ผมเชื่อว่า ผู้ที่มาอ่านบทความจากหัวข้อนี้ 99.99% ต้องเคยผ่านเกมจากเครื่อง PlayStation (PS1) หนึ่งในเครื่องเกมที่อยู่ในความทรงจำของคนไทยเป็นอันดับต้นๆ กันมาแล้วใช่มั้ยครับ แต่หากถามว่า แล้วเกมใดที่อยู่ในใจคนไทยล่ะ ก็จะมีคละเคล้ากันไป บ้างก็บอก Final Fantasy VII บ้างก็อาจบอก Resident Evil บ้างก็อาจจะบอก Metal Gear Solid แต่ผมมั่นใจเลยว่าจะต้องมีหลายคนแน่นอนที่เขียนชื่อของ Harvest Moon: Back to Nature ขึ้นมาฝ่ากลางดงเกมในตำนานพวกนี้
Bokujō Monogatari Harvest Moon หรือ Harvest Moon: Back to Nature เกมแนว Simulation ที่วางจำหน่ายบนเครื่อง PS1 เมื่อปี พ.ศ.2542 ซึ่งถือเป็นภาคที่ 6 ของซีรีส์นี้ โดยตัวเกมได้รับความนิยมระดับหนึ่งเมื่อวางจำหน่ายที่ญี่ปุ่นและอเมริกา แต่เปรี้ยงแบบสุดขีดในประเทศไทย ที่เราเรียกสั้นๆ ว่า "เกมปลูกผัก" เกมที่เราต้องบริหารชีวิตในไร่ของเราให้ผ่านพ้น 4 ปีของเกมไปให้ได้
แต่ทำไมล่ะ...ทำไมเกมปลูกผัก แค่ได้ยินชื่อก็ขำแล้ว ถึงกลายเป็นหนึ่งในเกมขวัญใจของเกมเมอร์ยุค PS1 ผู้เขียนได้ทำการสอบถาม และเค้นความคิดตลอดเวลาที่เล่นเกมนี้มา จึงได้ออกมาเป็น 5 เหตุผลที่เป็นเครื่องยืนยันว่า ทำไมเกมนี้จึงได้รับความนิยมมากมายมหาศาลขนาดนี้ ต้อนรับการมาของภาคใหม่อย่าง Seed of Memories ไปในตัวด้วยเลย
1. กราฟิกน่ารัก ดนตรีน่าจดจำ
ในยุคที่คนสร้างเกมต่างพร้อมจะนำเสนอกราฟิกสุดอลังการงานสร้างดาวล้านดวง กินพื้นที่บนแผ่นซีดีมาก จนบางเกมใช้ถึงหลายแผ่นแต่กลับมีเนื้อหาเกมจริงๆ สั้นกระจิ๋วเดียว ทว่า Harvest Moon: Back to Nature กลับเป็นเกมที่สวนทาง โดยนำเสนอกราฟิคเป็นภาพการ์ตูนน่ารักที่แสนจะเรียบง่าย ตัวพระเอกใส่หมวกตลอดกาลไม่มีวันถอดแม้แต่ตอนนอน สิ่งของบางอย่างตัวละครมีขนาดใหญ่กว่าอย่างไม่น่าเชื่อ บ้านที่ภายนอกดูแสนจะเล็ก แต่เข้าไปข้างในอย่างกับคฤหาสน์ แอนิเมชั่นตัวละครที่แสนจะขี้โม้ เช่น หยิบใบไม้ต้องแบกขึ้นหัว หรือกระโดดข้ามกิ่งไม้ ทำยังกับกระโดดเก็บคะแนนยิมนาสติก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ามันกลายเป็นเอกลักษณ์ความน่ารักของเกม ทำให้เกมมีภาพที่น่ารักสดใส เหมาะสำหรับเด็กทุกเพศทุกวัย และคนเล่นแค่เปิดเกมมาก็รับได้ถึงบรรยากาศความผ่อนคลายในทันที และในหลายๆ จุดแม้กราฟิกมันจะดูผิดระบบฟิสิกส์บนโลกมนุษย์ แต่มันก็ทำให้เรามองอะไรในเกมได้ง่ายขึ้น ส่วนดนตรีที่บรรเลงแม้ในเกมจะมีดนตรีทั้งเกมอยู่ไม่ถึง 10 เพลง แต่ทุกเพลงล้วนประพันธ์มาให้เข้ากับบรรยากาศบ้านไร่ ฤดูที่อยู่ในเกม มันจึงกลายเป็นเพลงที่เข้าไปในความทรงจำตอนเล่นได้ไม่ยาก
