บทความจากนิตยสาร Play ฉบับที่ 73
ในเมื่อเกมที่เราเล่นกันอยู่ทุกวันนี้นั้นมีหลายแนวหลายแขนงแตกต่างกันออกไป เกมเมอร์อย่างเราๆ เองก็มีนิสัยและพฤติกรรมการเล่นเกมที่แตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมหลายๆ แบบที่เราพบเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ก็มีทั้งแบบที่แปลกสุดๆ จนเราอดตั้งคำถามในใจไม่ได้ว่า “เฮ้ย มันมีแบบนี้ด้วยเหรอฟะ” อยู่ด้วย แต่ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นการกระทำที่แปลกแค่ไหนก็ตาม หลังจากอ่านบทความนี้จบแล้ว คงมีเกมเมอร์จำนวนไม่น้อยที่เกิดอาการกลับตัวกลับใจกะทันหัน แอบนึกกันอยู่ในใจว่า “เออ...ก็จริงว่ะ” แน่ๆ แต่จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่า
Button Smasher
เปิดตัวข้อแรกมาด้วยนิสัยที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นนิสัยประจำตัวเกมเมอร์ทุกคนเลยก็ว่าได้ Button Smashing หรือแปลง่ายๆ ก็คือ การ “รัวปุ่ม” นั่นเอง แต่การรัวปุ่มในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการรัวปุ่ม X หรือ O ในช่วง Quick Time Event นะคะ แต่หมายถึงการกดปุ่มบนแป้นจอยรัวๆ อาจจะปุ่มเดียวหรือหลายปุ่มก็ตามในขณะที่ตัวละครภายในเกมของเรากำลังต่อสู้ หรือกำลังทำอะไรบางอย่างที่ต้องใช้พลังมากๆ อยู่ ตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่น การกระแทกปุ่มออกคำสั่งรัวๆ เวลาตัวละครของเรากำลังเข้าฉากโจมตีในเกมประเภทเทิร์นเบส หรือเวลาที่พระเอกของเรากำลังใช้ท่าไม้ตายอยู่ โดยมีความเชื่อที่ออกจะพิลึกๆ หน่อยว่า ถ้าเรากดปุ่มดังกล่าวได้ไวพอละก็ จะทำให้ตัวละครของเราโจมตีติด Critical ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
ฟังดูอาจจะไร้สาระนะคะ...แต่เชื่อเถอะว่าท่านผู้อ่านทั้งหลายคงจะเคยทำกันมาแล้วโดยไม่รู้ตัวแน่ๆ บางรายอาจจะสาหัสจนถึงขั้นปุ่มหลุด หรือมีการกระเด็นหลุดออกจากตัวคอนโทรลเลอร์เลยด้วยซ้ำ
หากถามว่าแล้วมันจริงรึเปล่า ที่ถ้าเรารัวปุ่มบางปุ่มมากๆ เข้าแล้วจะทำให้ตัวละครของเราเก่งขึ้น หรือทำให้ได้ไอเทมลับหรือท่าพิเศษอะไรมาเพิ่ม คงต้องขอตอบว่า...มันยังคงเป็นเรื่องลี้ลับที่ยังคงไม่มีใครพิสูจน์ได้มาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ แต่เหตุผลที่ทำให้ชาวเกมเมอร์ทั้งหลายยังคงติดนิสัยรัวปุ่มกันกันอยู่ แม้จะไม่รู้ว่าจะกดกันไปทำไมก็ตามนั้น ก็เพราะว่าความเชื่อเหล่านี้เป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ยุครุงเรื่องของเครื่องเล่นตระกูล Game Boy หรือสมัยเครื่อง PS1 ครองโลกนั่นเอง หากใครที่เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้วคงจำกันได้ดีว่า ในยุคสมัยนั้นคำว่าอินเตอร์เน็ตยังคงเป็นเพียงของวิเศษที่มีอยู่แต่ในการ์ตูนเท่านั้น การหาสูตรลับหรือวิธีการผ่านด่านต่างๆ ภายในเกมก็ไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากอย่างสมัยนี้เลยสักนิด สิ่งที่ชาวเกมเมอร์รุ่นเดอะทั้งหลายพอจะทำได้ก็มีเพียงแค่การแบ่งปันวิธีผ่านด่านหรือสูตรลับต่างๆ แบบปากต่อปากเท่านั้น และไอ้การบอกเล่าแบบปากต่อปากนี่เอง ที่หลายๆ ครั้งมันก็มีทั้งเรื่องจริงและไม่จริงปะปนกันไป เช่น เรื่องที่ว่าหากกดปุ่มคำสั่งให้ถูกต้องจะทำให้ตัวละครเป็นอมตะบ้าง หรือถ้าหากกระโดดลงตรงนี้จะทำให้เราสามารถเปิดดันเจี้ยนลับได้บ้างก็ตาม ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในตอนนั้นเองค่ะ แถมไม่ได้มีเพียงแค่การรัวปุ่มเท่านั้นซะด้วย สูตรลับต่างๆ ในยุคดังกล่าวนั้นมีเยอะจนถึงขั้นที่มีสำนักพิมพ์หัวหมอหลายๆ เจ้านำไปรวบรวมออกขายเป็นหนังสือรวมสูตรลับเลยทีเดียว
