"วันนี้ในอดีต" by play
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2539 หรือวันนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เป็นวันวางจำหน่ายของเกม Front Mission: Gun Hazard บนเครื่อง Super Famicom ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยภาค Gun Hazard นี้ถือเป็นภาค Spin-off ที่เนื้อเรื่องจะเป็นคนละจักรวาลกับ Front Mission ภาคหลัก (แต่ก็จะมีบางตัวละครที่มีชื่อละม้ายคล้ายกับตัวละครบางตัวจาก Front Mission ภาคแรกที่วางจำหน่ายเมื่อ 1 ปีก่อนหน้านั้นเหมือนกัน)
เหตุการณ์ของภาค Gun Hazard นั้นเริ่มขึ้นในเดือนมกราคม ค.ศ. 2064 เมื่อ อาร์ค เฮลแบรนด์ ผู้นำทางทหารของประเทศเบอร์เก้น (ประเทศสมมติ) ได้พยายามก่อการรัฐประหารรัฐบาลประชาธิปไตยของประธานาธิบดี มอส ออร์เวน ขณะที่กองทัพของเฮลแบรนด์กำลังจะยึดครองเบอร์เก้นได้แบบเบ็ดเสร็จ ประธานาธิบดีออร์เวนก็ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากทางกลุ่มกองกำลังที่ยังภักดีกับตน ในที่สุด อัลเบิร์ต แกรบเนอร์ พระเอกของเกมก็ถูกส่งมาทำหน้าที่อารักขาและคอยพาออร์เวนลี้ภัยออกนอกประเทศ ทว่าสุดท้ายก็ไปไม่รอด ทั้งคู่ถูกเฮลแบรนด์พร้อมด้วยลูกน้องจับตัวไปขัง ระหว่างนั้นอัลเบิร์ตก็ได้รับการช่วยเหลือจาก เบรนด้า ล็อคฮาร์ท นางเอกของเกมที่เป็นคนจากสมาพันธ์ทหารรับจ้างในการแหกคุกหนีออกมา อัลเบิร์ตจึงต้องผันตัวเองเป็นทหารรับจ้างเช่นเดียวกับเบรนด้า พร้อมกับรวบรวมพรรคพวกเพื่อกลับมาช่วยออร์เวนและปลดแอกประเทศเบอร์เก้นสู่อิสรภาพ...พร้อมคืนความสุขให้ประชาชน (อันหลังนี่ไม่ใช่ละ)
ทางด้านระบบของภาคนี้จะต่างจาก Front Mission ภาคหลักโดยสิ้นเชิงครับ คือเป็นแนว Action เต็มตัว ผู้เล่นสามารถบังคับหุ่นที่เรียกว่าแวนเซอร์ (Wanzer) ได้ค่อนข้างอิสระ โดยสามารถยิง, กระโดด, แดช หรือแม้แต่ตั้งการ์ดเพื่อป้องกันกระสุน (ต้องติดตั้งโล่ก่อน) พร้อมกันนี้ก็จะมีองค์ประกอบของความเป็นแนว RPG เข้ามาเสริมด้วย เช่น ระบบอัพเลเวลตัวละคร และการอัพเกรดตัวนักบินและแวนเซอร์ ทั้งนี้ ตัวเกมยังมีระบบร้านค้าให้ผู้เล่นได้เลือกซื้ออาวุธหรือชิ้นส่วนหุ่นแบบใหม่ๆ เพื่อเพิ่มสมรรถนะด้านต่างๆ ซึ่งอาวุธหลักและอาวุธเสริมจะมีให้เลือกใช้หลายแบบด้วยกัน โดยผู้เล่นต้องประยุกต์ใช้อาวุธแต่ละอย่างให้เหมาะกับสถานการณ์ ยิ่งไปกว่านั้น หากผู้เล่นได้ดำเนินเนื้อเรื่องไปถึงจุดหนึ่งก็จะได้เพื่อนร่วมทีมคนใหม่มาเรื่อยๆ และยังสามารถนำเพื่อนเหล่านั้นมาร่วมสู้เพื่อเก็บเลเวลให้เพื่อนคนดังกล่าวได้อีกด้วย
Fact เล็กน้อยเกี่ยวกับเกม Front Mission: Gun Hazard
- กรณีที่นำเพื่อนร่วมทีมมาช่วยสู้ในฉากด้วย ตรงนี้ผู้เล่นสามารถให้เพื่อนอีกคนถือจอย 2 แล้วบังคับเป็นเพื่อนร่วมทีมคนนั้นได้ ด้วยการกดปุ่มล่าง, L และ R ของจอย 2 พร้อมกัน
- Omiya Soft ที่เป็นทีมพัฒนาของ Front Mission ภาคนี้ มีผลงานเด่นอื่นๆ ตามมาในภายหลัง ได้แก่ซีรีส์ Culdcept ที่ทำออกมาหลายภาคด้วยกัน และลงให้กับหลายแพลตฟอร์ม ได้แก่ PS1, Sega Saturn, PS2, Dreamcast, DS, 3DS และ Xbox 360
- เกมนี้สามารถทำยอดขายในญี่ปุ่นจนถึงสิ้นปี 2539 ไปได้ที่ 184,000 ชุด และยอดขายรวมจนถึงปัจจุบันก็ได้ไปจอดอยู่ที่ประมาณ 300,000 ชุด
- Soundtrack ของเกมนี้เป็นผลงานการประพันธ์ร่วมกันระหว่างคุณโนบุโอะ อุเอะมัตซึ ผู้ที่แต่งเพลง Soundtrack ให้กับซีรีส์ Final Fantasy มาอย่างยาวนาน กับคุณยาสึโนริ มิตซึดะ โดยที่ทั้งสองท่านนี้เคยร่วมงานกันมาก่อนแล้วครั้งหนึ่งกับเกม Chrono Trigger ที่เป็นเกม RPG ระดับตำนานของค่าย Squaresoft ในยุคของเครื่อง Super Famicom
- ด้วยความที่ Front Mission: Gun Hazard นั้นไม่มีการวางจำหน่ายในเวอร์ชั่นอื่นนอกจากญี่ปุ่น จึงได้มีแฟนๆ กลุ่มหนึ่งที่ชื่อว่า Aeon Genesis ได้ร่วมกันทำแฟนซับเป็นภาษาอังกฤษขึ้นมา และได้ปล่อย Patch นั้นเป็นไฟล์ Rom ให้ผู้เล่นนอกประเทศญี่ปุ่นได้โหลดกันเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2547