้

 

2.Singularity 

     อีกหนึ่งเกม FPS แอคชั่นลูกตระกั่วพ่อกำนันของค่ายผู้พัฒนาอย่าง Activision ที่มีส่วนผสมความสยองขวัญในรูปแบบ Sci-Fi โดยผู้เล่นนั้น จะมีเครื่องมือที่สามารถดัดแปลงและโยกย้ายเวลาภายในเกมไว้รับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น ย้อนเวลาให้วัตถุกลับมาคงรูปเดิม เปิดช่องว่างของประตูมิติเวลาชั่วขณะหนึ่ง หรือแม้แต่ทวนเข็มนาฬิกาของสสารส่งผลให้ศัตรูแหลกละเอียดเป็นผุยผง โดยศัตรูภายในเกมนั้นนอกจากจะเป็นทหารทั่วไปแล้ว ยังมีมนุษย์กลายพันธุ์และสัตว์ประหลาดขนาดมหึมามากมาย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปเพราะด้วยยุทโธปกรณ์และความสามารถที่เรามีนั้นก็แทบจะไม่ได้ต่างจากสิ่งที่เรียกว่าปีศาจไปสักเท่าไหร่ (เว่อไปไหมล่ะเนี้ย)

ย้อนเวลาของสสารให้เหลือแต่กระดูก

 

3. Life is Strange 

     แม้เกมนี้จะไม่ได้ห้ำหันกันด้วยแอคชั่นและความอลังกาลของกราฟิก แต่มันก็ถูกเติมเต็มด้วยเนื้อเรื่องที่ชวนให้ติดตามตั้งแต่วินาทีแรกที่สัมผัส ปรัชญาอันลุ่มลึกที่แฝงอยู่ในบทสนทนา ที่ลื่นไหล โดยเราจะได้รับบทเป็น Maxine Caufield หรือ Max สาวน้อยวัย 18 ปีที่ได้รับพลังพิเศษ สามารถย้อนเวลาได้อย่างใจนึก โดยตัวเกมจะเป็นรูปแบบ Interactive ที่การเลือกและการตัดสินใจของเราจะมีผลไปตลอดทั้งเกม ซึ่งเนื้อเรื่องของเกมจะค่อยๆ ทวีความกดดันและน่าสนไปเรื่อยๆ จากเพียงแค่การทวนเข็มนาฬิกาเพื่อช่วยชีวิตบุคคลที่เรียกว่าเพื่อน จนถึงหยุดยั้งอาชญกรร้าย และบทสรุปส่งท้ายด้วยการเสียสละที่การตัดสินใจทั้งหมดนั้นผู้เล่นต้องเป็นคนเลือกเอง 

มิตรภาพ และการเสียสละ คือสิ่งที่เกมนำเสนอ

แม้จะมีพลังในการย้อนเวลาแก้ไขอดีต แต่อย่าลืมว่าความจริงที่เกิดขึ้นนั้นไม่สามารถบิดเบือนได้อยู่ดี

 

4. GRID 2 

     เกมแข่งรถสุดสมจริงที่มีกราฟิกสวยสดงดงามไม่แพ้เกมอื่นพร้อมระบบต่างๆ ที่เป็นมิตรกับผู้เล่น แต่ถึงกระนั้นหัวใจหลักของเกมคือการดริฟท์ที่ต้องอาศัยสัญชาติญาณในการขับรถ เพราะทุกๆ การหักโค้งนั้น คือจุดชี้เป็นชี้ตายว่าจะแซงนำหน้าคันอื่นเป็นไมล์หรือจะตามรั้งท้ายคอยกวาดถนน และอีกจุดเด่นหนึ่งที่น่าสนใจำม่แพ้กันคือ การย้อนเวลา ที่ผู้เล่นสามารถเลือกย้อนเวลากลับไปชั่วขณะหนึ่ง เพื่อแก้ไขการตัดสินใจในถนนครั้งนั้น ซึ่งแม้จะลดความท้าทายลงแต่ก็เป็นลูกเล่นที่ทำให้เกมดูแตกต่างจากคู่แข่งเจ้าอื่นได้มากทีเดียว

 กราฟิกสุดสวยมาพร้อมระบบย้อนเวลาสุดล้ำ

จะกินลมหรือจะกินฝุ่นก็อยู่ที่ฝืมือล่ะคราวนี้

 

5. Quantum Break 

สร้างมิติคู่ขนานขึ้นมาเพื่อบิดเบียนให้กระสุนต่างๆ ไปยังช่วงเวลาอื่นๆ (เกราะกำบังอ่ะแหล่ะ)

     หวังว่า 5 เกมที่มีระบบเกี่ยวกับเวลาในครั้งนี้จะถูกใจเกมเมอร์ทั้งหลายไม่มากก็น้อยและหวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจในการเลือกซื้อเกมต่างๆ มาไว้ในครอบครอง เพราะในชีวิตจริงนั้นเราคงจะย้อนเวลาให้เงินที่เสียไปกลับเข้ามาในกระเป๋าสตางค์ไม่ได้ การทำการบ้านและการศึกษาหาข้อมูลกับสิ่งที่เราสนใจไว้ก่อนจึงดีที่สุดครับ ด้วยรักและห่วงใย จุ้บๆ   

 

 

        

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