5 เทคโนโลยีจากเกม, การ์ตูน, ภาพยนตร์ ที่อุบัติขึ้นแล้วบนโลกแห่งความจริง

แชร์เรื่องนี้:
5 เทคโนโลยีจากเกม, การ์ตูน, ภาพยนตร์ ที่อุบัติขึ้นแล้วบนโลกแห่งความจริง

ในโลกนี้มีสิ่งประดิษฐ์มากมายที่มนุษย์คิดค้นและสร้างมันขึ้่นมานับตั้งแต่โบราณกาล โดยมากแล้วมันจะเกิดขึ้นจากจินตนาการของใครสักคนที่ต้องการทำบางสิ่งเพียงเพือให้ชีวิตประจำวันของเขาง่ายดายขึ้นไปจนถึงการพาโลกทั้งใบข้ามผ่านไปสู่อีกยุคหนึ่งด้วยนวัตกรรมจากผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์เพียงชิ้นเดียว (เช่นสตีฟ จ็อบส์กับไอโฟนของเขา) บางครั้งคิดเพื่อปัจจุบัน บางทีคิดเผื่ออนาคต 

ซึ่งอย่างหลังเนี่ยเรามักจะเห็นไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ เหล่านั้นถูกบอกผ่านสื่อบันเทิงต่างๆ ทั้งเกม, การ์ตูน หรือแม้แต่ภาพยนตร์ ซึ่งผู้ชมสามารถเสพย์และซึมซับแนวคิดสุดลํ้าเหล่านั้นได้ง่ายและเป็นรูปธรรมกว่าการนั่งเปิดบทความวิชาการที่อาจจะเข้าถึงยากไปสักหน่อย และแม้หลายๆ อย่างจะเป็นไอเดียที่แรกเริ่มอุดมไปด้วยความฝันทั้งอาจไม่ได้คิดถึงหลักว่าจะทำได้ในโลกจริงรึเปล่า กระนั้นเมื่อเวลาผ่านไปความคิดและขีดจำกัดของมนุษย์อันประดุจบึงที่ไร้ก้นก็จะพิสูจน์ได้ว่าส่วนใหญ่มันสามารถมีที่ทางบนโลกได้จริงๆ ซึ่งบทความนี้ผมก็จะพาไปดู 5 สิ่งประดิษฐ์จากเกม, การ์ตูน, ภาพยนตร์ ที่กำลังจะเข้ามามีส่วนร่วมกับชีวิตประจำวันของเราในไม่ช้าครับ


1. วุ้นแปลภาษา

สิ่งประดิษฐ์เอนกประสงค์จากศตวรรษที่ 22 ที่มาพร้อมกับเจ้าแมวหุ่นยนต์สีฟ้าหูโดนแทะชิ้นนี้อาจจะยังไม่เกิดขึ้นในชีวิตจริง 10 หรือ 20 ปีนี้ (บางทีอาจ 100) เพราะด้วยวิธีใช้ของมันที่เคี้ยวๆ กลืนแล้วจู่ๆ คุณก็จะกลายเป็นกูรูด้านภาษาไปในบัดดลเนี่ย ทำให้แม้ในปัจจุบันก็ยังคงดูแฟนตาซีเกินจริงไปมาก (เพราะถ้ามีจริงเมื่อไหร่เหล่าโรงเรียนสอนภาษาอาจจเจ๊งระนาวกันถ้วนหน้า) กระนั้นเราก็อาจจะเข้าใกล้มันเข้าไปอีกขั้นด้วยเจ้าแท่งหรรษาสีขาวนามว่า ili ซึ่งเป็นเครื่องแปลภาษาฉบับพกพาครับ เพียงแต่เวลานี้ยังรองรับเพียง 3 ภาษาเท่านั้นคือ อังกฤษ, จีน และญี่ปุ่น ดังนั้นก็ขอให้ขยันเรียนภาษากันต่อไปอีกสักหนึ่งศตวรรษนะครับ!

