FUTURE GAMER: TOP 5 - แนะนำ 5 ระบบยอดเยี่ยมจากเกมที่ยอดแย่

แชร์เรื่องนี้:
FUTURE GAMER: TOP 5 - แนะนำ 5 ระบบยอดเยี่ยมจากเกมที่ยอดแย่

โดย ณัฐวุฒิ อภิวัฒน์วรากุล
- บทความจากนิตยสาร Future Gamer Iss 229


วิดีโอเกมในปัจจุบันนั้นมีส่วนประกอบและปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเสียง ภาพ ระบบการเล่น หรือแม้กระทั่งเนื้อหาภายใน สิ่งต่างๆ เหล่านี้เมื่อผสมรวมกันอย่างลงตัวก็จะก่อกำเนิดเป็นเกมดีเกมดังที่ได้รับความนิยม แต่มีบางครั้งที่ระบบการเล่นที่โดดเด่นน่าสนใจกลับถูกใส่ไว้ในเกมที่ล้มเหลวในด้านอื่น ส่งผลให้มันถูกลืมเลือนไปจากกาลเวลา วันนี้เราขอเสนอ 5 ระบบจาก 5 เกมที่สุดแสนน่าสนใจแต่กลับไม่ดัง


1. Fracture

ไม่แปลกหากคุณจะไม่รู้จักเกมชื่อ Fracture เพราะมันคือเกมเดินยิงจากเครื่อง PlayStation 3 และ Xbox 360 ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2008 ที่ไม่ประสบความสำเร็จและถูกสับเละในเรื่องของเนื้อหาและตัวเอกสุดน่าเบื่อไปจนถึงระบบการเล่นหลักที่เหมือนลอกแบบมาจากเกมดังในยุคนั้นอย่าง Halo และ Gears of War แต่สิ่งที่น่าสนใจของเกมคือระบบและอาวุธที่มีชื่อว่า Entrencher Gun ซึ่งมาพร้อมความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นผิว ทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างเนินขนาดขึ้นมาเป็นกำบังหรือจะทำภูเขาลูกเล็กๆ เป็นทางเดินขึ้นไปยิงศัตรูบนตึกก็ยังได้ หากผ่านการขัดเกลาที่ดีมันต้องเป็นเกมที่น่าสนใจและเล่นได้สนุกอย่างแน่นอน แต่เสียดายที่เกมมัน "แป้ก"


2. Alone in the Dark

Alone in the Dark ฉบับรีบูต ในปี 2008 เป็นเกมที่ “แย่” อย่างไม่ต้องสงสัย การบังคับ Edward Carnby ให้เดินไปมาหันซ้ายขวาได้ตามต้องการนั้นเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ระบบช่องเก็บของก็ยุ่งยากจนเหมือนการหาของวิเศษในกระเป๋า 4 มิติของหุ่นยนต์แมวจากโลกอนาคต ขณะที่มุมกล้องของเกมก็ย่ำแย่ชวนปวดกะโหลก ท่ามกลางข้อเสียที่มีมากมาย แต่สิ่งที่ Alone in the Dark ทำออกมาได้ดีและยอดเยี่ยมก็คือระบบการ Craft และผสมของ โดยการ Craft ของในเกมนั้นจะเกิดขึ้นในมุมมองบุคคลที่หนึ่งที่ตัวเอกก้มลงไปมองไอเทมที่เก็บไว้ในเสื้อ การสร้างอาวุธจากของใช้ทั่วไปเพื่อจัดการกับเหล่าปีศาจ นับเป็นความสนุกเพียงหนึ่งเดียวของเกม