2. ระบบที่เหมือนง่าย แต่มีความซับซ้อนเกินคาด
อย่างที่กล่าวข้างต้นครับว่า ภารกิจของเกมคือการทำให้ไร่ของเราอยู่รอดพ้นไปให้ได้ภายใน 4 ปีของเกม หลักๆ คือการปลูกพืชผักเพื่อให้ออกผลผลิตเอาไปขาย เลี้ยงสัตว์เพื่อเอาผลผลิตจากมันไปขาย ได้เงินมาก็พัฒนาไร่ของเราให้ยิ่งใหญ่ ขยายพืชผักและสัตว์เลี้ยงไปเรื่อยๆ นี่แหละครับคือภาพรวมของเกมนี้ แต่สิ่งที่ทำในเกมมันไม่ได้มีแค่นี้ เพราะการปลูกผัก เราก็จำเป็นต้องสังเกตุฤดูที่มันจะออกผล วางแผนการจัดสรรพื้นที่ปลูกด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งบางอย่างเราก็ต้องไปพัฒนา และการพัฒนาเราก็ต้องไปขุดแร่ แร่ก็สามารถเอามาขายได้ ไปเก็บของป่า ค้นหาไอเทมลับที่มีซ่อนในเมือง ตกปลาขยายพันธุ์เพื่อขาย ปลูกดอกไม้เพื่อเอาน้ำผึ้ง สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้านเพื่อไอเทมพิเศษ ดูทีวีเพื่อศึกษาข้อมูลภายในเกมรวมถึงสภาวะอากาศ ซื้อของทางโทรศัพท์ สร้างอุปกรณ์เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ เลี้ยงหมาไว้ไล่หมาป่า เลี้ยงม้าไว้วิ่งช่วยดูแลสวน เรียกคนแคระมาช่วย และอีกสารพัดทำให้ชีวิตภายในเกมมีมากกว่าการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ เราสามารถหาวิธีที่จะได้เงินมาอย่างมากมายเพื่อพัฒนาฟาร์ม โดยไม่ต้องปลูกพืช เลี้ยงสัตว์อย่างเดียว มันจึงทำให้ 4 ปีภายในเกมมีอะไรให้เพลิดเผลินได้ตลอดเวลา
3. เหตุการณ์พิเศษ และเทศกาลสุดสนุก
ไม่ใช่ว่าในเกมเราจะต้องทำสิ่งที่เกี่ยวกับไร่ของเราเท่านั้น บ้านเมืองที่เราอยู่ล้วนมีความพิเศษให้เราเข้าไปสำรวจ มีตั้งแต่เหตุการณ์พิเศษของตัวละครที่ทำให้เราเข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา อดีต หรือความฝันให้เราร่วมสนุกไปกับตัวละครเหล่านี้ บางเหตุการณ์ก็มหัศจรรย์พันลึกซะยังกับเกมแฟนตาซีได้อ่านเบื้องลึกเบื้องหลังของเมืองที่มีตั้งแต่นางฟ้า กัปปะ ยันต้นไม้ร้องขอชีวิต และยังมีเทศกาลพิเศษภายในเมืองที่มีมาให้ตลอด โดยหลายเทศกาลจะเป็นมินิเกมเล็กๆ ให้ได้เล่นแบบสนุกๆ หรือหลายเทศกาลที่ทำให้เราเกรียนได้เต็มที่ โดยที่เกมไม่ได้มีข้อห้ามอะไร เอามาเป็นหัวข้อไปโม้สนทนากับเพื่อนๆ ได้
