IGN ได้ไปสัมภาษณ์โคจิมะที่โตเกียว ซึ่งถือเป็นการสัมภาษณ์ออกสาธารณะครั้งแรกนับแต่ออกจาก Konami มา โดยที่สตูดิโอใหม่จะมีศิลปินคู่บุญอย่างโยจิ ชินคาวะ และโปรดิวเซอร์อย่าง เคนอิจิโร่ อิมาอิซึมิ ด้วย ทั้งสองคนจะรับตำแหน่งพนักงานอาวุโสคอยดูแลด้านการออกแบบและการผลิต อย่างไรก็ตาม คุณโคจิมะปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับอดีตนายจ้าง, เกม Metal Gear Solid V: The Phantom Pain หรืออนาคตของซีรีส์ Metal Gear Solid ทั้งสิ้น
คุณโคจิมะนั้นไม่พร้อมที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการใหม่ของตัวเองมากนัก และเป็นไปได้ว่าตอนนี้อาจจะยังแทบไม่ได้ตัดสินใจอะไรแน่นอนด้วยซ้ำว่าเกมจะเป็นยังไง แต่ก็ได้มีการบอกกล่าวถึงเป้าหมายและปรัชญาในการพัฒนาโครงการดังกล่าวเอาไว้เช่นกัน
“ผมอยากจะสร้างบางอย่างที่ผู้คนคาดหวัง แต่ในขณะเดียวกันก็มีอะไรใหม่ๆ ที่ผู้คนไม่เคยพบเจอมาก่อน” คุณโคจิมะกล่าว และเน้นย้ำว่า “เกมจะเป็นเกมที่เสร็จสมบูรณ์ครับ”
โยจิ ชินคาวะก็กล่าวเสริมว่า “เราต่างก็ทำงานเพื่อพัฒนาแฟรนไชส์อันเป็นที่รักของหลายคน รวมถึงตัวละครที่โดดเด่น หนึ่งในเป้าหมายของผมก็คือไม่ว่าเราจะสร้างตัวละครอะไรขึ้นมาก็ตาม เราจะไปให้เหนือกว่านั้นจะต้องโดดเด่นให้ได้มากกว่านั้น และเป็นที่รักมากกว่านั้น นั่นเป็นหนึ่งในเป้าหมายของผมด้านงานออกแบบครับ”
สำหรับโครงการแรกนี้ โคจิมะกล่าวว่า "ผมจะเริ่มพัฒนาเกมที่มีขนาดเล็กกว่าเดิมก่อน ด้วยทีมงานที่ไม่มากนักและจะมุ่งไปที่การสร้างเกมเป็นอันดับแรก" และจากจุดนั้น โคจิมะบอกว่าทางสตูดิโออาจขยายขอบเขตของตนเองไปมากกว่าเกมก็เป็นได้
โคจิมะนั้นต้องการนำเสนอสิ่งที่แฟนๆคาดหวังซึ่งเขาคิดว่าก็คือวิดีโอเกมนั่นเอง แต่การพัฒนาเกมนั้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่ Kojima Productions ให้ความสนใจในระยะยาว
“เราเน้นด้านคอนเท้นท์แบบดิจิตอลครับ เพราะฉะนั้นเราอาจพิจารณาในการสร้างภาพยนตร์, อนิเมชั่น หรืออะไรก็ตามที” โคจิมะกล่าว “แต่ก่อนอื่นผมคิดว่าผู้คนคาดหวังเกมจากผม ผมจึงจะเน้นที่ส่วนนั้นก่อน และเมื่อเราสร้าง IP เกมใหม่ขึ้นมาแล้ว และเรามีอะไรที่เป็นรากฐานมั่นคงทำให้คนพอใจแล้ว เราก็จะพิจารณาด้านภาพยนตร์กันต่อไป”
โคจิมาเน้นย้ำอีกครั้งว่าเขายังคงสนใจที่จะร่วมงานกับคู่หูในโครงการ Silent Hills อย่างกิลเยร์โม เดลโตโร ไม่ว่าจะเป็นเกม, ภาพยนตร์, อนิเมะ หรืออะไรก็ตามแต่...
