"วันนี้ในอดีต" by play
วันที่ 12 มีนาคม 2541 หรือวันนี้เมื่อ 18 ปีที่แล้ว เป็นวันวางจำหน่ายของเกม Clock Tower II: The Struggle Within (หรือชื่อเวอร์ชั่นญี่ปุ่นว่า Clock Tower: Ghost Head) บนเครื่อง PS1 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดย Clock Tower ภาคนี้เป็นภาคสุดท้ายที่พัฒนาโดยบริษัท Human Entertainment ก่อนที่จะถูก Capcom ซื้อสิทธิ์ในการพัฒนาเกมนี้ไป จนมีภาคต่อคือ Clock Tower 3 ในภายหลัง
เนื้อเรื่องของภาค The Struggle Within จะกล่าวถึง อลิซซ่า เฮล เด็กหญิงกำพร้าวัย 17 ที่มีอาการคล้ายกับคนสองบุคลิก โดยอีกด้านหนึ่งของเธอจะเป็นชายนามว่า เบตส์ ที่เป็นคนร้ายกาจและเลือดเย็น แต่เมื่อใดก็ตามที่เธอสวมเครื่องรางที่ได้รับมาจากพ่อ บุคลิกของเบตส์ก็จะไม่แสดงออกมา ทว่าด้วยความที่อลิซซ่ามีลักษณะอาการดังกล่าว ทำให้เธอเคยต้องถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลประสาทมาก่อน และแล้วเหตุการณ์เลวร้ายก็เริ่มเกิดขึ้นในวันที่เธอออกจากโรงพยาบาลพอดี โดยฟิลิปและแคธริน สองสามีภรรยาที่รับอลิซซ่ามาอุปการะ ได้รออลิซซ่ากลับมาบ้านเพื่อใช้เวลาช่วงหยุดสุดสัปดาห์ด้วยกัน แต่พอเมื่ออลิซซ่ากลับมาถึงบ้านในตอนกลางดึกกลับไม่พบใคร เธอจึงต้องออกค้นหาลุงและป้าบุญธรรม พร้อมกับสืบสาวความจริงของเรื่องราวดังกล่าว และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวสยองขวัญในภาคนี้ครับ
เกมเพลย์ของภาคนี้ยังยึดตามแนวเดิมจากภาคก่อนๆ กล่าวคือเป็นแนว Point and Click ที่ผู้เล่นต้องเลื่อนเคอร์เซอร์เพื่อชี้ไปยังวัตถุต่างๆ รอบตัว เช่น ชี้ที่ประตูเพื่อเดินไปเปิด ชี้ที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อซ่อนตัวในนั้น แม้ระบบของเกมนี้จะดูโบราณ แต่สิ่งที่ทีมพัฒนาได้ทำมาทดแทน ซึ่งก็เป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์นี้มาตั้งแต่ภาคแรก นั่นก็คือการมีฉากจบหลายๆ แบบที่อิงตามการกระทำของผู้เล่นระหว่างเกม
Fact เล็กน้อยเกี่ยวกับเกม Clock Tower II: The Struggle Within
1. หากนับจำนวนภาคจริงๆ สำหรับเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ภาคนี้ถือเป็นภาคที่ 3 ที่มีการวางจำหน่ายออกมาครับ แม้ว่าเนื้อเรื่องภาคนี้จะไม่เกี่ยวกับ 2 ภาคแรกก็ตาม ส่วนสาเหตุที่ภาคนี้เป็นภาคที่ 2 ของทางฝั่งตะวันตก นั่นก็เพราะ Clock Tower: First Fear ที่เป็นภาคแรกจริงๆ ซึ่งเคยวางจำหน่ายลงบนเครื่อง Super Famicom เมื่อปี 2538 นั้นมีจำหน่ายเฉพาะเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเท่านั้นครับ
2. สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์นี้มาตั้งแต่ภาคแรกก็คือ การที่มีฉากจบอยู่มากมายหลายแบบโดยขึ้นอยู่กับการกระทำของผู้เล่นที่ส่งผลกับเหตุการณ์ต่างๆ เช่นเดียวกับภาคนี้ที่มีฉากจบถึง 13 แบบด้วยกัน (ตั้งแต่ Ending A ที่เป็นฉากจบที่ดีที่สุด จนถึง Ending M ที่เป็นฉากจบที่แย่ที่สุด)
3. อีกหนึ่งประเด็นชวนปวดหัวของแฟนซีรีส์นี้คือ ภาค The Struggle Within ดันมีการเปลี่ยนชื่อตัวละครจากภาค Ghost Head (ภาคเดียวกันแต่วางจำหน่ายคนละภูมิภาค) แทบทั้งดุ้น โดยชื่อตัวละครใน The Struggle Within จะมีการเปลี่ยนเป็นชื่อเหมือนคนสัญชาติตะวันตกกันหมด เรียกว่าให้ความรู้สึกเหมือนเล่นกันคนละเกมก็ไม่เชิงนัก โดยชื่อของตัวละครแต่ละคนมีการเปลี่ยนไปดังนี้ครับ
- ยู มิโดชิมะ / อลิซซ่า เฮล
- ฟุชิโตะ ไซโดะ / จอร์จ แม็กซ์เวลล์
- ทาคาชิ มิโดชิมะ / อัลเลน เฮล
- ฮาจิเมะ ทาคาโนะ / ฟิลิป เทต
- ยาโยอิ ทาคาโนะ / แคธริน เทต
- อาคิโยะ ทาคาโนะ / แอชลีย์ เทต
- จินัทสึ ทาคาโนะ / สเตฟานี เทต
- ฮิโตชิ อิชิซึเอะ / อเล็กซ์ คอรีย์
- วาตารุ โกโมโตะ / ดั๊ก โบว์แมน
- อัทสึมิ คิชิ / เจสสิก้า คุก
- ทัตสึชิ อุโระ / เฮนรี่ แคปแลน
- ฟุจิกะ / แชนนอน ลูอิส
4. ภาค The Struggle Within (หรือ Ghost Head) ประสบความล้มเหลวทั้งด้านยอดขายและคำวิจารณ์ โดยเฉพาะสำนักข่าวเกม GameRankings ได้ให้คะแนนเกมนี้แค่ 52.20% ในขณะที่ Metacritic ก็ให้แค่ 49 คะแนน (จากเต็ม 100)