ตอนนี้เพื่อนๆ ก็น่าจะพอรู้จักเบื้องต้นของเกม DC Universe Online กันไปบ้างแล้ว แต่วันนี้ที่อยากพูดถึงกันอีกหน่อยก่อนที่เพื่อนๆ จะได้สัมผัสกันในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ก็คือเรื่องของระบบ Journal และระบบ On Duty ครับ ซึ่งระบบพวกนี้ของเกม DC Universe Online จะค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนมากกว่าเกมอื่นอยู่บ้างในบางจุด เอาเป็นว่าเราลองไปทำความรู้จักเจ้า 2 ระบบนี้กันดีกว่าจ้า
ระบบ Journal
สำหรับระบบเควสต์ภายในเกม DC Universe Online ก็จะถูกเรียกว่า Journal เป็นระบบเควสที่ก็คล้ายกับเกมทั่วไปอยู่ ซึ่ง Journal ต่างๆ เราสามารถรับได้จาก NPC ที่มีเครื่องหมาย ! อยู่บนหัว โดย Journal ก็จะมีหลายรูปแบบให้ทำ ทั้งการต่อสู้บนแผนที่ปกติ , การลงดันเจี้ยนต่างๆ รวมไปถึงการล่าบอสบนแผนที่ ซึ่งรางวัลค่าตอบแทนของแต่ละ Journal ก็จะมีให้มากน้อยไม่เท่ากัน แต่ก็ถือว่าเป็นระบบหลักที่จะช่วยให้ตัวละครเราถึงเลเวล 30 ได้ง่ายๆ เลย นอกจากนี้แล้วในส่วน Journal ของฮีโร่และวายร้ายก็จะมีให้ทำไม่เหมือนกันด้วย ซึ่งบางทีก็อาจจะต้องมาตี NPC คนละฝ่ายในแผนที่จุดเดียวกัน จนต้องปะทะกันก็มีครับ
ระบบ On Duty
สำหรับระบบ On Duty ถ้าให้เทียบง่ายๆ ก็คงจะเป็นระบบการลงดันเจี้ยนนั่นเองครับ โดยสามารถเปิดระบบ On Duty ขึ้นมาได้ด้วยการกดปุ่ม Y ก็จะมี On Duty ประเภทต่างๆ ออกมาให้ได้เลือกกัน การจะ On Duty แต่ละประเภทนั้น ก็ต้องเลือกดันเจี้ยนที่ต้องการก่อน แล้วก็กดเข้าคิวได้เลย ซึ่งระบบจะจัดคิวจับคู่จับทีมให้แบบสุ่มนั่นเอง จะขอแบ่งส่วนอธิบาย On Duty เป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ดังนี้
1.Event เป็นการลงสถานที่ที่ตามอีเว้นท์กิจกรรมต่างๆ ตามเวลาที่ทางผู้ให้บริการได้กำหนดไว้ มีรูปแบบไม่ตายตัวขึ้นอยู่กับประเภท
2.On Duty (ขอเรียกการลงดันเจี้ยนว่า On Duty ก็แล้วกันครับ) เป็นการลงดันเจี้ยนที่จะถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 รูปแบบ โดยแต่ละรูปแบบก็จะมีการแบ่งระดับความยากไว้ให้ โดยจะใช้คำเรียกว่า Tier ยิ่ง Tier มากๆ ก็จะมีความยากมากขึ้น โดยการจะเข้าไปในแต่ละ Tier ได้นั้น จำเป็นจะต้องมีค่า Combat Rating ให้ถึงตามที่กำหนดเสียก่อนถึงจะเข้าได้ อย่างเช่น Tier 2 ถ้า Combat Rating ไม่ถึง 43 หน่วยก็ไม่สามารถเข้าดันเจี้ยน Tier 2 ได้เลย (Combat Rating จะขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่สวมใส่) ที่สำคัญเลยก็คือ ถ้าอยู่คนละฝ่ายกัน ถึงจะเป็นดันเจี้ยนเดียวกัน แต่เงื่อนไขและฉากภายในก็ไม่เหมือนกันครับ (NPC ที่ช่วยเหลือด้านในก็จะไม่เหมือนกัน) ซึ่ง On Duty ทั้ง 4 รูปแบบมีดังนี้
