แม้ในปัจจุบัน จะมีเกมแนวชีวิตบ้านไร่ ปลูกผักทำฟาร์มออกมามากมายเท่าไหร่ แต่ก็ยังไม่มีเกมไหนที่สามารถครองใจเหล่าเกมเมอร์ได้เท่าซีรี่ส์ระดับตำนานอย่าง Harvest Moon วันนี้ทีมงานจึงชวนมาย้อนรำลึกความหลังกับ 5 สิ่งสุดคลาสสิกที่ไม่ว่าจะมีเกมประเภทนี้ออกมามากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถลบภาพวันวานที่ชวนให้คิดถึงอย่างเกมนี้ลงได้
1. ตัวละครต่างๆ ที่ออกแบบได้เป็นเอกลักษณ์
จุดเด่นที่ซีรี่ส์ Harvest Moon ไม่เคยทอดทิ้งไปไหน คงจะหนีไม่พ้นดีไซน์หรือการออกแบบตัวละครและฉากภายในเกมต่างๆ ที่คงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ว่าจะออกมากี่ภาคต่อกี่ภาคก็ตาม เช่น ตัวละครน่ารักสไตล์ SD (Super Deformed หรือสัดส่วนที่ไม่เท่ากัน) คอสตูมเครื่องแต่งกายต่างๆ ที่เรียบง่ายไม่หวือหวา องค์ประกอบสีภายในเกมที่เน้นโทนเย็นสบายตา เป็นต้น ส่งผลให้เกมเมอร์รุ่นเล็กรุ่นใหญ่ทั้งหลายไม่สามารถลบภาพความทรงจำอันแสนจะประทับใจเหล่านี้ไปได้
ตัวละครที่ออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์ไม่ว่าจะภาคไหนๆ
Concept Art ที่มีเสน่ห์
หัวโตๆ พร้อมหมวกใบเก่ง นี่แหล่ะ Harvest Moon
2. ภูติจิ๋วอันเป็นที่รัก
หากย้อนกลับไปในภาค Back to Nature และ Friend of Mineral Town แปลงผักและสัตว์ฟาร์มทั้งหลายคงจะไม่เจริญเติบโตและออกผลงอกงามได้ หากไร้ซึ่งการช่วยเหลือของบรรดาภูติแคระทั้งหลาย เพราะถ้าไม่มีพวกเขาแล้วล่ะเราก็แทบจะไม่สามารถเจียดเวลาไปหาผู้คนในเมืองหรือทำงานอย่างอื่นในเกมได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้เองภูติแคระทั้งหลายจึงเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของซีรี่ส์ Harvest Moon โดยถึงแม้ภาคหลังๆ ได้ลดบทบาทจากผู้ช่วยงานในฟาร์มกลายเป็น NPC ที่ปรากฎณ์ตามเหตุการณ์พิเศษต่างๆ แทนก็ตาม แต่เกมเมอร์ทั้งหลายก็ยังคงจดจำภูติตัวจิ๋วสุดน่ารักเหล่านี้ในฐานะเพื่อนอันเป็นที่รักของเราตลอดมา
ยังจำภาพเหล่านี้กันได้ไหม ?
ไม่ต้องร้องนะตัวเล็ก
3. มอบความรักด้วยการจับโยน !
จะมีเกมไหนบนโลกนี้ที่การจับและโยนคือการแสดงออกความรัก (ฮ่าๆ) จริงๆ แล้วท่าทางเหล่านั้นอาจจะเป็นการอุ้มและวาง แต่ด้วยเทคโนโลยีและเอนจิ้นเกมสมัยก่อน ที่ยังไม่สามารถออกแบบท่าทางได้อย่างใจนึก แต่ถึงกระนั้นมันก็ได้กลายเป็นจุดเด่นที่ผู้เล่นทั้งหลายจดจำมันได้เป็นอย่างดี เพราะถึงแม้จะดูเหมือนการโยนลงอย่างรุนแรง แต่ภาพความทรงจำของใครหลายคน มันคือการโอบอุ้มด้วยตวามรักที่ไม่มีการเทคโนโลยีใดๆ ลบภาพเหล่านี้ออกไปได้
จะโยนแล้วนะ
ท่าอุ้มน้องหมาในตำนาน
ภาคหลังๆ สามารถทำอะไรได้มากกว่าจับโยน
4. เทศกาลในความทรงจำ
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นเกมแนวปลูกผัก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีเพียงการรดน้ำพรวนดิน และแปรงขนสัตว์เพียงอย่างเดียว เพราะในเกมยังมีสิ่งที่เรียกว่าเทศกาล ให้ผู้เล่นได้ผ่อนคลายจากงานภายในไร่ และร่วมสนุกสนานไปกับผู้คนในเมืองอันแสนจะอบอุ่นแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น เทศกาลปามะเขือเทศ ที่ทุกคนต่างเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบแห่งความสนุก เทศกาลขึ้นปีใหม่ ที่ผู้คนในหมู่บ้านพบปะกันเพื่อเฉลิมฉลองในค่ำคืนสุดท้ายของปี และเทศกาลอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เกม แต่ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและความซาบซึ่งที่เกมมีให้กับให้กับผู้เล่น และไม่ว่าจะกลับไปเล่นสักกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ความสุขก็ที่ได้รับนั้นยังคงเหมือนเดิมและไม่มีวันล้มหายตายจากไปไหนอย่างแน่นอน
เทศกาลปามะเขือเทศที่เราคุ้นเคย
เทศกาลชมหิ่งห้อย
เทศกาลอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เคยหายไปไหน
5. เหตุการณ์และความลับของเกมอีกมากมาย
เรื่องราวอันสุดแสนมหัศจรรย์มากมายที่ Harvest Moon นั้นบอกเล่าผ่านเหตุการณ์และความลับต่างๆ ภายในเกม บ้างก็สนุกปนเสียงหัวเราะ บ้างก็เศร้าเคล้าน้ำตา เช่น การพบเจอเพื่อนสุดประหลาดอย่างกัปปะ หรือนางฟ้าที่มอบของสุดวิเศษให้ การอธิษฐานพรเพื่อให้ได้มาซึ่งลูกสาวสุดน่ารัก เหตุการณ์ความรักของหนุ่มสาวข้าวใหม่ปลามันในเมือง รวมถึงการจากไปที่ไม่มีวันกลับของผู้เฒ่าผู้แก่ ทำให้ Harvest Moon นั้นไม่ใช่เพียงแค่เกมแต่มันคือวิถีชีวิตอันสุดแสนมหัศจรรย์ที่เราต่างสัมผัสมันได้เพียงปลายนิ้วมือ
ลูกสาวที่ต้องทำเหตุการณ์พิเศษถึงจะได้มา
นางฟ้าที่ประทานของวิเศษให้
การแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ร่วมกับคนที่เรารัก
ทั้งหมดนี้คือ ความคลาสิก ที่ไม่ว่าจะมีเกมอื่นทำเลียนแบบหรือคล้ายคลึงยังไงเราก็จะนึกได้เลยว่า ได้แรงบันดาลใจมาจาก Harvest Moon แน่นอน ส่งผลให้พระจันทร์เต็มดวง (Harvest Moon) ดวงนี้ยังคงสว่างไสวในความทรงจำของใครอีกหลายคนไปอีกนานแสนนาน