ด้วยสตูดิโอแห่งใหม่นี้ ทีมงานก็มุ่งเป้าที่จะรักษาชื่อเสียงในการสร้างเกมคุณภาพสูงเช่นเคย
“เราจะมีความคล่องตัวมากขึ้นครับ” เขากล่าว “เราจะสามารถทำอะไรที่แหลมคมสุ่มเสี่ยงได้มากกว่าเดิม, และรักษาคุณภาพอย่างที่เราเคยทำมา, ในขณะเดียวกันก็ค้นหาความท้าทายใหม่ๆและพิจารณาหนทางใหม่ๆได้ด้วย”
ชินคาวะกล่าว่าเขาจะทำหน้าที่คุมงานศิลปั้งหมดของ Kojima Productions รวมถึง “ตัวละคร, คอนเซปต์ของฉาก, คอนเซปต์เครื่องจักร” และอีกมากมาย
“สิ่งหนึ่งที่ต่างออกไปก็คือผมพร้อมรับความท้าทายและทำในสิ่งที่ทำไม่ได้มาก่อน” ชินคาวะกล่าวเสริม “ผมอยากขยายขอบเขตของตน ขยายขอบเขตสิ่งที่ตนทำได้ออกไปครับ”
โลโก้ของ Kojima Productions นั้นแตกต่างไปจากดีไซน์เก่าเป็นอย่างมาก รูปจิ้งจอกถูกแทนที่ด้วยกะโหลกที่ปกคลุมด้วยอะไรบางอย่างที่มีลักษณะเหมือนเครื่องจักร
“ผมชื่นชอบนักบินอวกาศมาตลอด และโลโก้นี้ออกแบบมาเพื่อให้มีลักษณะของอัศวินยุคกลางหรือหมวกนักบินอวกาศครับ” โคจิมะกล่าว
“คอนเซ็ปต์ก็คือ ด้วยเทคโนโลยีใหม่และจิตวิญญาณแห่งผู้บุกเบิก เราต้องการพาทุกท่านไปสู่มิติใหม่ภายในโลกดิจิตอล นั่นคือเราต้องการเดินทางไปพร้อมกับคุณสู่ดินแดนใหม่ที่ไม่มีใครเคยไปมาก่อน”
เขากล่าวต่อ “สำหรับหัวกะโหลกนั้น เพราะเราคือโฮโมเซเปียนส์ เป็นผู้ทรงปัญญา แต่เราเองก็เป็นโฮโมลูเดนส์ เป็นผู้ชื่นชอบการละเล่น และคอนเซ็ปต์เบื้องหลังโลโก้นี้ก็คือ ด้วยเทคโนโลยีใหม่และจิตวิญญาณแห่งผู้บุกเบิก เราจะส่งมอบการละเล่นให้แก่โลกใหม่”
ในตอนที่ยังอยู่กับ Konami นั้น โคจิมะและทีมงานได้สร้าง Fox Engine ขึ้นมา ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เฟรมเวิร์กที่น่าทึ่งอันสามารถสร้างกราฟิกด้วยคุณภาพสมจริงเสมือนภาพถ่ายได้ ถือเป็นงานช้างที่ต้องใช้เวลาพัฒนากันหลายปีเลยทีเดียว
สำหรับสตูดิโอใหม่นี้ Kojima Productions ยังคงปรึกษากันอยู่และวิเคราะห์ว่าจะใช้เฟรมเวิร์คตัวไหนดี
“เราอาจไปทางไหนก็ได้ครับ” โคจิมะกล่าว “ไม่ว่าจะเป็นการใช้เอ็นจิ้นที่มีอยู่แล้วหรือสร้างเอนจิ้นใหม่เลย เราคงต้องศึกษาก่อนจะตัดสินใจกันได้”
“ผมสร้างเกมในญี่ปุ่นเพื่อขายในตลาดโลกครับ” โคจิมะกล่าวเมื่อถูกถามถึงมุมมองต่อยอดขายคอนโซลที่ตกต่ำลงในญี่ปุ่น “ตราบใดที่ยังมีตลาดโลกอยู่ ผมไม่ค่อยสนใจว่าตลาดในญี่ปุ่นเกิดอะไรขึ้นเท่าไหร่นักครับ”
“อย่างไรก็ตาม เพราะผมสร้างเกมให้ทั้งโลก ผมก็อยากสร้างเกมที่สามารถขายได้ในตลาดโลก หากว่ามีเกมที่สนุกมากๆ ผมเชื่อว่าสุดท้ายเกมนั้นก็ต้องเข้ามาในญี่ปุ่นจนได้นั่นแหละครับ จากนั้นคนในญี่ปุ่นก็จะเริ่มซื้อหามาเล่นกัน”
“สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานี้ก็คือเสียงของแฟนๆครับ ผู้คนที่คาดหวังในตัวพวกเรากันอย่างมากช่วยสร้างความกล้าให้ผม” ชินคาวะกล่าว “สิ่งเหล่านั้นทำให้ผมรู้สึกดีมาก ผมรู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้ทำงานหนักและสร้างเกมรวมถึงสร้างงานศิลป์ที่ทำไป ผมต้องการตอบสนองแฟนๆ เพื่อตอบแทนพวกเขาและผมคิดว่าการได้ร่วมงานกับคุณโคจิมะอีกครั้งเป็นการตอบแทนที่ยอดเยี่ยม”
โคจิมะกล่าวเสริม “ผมอยู่ในวงการนี้มา 30 ปีแล้ว ปีนี้ผมอายุ 52 ครับ ผมกำลังจะเริ่มต้นใหม่และผมก็มั่นใจมาก ผมจะสร้างเกมไปจนกว่าจะตาย ขอให้วางใจเถอะครับว่าผมจะสร้างเกมมากขึ้น สร้างสิ่งที่สนุกขึ้น สิ่งที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน และมันจะต้องยอดเยี่ยมแน่ หากแต่ผมหวังให้แฟนๆสนับสนุนผมเพื่อการนั้นครับ”
เครดิต: http://gematsu.com/