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://www.online-station.net/entertainment/fun/1245


2. โฮเวอร์บอร์ด

สมัยนี้มีอุปกรณ์ที่ช่วยในการเคลื่อนที่เยอะมากครับ จนถึงกับมีการกระแนะกระแหนกันว่าขี้เกียจเดินกันเองมากนักหรือไง แต่อย่างไรเสียบางคนก็อาจจะมองมันในแง่ของเล่นที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้ชีวิต เช่นที่ฮิตๆ กันตอนนี้ก็เช่นเจ้า Momowheel ที่แล่นเล่นกันทั่วบ้านทั่วเมือง (แต่แน่นอนว่าไม่ค่อยมีใครเล่นบนฟุตบาตประเทศนี้หรอกนะ สะดุดท่อหัวทิ่มกันพอดี) ทว่าสิ่งที่เราจะนำเสนอในบทความนี้คือการเทคเลเวลขึ้นไปอีกระดับนั่นคือ โฮเวอร์บอร์ด ที่สามารถลอยได้จริงครับ! โดยผลิตภัณฑ์นี้เป็นของแบรนด์ Lexus ซึ่งใช้การผสมผสานเทคโนโลยีอย่างตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวด, แม่เหล็ก และไนโตรเจนเหลว มาเพื่อทำให้ตัวบอดสามารถเคลื่อนที่ได้ครับ น่าสนใจทีเดียว

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://www.lexus-int.com/amazinginmotion/slide


3. เครื่องพิมพ์ 3 มิติ

เอาจริงๆ เครื่องพิมพ์ 3 มิตินั้นเป็นอะไรที่ใช้กันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแล้วครับ เพียงแต่พวกที่มีโอกาสใช้จะเป็นพวกบริษัทใหญ่ๆ เสียมากกว่าคนธรรมดาๆ กระทั่งช่วงไม่กี่ปีมานี้ที่ตลาดเครื่องปริ๊นเริ่มหดตัวลง ส่งให้เครื่องพิมพ์ 3 มิติมีราคาที่ตกลงอย่างมากจนกลุ่มห้างร้านบริษัทเล็กๆ รวมถึงลูกค้าทั่วไปสามารถซื้อไปใช้เองได้ในราคาที่ไม่สูงจนเกินเอื้อมครับ โดยหลักการทำงานในภาพรวมตอนแรกจะไม่ต่างจากเครื่องพิมพ์ธรรมดาเท่าไหร่คือพิมพ์แบนๆ ในระนาบเดียวกับพื้นโลก XY ก่อน จากนั้นจึงค่อยไปแกน Z ซึ่งจะเป็นการพิมพ์แบบขึ้น-ลง ก่อเกิดเป็นมิติที่ 3 ขึ้นมานั่นเอง นับเป็นอีกเทคโนโลยีที่จู่ๆ ก็มาถึงเร็วโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน 

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://www.print3dd.com/what-is-3d-printer-how-many-type/#


4. หุ่นยนต์

เรียกว่าเป็นความฝันของลูกผู้ชายหลายคนเลยก็ว่าได้ครับสำหรับหุ่นยนต์ตัวเป็นๆ เดินได้ ขยับได้ สำหรับประเทศเราและอีกหลายๆ ประเทศนั้นตัวตนที่เป็นดั่งนิยามของคำว่า "หุ่นยนต์" ก็คงหนีไม่พ้นเหล่า Gundam ทั้งหลายนั่นเอง แต่แน่นอนว่าการสร้างเจ้าหุ่นยักษ์รูปร่างมนุษย์สูง 18 เมตรในโลกความเป็นจริงให้ขยับได้อย่างในการ์ตูนนั้นยังคงเป็นอะไรที่ห่างไกล อีกทั้งยังมีการวิเคราะห์จากบางกระแสด้วยว่าถึงสร้างขึ้นมาได้จริงมันก็คงจะไม่เวิร์คอย่างแรง กระนั้นความปรารถนาอันแรงกล้าที่สร้างหุ่นยักษ์ขึ้นมาใช้จริงนั้นก็รุนแรงเกินกว่าจะต้านทานครับ ดังที่เราได้เห็นว่ามีการแข่งขันการประกวดหุ่นยนต์ต่างๆ อยู่ทั่วโลก แต่ข่าวที่พีคที่สุดคงเป็นการท้าสู้กันระหว่างบริษัทสร้างหุ่นยนต์สัญชาติอเมริกาอย่าง MegaBots ที่ส่งถึงบริษัท Suidobashi ของญุี่ปุ่นซึ่งเพิ่งเป็นข่าวดังไปเร็วๆ นี้นี่เอง

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://www.techoffside.com/2015/07/usa-japan-giant-robot-duel/


