บทความจาก Online Station Magazine
สวัสดีเพื่อนๆ ชาว Online Station และ Caster ทุกคนครับ กลับมาพบกับผมนาย Chamokung อีกเช่นเคย กับสารพันเรื่องราวบนโลกนี้ที่เกี่ยวข้องกับ Caster และคนทำ Content ลงบน YouTube ครับ สำหรับหัวข้อที่ผมจะขอพูดถึงในวันนี้ก็คือ การกระทำ 3 อย่างที่ไม่ควรกระทำเลยเมื่อทำผลงานลง YouTube มาดูกันดีกว่าว่าเรากำลังทำแบบนี้อยู่หรือไม่
1. แอบอ้างผลงานของคนอื่น
ทุกวันนี้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์นั้นยังเป็นอะไรที่เรียกได้ว่ากัดกินสังคมไทยพอสมควร และ YouTuber หลายต่อหลายคนก็กำลังเผชิญกับมันอยู่ บางคนนั้นใช้ทั้งความคิด กำลังทรัพย์ และพลังสมองมากมายเพื่อทำผลงานออกมาหนึ่งชิ้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้โดดเด่นหรือดีอะไรมากมาย แต่มันก็เป็นสิ่งที่คนทำผลงานภูมิใจ และคงไม่มีใครอยากให้ผลงานของตัวเอง ถูกดูดออกไปลงในช่องทางของผู้อื่น และที่แย่กว่านั้น ผู้ที่ทำการขโมยผลงานของเราไปลง ยังได้รับประโยชน์จากผลงานของเราทางใดทางหนึ่งอีกด้วย
หลายครั้งหลายคราเราอาจจะเห็น VDO บางอันบน YouTube ที่มียอดวิวเยอะมาก บ้างทะลุหลักล้าน แต่เหมือนว่าผลงานอื่นของช่องนั้นอาจจะแลดูตรงกันข้ามสิ้นดีกับผลงานยอดนิยมนั้น นั่นก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการนำ VDO นั้นมาจากที่อื่นแล้ว Upload ขึ้นในช่องของตัวเอง ซึ่งต้องขอบอกเลยว่า การขโมยผลงานของคนอื่นมาเป็นของตัวเองแบบนี้ อาจจะได้ยอดคนดูที่พุ่งสูง ไม่เหนื่อย แต่มีสิทธิ์ที่จะโดนเจ้าของผลงานนั้นรายงานการละเมิดลิขสิทธิ์มา และทำให้ช่องของเราติดสถานะสีแดง และมีสิทธิ์ทำให้ช่องโดนแบนได้ ถ้าใครยังใช้วิธีแบบนี้ก็ขอให้เลิกได้แล้วนะครับ
นายอาร์ม กับประเด็นเพจดังที่ชอบเอาผลงานคนอื่นไปลง
2. ขายของแบบ Hard Sale
ผมเชื่อว่าแคสเตอร์หลายคนที่ปัจจุบันนั้นมียอดผู้ติดตามเกินแสนหรือหลายแสน ก็มักจะเนื้อหอมขึ้นมาเป็นธรรมดา และนั่นทำให้มีสปอนเซอร์เข้ามาติดต่อขอให้ช่วยทำคลิปเกม โฆษณาสิ้นหรือช่วยโปรโมทงาน Event ต่างๆ ซึ่งตรงนี้ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่า การที่คุณสามารถขึ้นมาอยู่ในจุดนี้ได้ถือเป็นสิ่งที่ดี น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง แต่ในปัจจุบัน กับช่องดังๆ บางช่อง เราอาจจะได้เห็นตัวอย่างการขายของแบบ Hard Sale คือเป็นการขายของชนิดที่ว่าอวยกันอย่างเต็มที่โดยไม่สนความเป็นจริง ...สินค้าตัวนี้นะคะมันเทพซ่ามากเลยค่ะ เจ๋งสุดๆ สามารถรักษาได้หลายโรค ช่วยเสริมความงามได้ราวกับยาวิเศษเลนทีเดียวค่ะ... ซึ่งการขายของแบบ Hard Sale นี้ จะเป็นการ “ทำลาย” ช่องตัวเองทางอ้อมอย่างช้าๆ เพราะคนดูมักจะเกิดความคลางแคลงภายในจิตใจขึ้นมา และรู้สึกว่าช่องหรือตัวบุคคลที่เราชื่นชอบนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ทุกคนนั้นกินข้าวครับ ในบางครั้งก็จำเป็นที่จะต้องหารายได้เข้ามาเสริมบ้าง เพราะถ้าพูดกันตามตรง ในประเทศไทย รายได้จาก YouTube นั้นยังเรียกว่าเป็นอาชีพไม่ได้เต็มปากนัก เพราะประชากรส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึง และยังไม่มีผู้ที่ลงโฆษณากับทาง YouTube มากพอเหมือนต่างประเทศ ดังนั้นในบางครั้งแคสเตอร์หลายคนก็มักจะรับ Job เสริมบ้าง อย่างเช่น มาช่วยโปรโมทสินค้าต่างๆ ให้กับผู้ที่ว่าจ้างมา แต่ทุกวันนี้ผมขอชมจริงๆ ว่ายังไม่เคยเห็นแคสเตอร์คนไหนที่รับสินค้าของผู้ว่าจ้างมาทำการโปรโมทเกินจริงเลยแม้แต่คนเดียว ทุกอย่างมันมีจุดกึ่งกลาง สามารถปรับเปลี่ยนยืดหยุ่นได้ ไม่จำเป็นต้องอวยจนน่าเกลียดและเกินความพอดี
ครีมบางยี่ห้อ ก็โฆษณาเกินจริง!!