4. อิสระที่มอบให้เต็มที่
จากข้อที่แล้วบอกไปว่า “เราเกรียนได้เต็มที่” ใช่ครับ...เกมนี้มันมอบอิสระให้กับเราในระดับที่สูงพอตัว ไม่ใช่ว่าการไม่ดูแลไร่ของเราจะเจอเกมขึ้นข้อความเตือน ไอ้คนใจร้าย ทำไมทิ้งไร่นายแบบนี้ เกมจะไม่แคร์ประมาณ เอ็งจะทำอะไรเรื่องของเอ็ง เอ็งจะนอนมันยัน 1 เดือน เอ็งจะเอาขวาน ค้อนไปทุบสัตว์เลี้ยง เอ็งจะเอาก้อนหินไปมอบให้เป็นของขวัญเพื่อนบ้าน ทั้งหมดเกมให้คุณทำได้แบบไม่มีข้อห้ามใดๆ ทั้งสิ้น แต่ว่าการกระทำของคุณมันจะส่งผลแน่นอนในภายหลัง ฉะนั้นอย่าเกรียนให้มากล่ะ
5. ผู้หญิง
ผมรู้ครับ ชายหนุ่มทั้งหลาย ผมเชื่อว่าหลายๆ คนเมื่อนึกถึงเกมนี้ จะไม่นึกถึงเกมที่ใช้ชีวิตในไร่ แต่จะตั้งหัวข้อขึ้นมาว่า คนไหนเมียเรา แน่นอน เกมนี้มีระบบจีบสาวและแต่งงานกับสาวที่เราตกลงปลงใจให้มาเป็นชีวิตคู่ แต่การจีบสาวในเกมนี้จะไม่ใช่การจีบแบบเกมจีบสาวประเภทเลือกคำตอบ และนั่งดูเหตุการณ์ เพราะเกมนี้เราต้องมีความมานะกันนิดหนึ่ง เพราะสาวๆ แต่ละคนจะมีของที่ชอบ เราก็ต้องนำของที่เธอชอบไปมอบให้เพื่อเพิ่มค่าความสัมพันธ์จนเธอรักเรา แน่นอนของที่เธอชอบไล่ตั้งแต่ดอกไม้ริมทางเก็บมันได้ทุกวัน ยัน ไวน์ขวดละ 300 มอมเมาสาวที่ชอบ และที่สำคัญ สาวๆ ที่เราจีบในเกมล้วนมีเอกลักษณ์ในการออกแบบที่ดีมาก ทั้งน่ารัก มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ทำให้บางคนเผลอไปจีบสาวก่อนจะมาใส่ใจไร่ของตัวเองด้วยซ้ำไป และก็มีแฟนคลับของสาวๆ แต่ละคนแบบจริงจังและชัดเจน มันเลยเป็นสัญญาณว่าเกมนี้ประสบความสำเร็จในส่วนการสร้างระบบแต่งงาน และสาวๆ จริงๆ
ในปัจจุบัน ซีรีส์ Harvest Moon ยังคงดำเนินต่อไป ยังคงมีแฟนเกมซีรีส์นี้ที่ยังติดตามกันอย่างเหนียวแน่น และยังไม่มีเกมแนวปลูกผักเกมไหนที่สามารถสร้างแบรนด์ได้ระดับเดียวกับเกมนี้ แต่ไม่ว่าจะออกมากี่ภาคต่อกี่ภาค เมื่อไปถามคนที่เล่นซีรีส์นี้ เค้าก็จะยังยกให้ Harvest Moon: Back to Nature เป็นที่ 1 ของซีรีส์มาเสมอ อาจจะไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นเกมที่มีระบบดีที่สุดในซีรีส์ หรือมีทุนสร้างสูงที่สุด แต่ความลงตัวของมัน และการที่มันสร้างความประทับใจแรกให้กับคอเกม มันจึงกลายเป็นเกมในดวงใจของใครต่อใครหลายคนตราบจนปัจจุบัน