5. เครื่องเล่นตระกูล VR

นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่มาแรงที่สุดในอุตสาหกรรมบันเทิงในขณะนี้เลยครับกับเครื่องเล่นตระกูล Virtual Reality ที่เตรียมพาเหรดถล่มตลาดกันแบบจริงๆ ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นไป เริ่มจากพี่ใหญ่ทุนหนาผลิตภัณฑ์จากตามาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กอย่าง Oculus Rift ซึ่งเปิดพรีออร์เดอร์ไปเพียงไม่กี่วันสินค้าล็อตแรกก็ถูกจองหมดทันที ตามมาด้วย HTC Vive ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาร่วมกันโดย HTC และ Valve หรือก็คือ Steam VR ที่หลายๆ คนรู้จักนั่นเอง นอกจากนี้ก็จะมี PlayStation VR ของทาง Sony ซึ่งน่าจะใช้กับเครื่อง PS4 โดยเฉพาะ และ Microsoft HoloLens ที่ออกมาเคลมว่าลํ้าเกินไป และจะมีการวางขายเมื่อทุกอย่างพร้อมเท่านั้น

อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวได้ฮือฮาที่สุดเมื่อช่วง 2-3 วันมานี้ก็คือโปรเจค Sword Art Online: The Beginning จากทางบริษัท IBM ซึ่งจะนำเอาโลกทั้งใบจากไลท์โนเวลชื่อเดียวกันมาสร้างเป็นโลกแบบ VR ของจริง มีกำหนดเสร็จสมบูรณ์ในอีก 6 ปีนับจากนี้ครับ รายละเอียดของเจ้าเครื่องเล่นตัวนี้ยังมีไม่มากนัก แต่เราก็สันนิษฐานว่ามันน่าจะเป็นเครื่องเล่นรูปแบบสวมหัวทั่วไป ทว่าอาจแตกต่างด้วยระบบจำเพราะของ IBM เช่น SoftLayer ซึ่งเป็นคลาวด์คอมพิวติ้งคุณภาพสูงซึ่งจะช่วยสร้างโลก SAO ให้สมจริงชนิดที่อาจจะไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น PC เลยก็ได้ครับ อธิบายตอนนี้อาจไม่ค่อยเห็นภาพกันเท่าไหร่ ก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่ามันจะออกมาอีหรอบไหนล่ะนะ

โดยส่วนตัวแล้วกับเทคโนโลยี VR นั้นตัวผมเองค่อนข้างจะให้ความสนใจกับมันเป็นพิเศษ เพราะประโยชน์ของมันสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายวงการมากไม่ใช่แค่เฉพาะเอาไว้เล่นเกมเพียงอย่างเดียว เพราะในแง่หนึ่งเครื่องเล่นพวกนี้มันเกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองตัณหาบางอย่างของมนุษย์โดยไม่ต้องสงสัย และหากใครยังจำกันได้ทางทีมพัฒนาของ Oculus ก็ได้ออกมาบอกเองว่าจะไม่มีการปิดกั้นคอนเทนต์ใดๆ บนเครื่อง VR ของพวกเขาทั้งสิ้น นึกภาพกันออกใช่มั๊ยครับว่ามันจะเป็นอย่างไร... เรากำลังพูดถึงคอนเท้นต์สำหรับผู้ใหญ่ซึ่งผมเชื่อโดยสนิทใจว่าเครื่องเล่น VR คืออุปกรณ์หนึ่งที่ "น่าจะ" ช่วยลดปัญหาอาชญากรรมทางเพศที่เกิดขึ้นในทุกๆ วันนี้ได้ไม่มากก็น้อยครับ แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไปล่ะนะ


อนาคตที่อาจมาถึงเร็วขึ้นกว่าเดิม

ถ้าเราคิดว่าในปัจจุบันโลกนี้หมุนเร็วจนตามไม่ทันแล้วพี่บัวลอยล่ะก็ ผมคิดว่าหลังจากนี้ไปมันอาจจะเร็วขึ้นกว่าเดิมอีกมากครับ เพราะหากยังจำกันได้เมื่อเร็วๆ นี้มนุษย์เราเพิ่งจะมีข่าวใหญ่กับการตรวจพบคลื่นแรงโน้มถ่วงจากอวกาศซึ่งนำมาสู่การยืนยันสมมติฐานของไอน์สไตน์ได้ในที่สุด เช่นนั้นคำถามหลังจากนี้คงไม่ใช่ว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง แต่เป็นคำถามที่ว่าหากมนุษย์สามารถเล่นกับอวกาศและเวลาได้ล่ะก็ มันจะมีอะไรที่เราทำไม่ได้บ้างมากกว่าต่างหากล่ะครับ

 

แชร์เรื่องนี้:
Dark_Libra
About the Author

Dark_Libra

Everything in this world comes down to the matter of ponytail

เรื่องที่คุณอาจสนใจ