3. เน้นทำแต่ Intro
ต้องยอมรับครับว่า Intro รายการของแคสเตอร์เรานั้นเท่ เจ๋ง และแจ่มไม่แพ้ใคร ถ้าพูดกันตรงๆ ผมแทบไม่เห็นรายการบน YouTube ช่องอื่นนั้นมี Intro ที่เท่เท่าแคสเตอร์เลยด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าช่องเหล่านั้นจะเป็นช่องดังๆ ที่มีผู้ติดตามหลายแสนก็ตาม ในจุดนี้ต้องขอชมเชยจริงๆ ครับที่พวกเราชาวแคสเตอร์นั้นสามารถรังสรรค์ผลงานออกมาได้ดีขนาดนี้ และมันเป็นสิ่งที่ชี้ข้อแตกต่างระหว่างรายการบน YouTube และโทรทัศน์ปกติ และทำให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ก็มีความสามารถไม่แพ้ผู้ที่ผลิตรายการบนสื่อหลักเลย และหลายต่อหลายช่องก็มี Intro ที่ดีกว่าหลายขุมด้วยซ้ำ
Intro ที่ ออย LBK เคยใช้ โคตรจะเท่ อันนี้ชอบเป็นการส่วนตัว
และด้วยการที่ Intro นั้นสามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่มาเปิดคลิปดูได้ เปรียบเสมือนกับปกหนังสือ ใบปิดภาพยนตร์ หรือรูป Cover ของเกม ถ้ายิ่งดูน่าสนใจ แลดูตื่นตา ก็สามารถทำให้คนดูอยากรู้อยากเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในได้เป็นอย่างดี แต่ทว่า ถ้าเนื้อหาภายในนั้นกลับไม่มีคุณภาพที่ดีพอ ก็จะกลายเป็นอารมณ์ประมานว่า “ไม่ตรงปก” ขึ้นมาเสียอย่างนั้น ยิ่งถ้า Intro ดูดีมากเท่าไหร่ แต่เนื้อหาภายในกลับแย่และไม่ดีเท่าที่ควร ก็ยิ่งทำให้คนดูเกิดความผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งช่วงนี้ที่กระแสแคสเตอร์กำลังมาแรง เด็กน้อยหลายคนก็มักจะใจจดใจจ่ออยู่กับการทำ Intro หลายต่อหลายช่องที่เข้ามาสมัครสมาชิกทาง caster.os.co.th นั้นผมเข้าไปดูภายในช่องก็มีแต่ Intro แถมบางช่องนั้นมีหลาย Version ด้วย แต่กลับไม่มีผลงานการแคสเกมเลยแม้แต่คลิปเดียว ซึ่งผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่เลย เชื่อผมเถอะครับว่า เนื้อหาภายใน สำคัญกว่า Intro หลายเท่า
ผลงาน Go Inter ของ Online Station ก็ไม่จำเป็นต้องมี Intro!!
ตัวอย่างแย่ๆ ในทุกวันนี้มีให้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าความดังจะมีมากแค่ไหน ผู้ติดตามจะมีมากเท่าใด ก็สามารถเกิดอาการสั่นคลอนจนถึงขั้นล้มได้ ทำอะไรควรคิดให้ดี หลีกเลี่ยงวิธีการที่ไม่ควร รับรองว่าอนาคตสดใสไฉไลแน่นอนครับ สู้ต่อไปแคสเตอร์ชาวไทย