"วันนี้ในอดีต" by play
วันที่ 9 มีนาคม 2553 หรือวันนี้เมื่อ 6 ปีที่แล้ว เป็นวันวางจำหน่ายของเกม Final Fantasy XIII (FF XIII) บนเครื่อง PS3 กับ Xbox 360 ที่สหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศในทวีปยุโรป โดยถือเป็น Final Fantasy ภาคหลักภาคแรกที่ลงให้กับเครื่อง PS3 และ Xbox 360 ที่เป็นเครื่องเจนเดียวกัน ซึ่งการพัฒนาภาคนี้ได้เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี 2547 แต่ได้มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน E3 2006 (ปี 2549) และเป็นภาคเรือธงของจักรวาล Fabula Nova Crystallis อีกทั้งเป็นเกมแรกของทางค่ายที่ใช้เอนจิ้น Crystal Tools ด้วย
ในส่วนเนื้อเรื่องของ FF XIII จะกล่าวถึงโลก 2 ใบคือ Cocoon และโลกเบื้องล่างที่เรียกว่า Pulse โดยรัฐบาล Cocoon ได้เริ่มดำเนินนโยบายชำระล้างพลเมืองทุกคนที่คาดว่าทำการติดต่อหรือมีปฏิสัมพันธ์กับพลเมือง Pulse ฟากหนึ่งของเกม ไลท์นิ่ง อดีตทหารหญิงแห่งโลก Cocoon ต้องกลายเป็นศัตรูกับรัฐบาลของโลกตัวเอง เพราะเธอต้องการช่วยน้องสาวของเธอที่ถูกรัฐบาล Cocoon หมายหัวอยู่ เนื่องจากน้องสาวของเธอถูกตราให้เป็นทาสผู้รับใช้สิ่งมีชีวิตที่ทรงอำนาจราวเทพเจ้าแห่ง Pulse หลังจากนั้น การต่อสู้กับรัฐบาล Cocoon ของไลท์นิ่งได้ชักนำเธอไปพบกับมิตรมากมาย ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกสิ่งมีชีวิตจาก Pulse ทำการตีตราเอาไว้ ซึ่งจะส่งผลให้พวกเขากลายเป็นอสุรกายหรือคริสตัลในท้ายที่สุด ทั้งหมดจึงต้องช่วยกันแก้ปมปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้
ทางด้านเกมเพลย์ของ FF XIII ก็ได้มีการนำระบบ Paradigm ที่เป็นการเซ็ตแผนการต่อสู้แบบสำเร็จรูปให้เลือกใช้ โดยแต่ละแผนก็จะส่งผลต่อแอ็กชั่นต่างๆ ของตัวละคร เช่น Commando ก็จะเป็นแผนที่เน้นการต่อสู้ด้วยอาวุธ, Raveger จะเน้นการต่อสู้ด้วยเวทมนตร์, Sentinel เป็นแผนเน้นการตั้งรับ, Saboteur จะเป็นแผนใช้เวทลดความสามารถศัตรู, Synergist จะเน้นใช้เวทเพิ่มความสามารถคนในปาร์ตี้ และ Medic ที่เป็นแผนฟื้นฟูพลังชีวิตและรักษาสถานะผิดปกติของทุกคนในปาร์ตี้
นอกจากนี้ ระบบร้านขายของก็มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย ซึ่งผู้เล่นจะสามารถหาซื้อไอเทม อาวุธ ชุดป้องกัน รวมทั้งสร้างอาวุธหรือเครื่องประดับใหม่ๆ ได้จากจุดเซฟได้เลย และการพัฒนาตัวละครของภาคนี้ก็มีความคล้ายกับระบบเดินสเฟียร์ของภาค 10 โดยเกมจะให้เราใช้ค่า CP ที่ได้จากการกำจัดศัตรูมาใช้เดินเส้นทางคริสตัล เมื่อเดินไปถึงคริสตัลจุดใดก็จะได้ค่าสเตตัสหรือสกิลที่กำกับอยู่ด้านบนคริสตัลลูกนั้นมา
Fact เล็กน้อยเกี่ยวกับเกม Final Fantasy XIII
- สำหรับเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนั้นได้วางจำหน่ายก่อนฝั่งตะวันตกอยู่หลายเดือนครับ โดยวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2552 และเพียงแค่เริ่มวางจำหน่ายวันแรกในญี่ปุ่น FF XIII ก็สามารถทำยอดขายทะลุ 1 ล้านชุดได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเมื่อนับเฉพาะเวอร์ชั่น PS3 จนถึงสิ้นปี 2552 ยอดขายก็ไปแตะอยู่ที่ 1.7 ล้านชุด และไปนิ่งอยู่ที่ 1.9 ล้านชุดตอนสิ้นปี 2553 ขณะเดียวกัน ทาง Square Enix ก็ได้เปิดเผยในภายหลังว่า FF XIII เป็นภาคที่ทำยอดขายทะลุ 1 ล้านชุดได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของซีรีส์นี้ ส่วนฝั่งสหรัฐฯ ก็มีรายงานเพิ่มเติมว่ายอดขายของ FF XIII เวอร์ชั่น PS3 นั้นอยู่ที่ 8 แสนชุด และเวอร์ชั่น Xbox 360 อยู่ที่ 5 แสนชุด ตามลำดับ และเมื่อนับยอดขายรวมจนถึงเดือนมกราคม 2556 ปรากฏว่าสามารถกวาดไปได้ 6.6 ล้านชุดทั่วโลกด้วยกัน
- หลังจากวางจำหน่ายไปได้ไม่นาน ก็มีกระแสคำวิจารณ์ด้านลบจากฝั่งผู้เล่นออกมามากมาย หลักๆ ก็คือประเด็นที่ภาคนี้มีการดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรงจนเกินไป เรียกได้ว่ากว่าผู้เล่นจะมีอิสระ จะได้ทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง ก็ปาเข้าไป Chapter 11 แล้ว (เกมมีทั้งหมด 13 Chapter) แถมเวลาอยู่ในเมืองต่างๆ ก็แทบไม่มีอะไรให้ทำ เควสต์ส่วนใหญ่ที่มีให้ทำก็เป็นการทำมิชชั่นล่าศัตรูตามสถานที่ต่างๆ นอกจากนี้ สื่อหลายๆ สำนักก็ให้เหตุผลว่า การที่ตัวเกมทำออกมาเป็นเส้นตรงขนาดนี้ เกมจึงสั้นเกินควร และดูแย่ไปกว่าที่พวกเขาคาดหวังกันไว้เยอะมาก ทว่าในทางกลับกัน ก็ยังคงมีสื่อบางสำนักที่มองต่างมุม โดยมองว่าการที่เป็นเส้นตรงนี่แหละที่ทำให้ผู้เล่นโฟกัสกับฉากรอบตัวมากขึ้น และถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีกับการทดลองอะไรใหม่ๆ ที่ฉีกไปจากกฎเกณฑ์เดิมๆ ของซีรีส์นี้ ซึ่งคุณโทริยาม่า ผู้เป็นไดเร็กเตอร์ของภาคนี้ได้ออกความเห็นถึงเรื่องคะแนนรีวิวที่ต่ำเกินมาตรฐานว่า บรรดานักรีวิวที่กดคะแนนจนต่ำเตี้ยเรี่ยดินน่าจะเป็นกลุ่มที่คุ้นชินกับเกม RPG ตะวันตกมามากกว่า เพราะ RPG สไตล์ตะวันตกส่วนใหญ่จะเป็นแนวโอเพ่นเวิลด์กัน แต่ในตอนที่สร้าง FF XIII นั้น ทีมงานตั้งใจที่จะไม่ให้ตัวเกมยึดโยงกับกรอบความเป็น RPG แต่กลับต้องการที่จะสร้างเกมที่ให้ความรู้สึกใหม่ๆ ไปเลย ทั้งนี้ คุณโยชิโนริ คิตาเสะ อดีตไดเร็กเตอร์ผู้ดูแล Final Fantasy มาหลายภาคก็ได้กล่าวว่า FF XIII มีความคล้ายคลึงเกม FPS มากกว่าที่จะเป็น RPG
- จากกระแสด้านลบที่ถาโถมเข้ามาทุกสารทิศ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของตัวเกมที่ทำเอาแฟนๆ FF รู้สึกเสื่อมศรัทธา ล้วนเป็นแรงกดดันที่ทำให้คุณโยอิจิ วาดะ ประธานบริษัท Square Enix ในขณะนั้นต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อกลางปี 2556 ที่ผ่านมา