Reloader
สำหรับข้อที่สองนี้อาจจะเป็นนิสัยประจำตัวนักเล่นเกมสาย FPS ซะมากกว่า เพราะชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นนิสัยที่เกี่ยวข้องกับการรีโหลดหรือเติมกระสุนนั่นเอง หลายๆ คนอาจจะเริ่มคิดแล้วว่า อ้าว แล้วมันจะแปลกยังไง เล่นเกมยิงปืนก็ต้องมีการเติมกระสุนเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ช้าก่อน...หากการเติมกระสุนในที่นี้เป็นการเติมกระสุนแบบธรรมดาแล้วละก็ มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เชื่อว่าท่านผู้อ่านทั้งหลายน่าจะต้องเคยพบเจอกับผู้เล่นที่ชอบกดปุ่ม Reload บ่อยจนเกินควรแน่นอน ชนิดที่ว่ายิงไปได้ไม่กี่นัด พี่ท่านก็จะต้องหลบเข้าที่กำบังแล้วกดปุ่มรีโหลดกันจนมือเป็นระวิงแล้ว บางคนที่อาการหนักหน่อยก็อาจจะถึงขั้นยิงนัดหนึ่งเติมกระสุนทีหนึ่งเลยทีเดียว อาจจะเพราะด้วยอาการตื่นเต้นขณะเล่น หรือเพราะกลัวกระสุนหมดกลางคันแล้วจะโดนศัตรูยิงแสกหน้าเอาก็ไม่อาจทราบได้
แต่ก็น่าคิดนะคะว่าอันที่จริงแล้ว เหล่าทหารหาญที่เราเล่นกันอยู่นั้น แต่ละคนพกกระสุนสำรองติดตัวกันคนละกี่แม็กกันน้อ...พี่ท่านถึงได้เติมเอาเติมเอาไม่มีวันหมดได้แบบนี้
Jumper
มาถึงข้อที่แฟนๆ เกมแนวผจญภัย หรือแอ็กชั่น RPG จะต้องร้องอ๋อกันบ้าง เนื่องจากนิสัยในข้อนี้เป็นนิสัยแปลกๆ ที่จะพบได้บ่อยที่สุดในเกมประเภทนี้ค่ะ
หากใครที่เล่นเกมแนวๆ God of War บ่อยๆ คงจะต้องรู้สึกกันแน่ๆ ว่าบางทีเฮียเหม่งของเราก็วิ่งช้าไปหรือเปล่าหว่า หรือถ้าหากเป็นสายแอ็กชั่น RPG บางคนที่ต้องพบเจอกับฉากโอเพ่นเวิลด์กว้างๆ ชนิดที่อาจต้องงมหาของกันในแมพเป็นวันๆ ยิ่งวิ่งก็ยิ่งรู้สึกว่ามันช้าเหลือเกิน แถมดันไม่มีพาหนะให้ขี่ซะด้วยสิ สิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้ในตอนนั้นก็คือ “การเล่นท่ายาก” ค่ะ ซึ่งท่ายากในที่นี้ก็เหมารวมตั้งแต่การกระโดด กลิ้ง สไลด์ หรือการพุ่งไปทางใดทางหนึ่งด้วย ยกตัวอย่างเช่น เกม God of War ที่ผู้เล่นทั้งหลายมักจะชอบบังคับให้พี่เหม่งของเรากลิ้งไปด้านหน้าแทนการเดินธรรมดาซะส่วนใหญ่ หรือไม่ก็กระโดดไปเรื่อยๆ แทน ทั้งๆ ที่พื้นข้างหน้าไม่ได้เป็นเนินสูงหรือพื้นที่ต่างระดับเลยสักนิด
หากถามว่าแล้วเราทำแบบนั้นไปทำไม? คำตอบง่ายๆ ที่เหล่าเกมเมอร์จะตอบเป็นเสียงเดียวกันเลยก็คือ “ก็แบบนี้มันเร็วกว่าอ่ะ” ทั้งที่อันที่จริงแล้วการกระโดดหรือสไลด์ตัวดังกล่าวก็ไม่ได้ทำให้ความเร็วการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย แต่อาจจะเป็นเพราะท่าทางการเคลื่อนไหวของตัวละครที่ทำให้เรารู้สึกว่ามัน “เร็ว” กว่าการเดินปกตินั่นเอง ยิ่งเกมไหนที่กระโดดได้หลายๆ ต่อแล้วละก็ วันๆ ไม่ต้องเดินกันแล้วล่ะ โดดมันทั้งเกม...