- 1 ผู้เล่น หรือ Solo เป็นการลงดันเจี้ยนคนเดียว เรียกว่าใช้ความสามารถของตัวเองคนเดียวล้วนๆ ในการผ่านด่านต่างๆ
- 2 ผู้เล่น หรือ Duo เป็นการลงดันเจี้ยน 2 คน อาจจะต้องมีคู่หูที่ไว้ใจได้ เพื่อช่วยเหลือกันผ่านด่านต่างๆ ซึ่งจะยากกว่า solo พอสมสควร
- 4 ผู้เล่น หรือ Alert เป็นการลงดันเจี้ยน 4 คน ในรูปแบบนี้ดันเจี้ยนจะมีความยากเพิ่มขึ้น และจะต้องเริ่มมีการเลือก Role ที่จะลงกันแล้ว อย่างเช่นต้องมี Tank 1 ตัว Healer 1 ตัว Control 1 ตัว DPS 1 ตัว เป็นต้น สำหรับ Alert นั้นก็จะมีแบบ Alert ทั่วไป ที่จะสามารถลงได้ตั้งแต่เลเวลยังไม่ถึง 30 ด้วยครับ (มี 5 ด่าน)
- 8 ผู้เล่น หรือ Raid เป็นการลงดันเจี้ยน 8 คน เรียกว่าเป็นรูปแบบที่ยากที่สุด ใช้ความสามัคคีและการรู้หน้าที่ของตัวเองแบบสุดๆ เรียกว่าใครพลาดซักคนสองคนนี่มีนอนยกตี้แน่ๆ แต่ก็แลกมาด้วยรางวัลอันคุ้มค่า
3. PvP เป็นการลงสนามต่อสู้ ห้ำหั่นกันเอง มีให้เลือกตั้งแต่แบบ 1v1 2v2 4v4 5v5 และ 8v8 ซึ่งเราสามารถเข้าร่วมเป็นปาร์ตี้ได้เช่นกัน โดยแต่ละแผนที่นั้นนอกจากจำนวนคนจะไม่เท่ากันแล้ว เงื่อนไขในการชนะของบางแผนที่แต่ละฝ่ายก็ไม่เหมือนกันซักเท่าไหร่อีกด้วย โดย PvP จะแบ่งออกเป้น 2 แบบ ดังนี้
- Arena PvP เป็นการต่อสู้ที่ใช้ตัวละครของเราเองเข้าร่วมต่อสู้ตามเงื่อนไขของด่านนั้นๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
- Legendary PvP เป็นการต่อสู้ที่พิเศษนิดหน่อย เพราะว่า PvP แบบนี้จะไม่ได้ใช้ตัวละครของเราในการต่อสู้ แต่เราจะไปใช้ตัวละครต่างๆ จากโลกของ DC เข้าไปเล่นแทน อย่างเช่น Batman , Joker , Superman , Green Lantern เป็นต้น ซึ่งตัวละครเหล่านี้ก็ต้องทำการปลดล็อคเสียก่อนถึงจะเลือกได้ แถมเวลาเล่นก็จะได้ใช้สกิลของเหล่าตัวละครพวกนั้นทั้งหมดเลยอีกด้วย ! งานนี้ได้เป็นฮีโร่หรือวายร้ายในดวงใจสมใจอยากแน่นอน
เห็นแบบนี้แล้ว ขอบอกว่า On Duty ตอนนี้นี่มีอัพเดตถึง Tier 6 กันแล้ว เรียกว่ายากมหาโหดหินกันเลยทีเดียว เพื่อนๆ ที่คิดว่าพอเลเวลตันแล้วจะไม่มีอะไรเล่น ไม่ต้องกลัวครับ DC Universe Online มีอะไรให้ทำอีกเพียบเลยทีเดียว อย่างที่ว่ากันว่าเกมฝั่งตะวันตกมักจะเริ่มเมื่อเลเวลของเราตันแล้วนั่นเองจ้า แล้วเจอกันในช่วง CBT 26 มิถุนายนนี้ !