เมื่อยักษ์ใหญ่วงการเกมขาดทุนกว่า 400 ล้าน หรือนี่จะเป็นการนับถอยหลังของ MMORPG

แชร์เรื่องนี้:
เมื่อยักษ์ใหญ่วงการเกมขาดทุนกว่า 400 ล้าน หรือนี่จะเป็นการนับถอยหลังของ MMORPG

        ถือเป็นข่าวที่ค่อนข้างใหญ่โตเลยทีเดียวกับการที่ยักษ์ใหญ่ของวงการเกมออนไลน์ในบ้านเรานั้นมีผลประกอบการติดลบ หรือพูดง่ายๆ คือ ขาดทุนกว่า 400 ล้านบาทในปี 2558 (http://www.online-station.net/news/game/46133) ซึ่งเมื่อดูในระยะสั้นแล้วอาจจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อผู้เล่นเท่าไหร่ แต่ในระยะยาวนั้นส่งผลแน่นอนเพราะพื้นฐานของแต่ละบริษัทเกมในบ้านเราตอนนี้ล้วนแต่มีเกมแนว MMORPG เป็นตัวสร้างเม็ดเงินเข้าบริษัทเป็นหลัก หรือนี่อาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกพวกเราชาวเกมเมอร์ว่า เกมออนไลน์ในบ้านเราใกล้ที่จะหมดยุคแล้ว วันนี้ผมเลยจะขอแชร์ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเกมเมอร์ต่อวงการเกมออนไลน์

-    ปัญหาระหว่างผู้พัฒนา และ ผู้ให้บริการ แต่เกมเมอร์เสียผลประโยชน์

        หลายๆ คนในบ้านเราคงรู้กันอยู่แล้วว่าเกมออนไลน์เกือบจะ 95% นั้นเป็นเกมที่ถูกส่งตรงมาจากประเทศเกาหลี และ จีนเป็นหลัก แน่นอนว่าการซื้อขายเกมทุกเกมผู้พัฒนาต่างก็ขายฝันเอาไว้อย่างสวยหรูให้กับผู้ให้บริการในบ้านเรา แต่พอทำจริงๆ ถ้าทำได้ก็ดีไป แต่ถ้าทำไม่ได้ผลเสียตกสู่ผู้เล่น เพราะตัวเกมอาจจะต้องปิด หรือเกมไม่อัพเดต ไม่แก้ไขบัค สุดท้ายเบื่อ และเลิกเล่นไปเอง

-    เทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนไป

        จะสังเกตได้เลยว่าในงานเกมระดับโลกอย่าง G-star ในปีที่ผ่านมานั้นค่ายพัฒนาเกมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Nexon ที่ขนเกมมือถือมาถึง 8 เกม ส่วนค่ายอื่นๆ อย่าง Com2Us, Gamevil หรือ Kakao ต่างขนเอาเกมมือถือของตัวเองออกมาเปิดตัวในงาน และมีจำนวนที่เยอะกว่าเกม Online ทำไม? ผมถึงยกตัวอย่างงานเกมของประเทศเกาหลี เพราะตลาดเกมในบ้านเรานั้นเดินตามแนวทางของตลาดเกมในประเทศเกาหลี และอย่างที่เราเห็นในทุกๆ วันนี้ผู้ให้บริการในบ้านเราทั้งหมดต่างก็มีเกมมือถือเปิดให้บริการ ซึ่งแน่นอนว่าเกมมือนั้นเติมเต็มความต้องการของเกมเมอร์ในบ้านเราได้ แถมเล่นที่ไหนก็ได้ ใช้เวลาในการเล่นให้เทพในระยะเวลาที่น้อยกว่าเกมออนไลน์

-    เกม PC (High Performance Game หรือ PC แบบไม่ออนไลน์) กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง (Steam)