Item Collector
หากว่ากันด้วยเรื่องของเกมแล้ว หลายๆ เกมตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์จนถึงเกมใหม่ๆ ที่เพิ่งคลอดเมื่อไม่นานมานี้ ต่างก็ต้องมีช่องเก็บของและระบบสะสมไอเทมไว้ให้เหล่าผู้เล่นทั้งหลายได้ออกเดินทางสำรวจฉากหรือพื้นที่ต่างๆ และนำไอเทมที่พบมาใช้ต่อกรกับเหล่าศัตรูตัวร้ายอย่างแน่นอน ซึ่งปัญหาหรือพฤติกรรมในข้อนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากเหล่าเกมเมอร์ทั้งหลายหมั่นกดใช้ไอเทมที่ได้มาอยู่บ่อยๆ มียาก็ดื่ม มีปืนก็ใช้ มีวัตถุดิบก็ผสม มีช่องเก็บของว่างก็บริหารกันไป...
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังมีผู้เล่นบางจำพวกที่ชอบ “ดอง” ไอเทมเก็บเอาไว้กับตัวประจำ ไม่ว่าจะเก็บไอเทมชนิดใดได้ เกมเมอร์ประเภทนี้ก็มักจะเก็บไอเทมต่างๆ เอาไว้ในช่องเก็บของก่อนเสมอ โดยเฉพาะหากเจอไอเทมแรร์ เช่น ดาบสเตตัสโหดๆ ปืนเทพๆ อย่าง Rocket Launcher หรือแม้แต่ยาเสริมพลังดีๆ สักขวดสองขวดแล้วละก็...ไม่เจอบอสก็อย่าหวังว่าตูจะใช้เลย ซึ่งแน่นอนว่า...ปัญหาที่มักจะตามมาทีหลังเสมอก็คือ ช่องเก็บของเต็มนั่นเอง
Perfectionist
ข้อนี้เป็นนิสัยสำหรับเหล่าเกมเมอร์ที่นิยมความสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ความสมบูรณ์แบบในที่นี้หมายถึง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โลกจะถล่มแผ่นดินจะทลาย ตูข้าก็ต้องขอจบเกมให้ได้แบบครบถ้วนทุกสิ่งอย่างให้มากที่สุด ชนิดที่ว่ามีโทรฟี่กี่ถ้วยก็ต้องคว้ามาให้หมด มี NPC กี่คนในเกมก็ต้องคุยให้ทั่ว มีหีบกี่ใบก็ต้องเปิดให้หมด ยิ่งถ้าเป็นเกมแนวตะลุยด่านแล้วละก็ หากลองได้พลาดอะไรไปแม้แต่อย่างเดียว พี่แกได้กด Replay ตะลุยด่านนั้นใหม่ทั้งด่านกันเลยทีเดียว
เกมแนวไฟท์ติ้งหรือแอ็กชั่นก็มิใช่ข้อยกเว้นแต่อย่างใดค่ะ เคยไหมที่เวลาเรากำลังปะฉะดะกับบอสสุดแกร่งสักตัวอยู่ แล้วเมื่อพบว่าบอสดังกล่าวเหลือ HP อยู่เพียงแค่น้อยนิด แค่ตบหน้าเบาๆ ทีเดียวก็ลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว แต่เราก็ยังเลือกที่จะใช้ท่าไม้ตายสยบบอสที่ว่าด้วยพลังทั้งหมดที่พอจะเหลืออยู่ ทั้งๆ ที่มันไม่ได้จำเป็นเลยแม้แต่น้อย บางคนถึงกับเก็บเกจพลังทั้งหมดเอาไว้เพื่อปิดฉากบอสในตอนจบเลยก็มี มาคิดดูทีหลังมันก็แปลกเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ ว่ามั้ย?
สำหรับชาวเกมเมอร์ทีมีเลือดเข้มข้นอย่างพวกเรานั้น อาจจะมองนิสัยเหล่านี้เป็นเรื่องปกติไปแล้วก็เป็นได้ เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นเกมเมอร์สายบู๊ล้างผลาญ สายควงจอยแทนปืนในเกม FPS หรือแม้แต่สายเสพเนื้อเรื่องภายในเกม RPG ก็ตาม ย่อมต้องเคยพบเจออาการข้างต้นกันมาแล้วไม่มากก็น้อยแน่ๆ แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นเรื่องแย่นะคะ อาการเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งที่บ่งชี้ว่าเรากำลังสนุกสนานและอินจัดไปกับเกมสุดรักของเราอยู่นั่นเอง และเมื่อวันเวลาผ่านพ้นไป สิ่งเหล่านี้ก็จะกลายเป็นเรื่องเล่าสนุกปากที่เราสามารถนำไปโม้กับเพื่อนๆ ได้อย่างเมามันอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว...จงหยิบคอนโทรลเลอร์ของคุณขึ้นมา แล้วรัวปุ่มให้พังกันไปข้างเลยดีกว่า