3. Operation Raccoon City

เกมยิงซอมบี้ภาคแยกจากซีรีส์หลัก Resident Evil หรือ Biohazard ที่พัฒนาออกมาโดยเน้นหนักไปที่การร่วมมือกันเล่นกับผู้เล่นคนอื่นๆ Operation Raccoon City ถูกโจมตีอย่างหนักในแทบทุกส่วนของเกมทั้งกราฟิก ข้อเสียเรื่องการออกแบบภารกิจและโหมดเนื้อเรื่องสุดย่ำแย่ แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในเกมก็คือระบบ Respawn ของผู้เล่น ในการเล่นแบบ Co-op เมื่อผู้เล่นถูกซอมบี้กัดจนตาย ผู้เล่นคนดังกล่าวจะยังไม่สามารถไปเกิดใหม่เพื่อเข้ามาเล่นได้ทันที แต่จะกลายเป็นซอมบี้ที่สามารถเข้ามาโจมตีผู้เล่นที่ยังมีชีวิตอยู่คนอื่นๆ ได้ สิ่งที่ผู้เล่นคนอื่นต้องทำก็คือการสังหารผู้เล่นที่เป็นซอมบี้ทิ้งเพื่อให้เขาไปเกิดใหม่ นับเป็นไอเดียน่าสนใจที่ปัจจุบันมีเกมซอมบี้หลายเกมนำไปปรับปรุงพัฒนาต่อยอดออกมาให้ได้สัมผัสกัน 


4. Rise and Fall: Civilizations at War

เกม RTS ชื่อไม่ดังที่หลายคนแทบจะไม่รู้จักจากปี 2006 เกมนี้มีระบบการเล่นที่แฟนเกมแนววางแผนคุ้นเคยกันอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการสร้างฐาน ขยายกองทัพ หรือระบบการแพ้ทางกันของยูนิตประเภทต่างๆ ที่มีอยู่ภายในเกม แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้แตกต่างจากเกมวางแผนอื่นๆ ก็คือสิ่งที่มีชื่อว่า Hero Mode ซึ่งทำให้ผู้เล่นสามารถเข้าไปบังคับยูนิตประเภทฮีโร่ในมุมมองบุคคลที่สาม เพื่อเข้าต่อสู้ในสนามรบได้ด้วยตนเอง ผลที่ได้คือส่วนผสมระหว่างเกม RTS และเกมแอ็กชั่นที่ทำออกมาได้น่าสนใจ คะแนนรีวิวของเกมนั้นขัดแย้งกันอย่างมากในสื่อสำนักต่างๆ มีไล่ไปตั้งแต่ 2.5 จนถึง 9 คะแนน โอ้... 


5. Walking Dead: Survival Instinct

Walking Dead: Survival Instinct จัดว่าเป็นเกมซอมบี้ที่น่าเบื่อเกมหนึ่ง ระบบอาวุธที่ไม่น่าสนใจ การออกแบบระบบลอบเร้นที่จนถึงตอนนี้ผมก็ยังสงสัยว่าเราจะต้องมาคอยย่องหลบซอมบี้หรือโยนของล่อมันไปจุดอื่นทำไม ถ้าเราสามารถวิ่งฝ่าฝูงซอมบี้ไปยังเป้าหมายได้ เพราะผ่านไปสักพักพวกมันก็ลืมและไม่สนใจ ทำให้ Survival Instinct เป็นเกมที่แย่ที่สุดเกมหนึ่ง แต่ที่ทุกคนล้วนลงความเห็นตรงกันว่าตัวเกมมีจุดเด่นตรงระบบตามหาเสบียงที่น่าสนใจ (เกมซอมบี้อื่นๆ ควรมองเป็นแบบอย่าง) โดยภายในเกมนั้นเมื่อน้ำมันหรืออาหารของคุณหมดลง ตัวเกมจะส่งให้คุณไปตามหาเสบียงมาเพิ่ม หากคุณเจอเพื่อนผู้รอดชีวิตคนใหม่นั่นก็หมายความว่าคุณต้องการเสบียงที่มากขึ้นกว่าเดิม น่าเสียดายที่ระบบนี้ดันถูกยัดอยู่ในตัวเกมหลักที่หาข้อดีอย่างอื่นไม่เจอ น่าเสียดายยิ่งนัก...


 

แชร์เรื่องนี้:
Dark_Libra
About the Author

Dark_Libra

Everything in this world comes down to the matter of ponytail

เรื่องที่คุณอาจสนใจ