        ถือเป็นการเอาคืนชุดใหญ่สำหรับเกม PC หลังจากที่โดนเกมออนไลน์ยึดพื้นที่มาอย่างยาวนาน อย่างน้อยๆ ก็ประมาณ 5-7 ปี ทำให้ค่ายพัฒนาเกม PC ค่อยๆ แก้ปัญหาและพัฒนาระบบขึ้นมาใหม่ให้ทัดเทียม และเติมเต็มความสนุกได้เท่าเกมออนไลน์ แต่จุดที่ทำได้ดีกว่าคือเสียเงินครั้งเดียวแล้วจบ บวกกับมีการอัพเดตตลอดเวลา เนื้อหาในเกมน่าติดตาม กราฟิกสวยกว่า พร้อมกับการแก้ไขบัคที่รวดเร็ว รวมถึงบางเกมเล่นแบบออนไลน์กับ PlayStation 4 ได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นจุดเด่นที่เกมออนไลน์สู้ไม่ได้แม้แต่น้อย

-    VR กำลังเสริมหลักๆ ของเกมมือถือ Console และ PC

       ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่เป็นตัวกำหนดอนาคตของวงการเกมโลกเลยทีเดียวสำหรับแว่น VR เพราะตอนนี้เริ่มมีเกมบน Steam ที่รองรับการเล่นผ่าน VR ออกมาแล้ว ทางด้านฝั่งมือถือคงไม่ต้องพูดถึงเพราะมีเยอะมาก ส่วน Console ก็มาข่าวออกมาบ้าง แต่จุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่คือค่ายเกมต่างๆ ในประเทศเกาหลีเริ่มที่จะพัฒนาเกมมือถือที่รองรับการเล่นผ่านแว่น VR จึงเป็นหนึ่งสิ่งที่สะท้อนเลยว่านักพัฒนาเริ่มเบนเข็มมาพัฒนาเกมมือถือมากกว่าเกมออนไลน์

-    โลกหมุนเร็วขึ้นมาก

        หลายๆ คนที่พอจะมีทักษะด้านภาษาหรือเล่นเกมมานานแล้วก็จะเข้าใจ Interface ของตัวเกมได้ไม่ยาก และในยุคนี้บ้านเราเน็ตก็ค่อนข้างแรงทำให้คนหันไปเล่นเซิร์ฟเวอร์นอกกันเยอะขึ้น ทำให้เกมที่ถูกเอามาเปิดเป็นเซิร์ฟเวอร์ไทยนั้นกลายเป็นเกมเก่าในสายตาของผู้เล่นไปโดยปริยาย 

-    มีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อเกมไม่ได้

       ในโลกของธุรกิจที่โหดร้ายขึ้นทุกๆ วันต่อให้ค่ายเกมมีเงินมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถที่จะซื้อเกมออนไลน์ใหม่ๆ จากเกาหลีมาเปิดให้บริการในประเทศได้ อาจจะเป็นเพราะผู้พัฒนาเองอยากที่จะเข้ามาเป็นคนเปิดให้บริการเองเพราะไม่ต้องแบ่งรายได้กับใครรับเงินเต็มๆ หรือทางค่ายพัฒนาเกมอาจจะมองว่าบ้านเราไม่มีศักยภาพมากพอที่จะสร้างรายได้ให้กับเขา เพราะต้องยอมรับในข้อนี้ว่าสเปกเครื่องคอมพิวเตอร์ของเกมเมอร์ในบ้านเรานั้นตามหลังเกาหลีอยู่พอสมควร ทำให้จำนวนคนที่เล่นเกมใหม่ๆ ของเกาหลีได้นั้นมีไม่มากพอ

       ซึ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่ปัญหาบางส่วนที่ทำให้เกมออนไลน์แนว MMORPG เริ่มที่จะนับถอยหลังตัวเอง แต่เกมออนไลน์อาจไม่ได้หายไปจากประเทศนี้ เพราะคนที่ต้องการเล่นเกมแนวนี้ก็ยังมีอยู่แต่ไม่เยอะเท่าสมัยก่อน ซึ่งเมื่อคนเล่นน้อยลงบริษัทเกมที่เอาเกมแนวนี้เข้ามาเปิดก็จะน้อยลงไปด้วยนั้นเอง สุดท้ายนี้ก็ต้องคอยจับตามองกันครับว่าอนาคตของเกมแนว MMORPG ในบ้านเราจะเป็นเช่นไร? 

 

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