Cardfight!! Vanguard การ์ดเกมมาแรงของเด็กไทยสมัยนี้

แชร์เรื่องนี้:
Cardfight!! Vanguard การ์ดเกมมาแรงของเด็กไทยสมัยนี้

 

Cardfight!! Vanguard เป็นเทรดดิ้งการ์ดเกมจากทางบริษัท Bushiroad ของญี่ปุ่นซึ่งบริษัทที่มีการ์ดเกมมากมายหลายชนิด ซึ่งปัจจุบันตอนนี้การ์ดตัวนี้ได้ถูกซื้อลิขสิทธิ์แลถูกจำหน่ายมาเป็นภาษาไทยเรียบร้อยแล้วโดยบริษัท Kitz & Kidz โดยสามารถหาซื้อเล่นได้ตาม 7-11 และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วไป ซึ่งการ์ดเกมนี้จะเป็นการต่อสู้ของเหล่าบรรดาตัวละครที่อยู่บนดาวที่เรียกว่า "ดาวเครย์" ซึ่งแต่ละตัวละครจะสังกัดกลุ่มของตัวเองที่เรียกว่า "แคลน" แล้วใช้สกิลของตัวเองเข้าต่อสู้กัน ประมาณว่ากิลด์ใครกิลด์มันนั่นแหละ

วิธีเล่นของการ์ดตัวนี้ก็ไม่ยากเท่าไหร่นัก ถ้าหากเคยดูอนิเมที่ฉายทางช่อง 9 มาก่อน หรือไม่เคยดูก็เริ่มเล่นง่ายได้ไม่แพ้กัน โดยเริ่มจากการจัดเด็คของคุณที่มีจำนวน 50 ใบ โดยสามารถใส่การ์ดแต่ละแบบได้ซ้ำกันไม่เกิน 4 ใบ แล้วใส่การ์ดที่เรียกว่าทริกเกอร์ 16 ใบ ซึ่งก็มีกล่องพร้อมเล่นวางขาย แบบว่าซื้อมาก็เล่นได้เลย

วิธีตัดสินแพ้-ชนะ
มี 2 วิธีคือ ใครที่เป็นฝ่ายได้รับครบ 6 damage หรือเด็คหมดก็จะแพ้

รูปแบบของturn
1. Stand phase – เปลี่ยนการ์ดที่อยู่ในสภาพ rest(หันข้าง) ขึ้นมา stand(หันขึ้น)

2. Draw phase – ผู้เล่นจั่วการ์ดจากเด็คแล้วนำขึ้นมือ 1 ใบ

3. Ride phase – ประกาศ ride เป็นการเพิ่ม vanguard ของเราให้มี grade สูงขึ้น 1 ระดับ โดยการนำunitที่มีระดับสูงกว่าเดิมบนมือลงมาวางทับ สามารถ rideด้วย unit ที่มี gradeเท่าเดิมก็ได้ ใน 1 turn จะสามารถ ride ได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น

4. Main phase – ใน phase นี้สามารถทำได้ 3 อย่างและทั้ง 3 อย่างสามารถทำกี่ครั้งก็ได้
4.1 call rear card – เป็นการเรียก unit จากมือลงมายัง rear card circle โดย unit นั้นต้องมี grade ไม่เกิน grade ของ vanguard เรา ซึ่งสามารถลงทับได้โดยการเอาการ์ดที่เคยมีอยู่เดิมลง drop zone แล้วนำ unit ใบใหม่ลงมาแทน
4.2 สลับตำแหน่ง rear การ์ด – สามารถสลับตำแหน่งของ rear การ์ดในช่องด้านหน้าและหลังได้ แต่ไม่สามารถสลับในช่องซ้ายขวาและช่องด้านหลัง vanguard ได้
4.3 เลือกใช้ความสามารถของ unit - สามารถสั่งใช้ความสามารถประเภท active ของ unit ที่มีอยู่บนสนามได้

5. Battle phase – เป็น phase สำหรับสั่งโจมตี
5.1 ประกาศโจมตีโดยการเปลี่ยน unit ด้านหน้าของเราที่ต้องการสั่งโจมตี เป็นสภาพ rest(หันข้าง) แล้วเลือกเป้าหมายไปที่การ์ดด้านหน้าของฝ่ายตรงข้าม
5.2 ในช่วงนี้ผู้เล่นจะสามารถใช้ unit ที่มีความสามารถ boost ได้
5.3 ผู้เล่นฝ่ายรับเลือก call guardian
5.4 ถ้า unit ที่ประกาศโจมตีเป็น vanguard ก็จะทำการ drive check โดยการเอาใบบนสุดของเด็คไปตรวจสอบยังtrigger zone เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วจึงนำขึ้นมือ
5.5 เมื่อ unit ของเรามีพลังมากกว่าหรือเท่ากับฝ่ายตั้งรับ ก็จะถือว่าเป็น hit แต่ถ้าพลังของฝ่ายตั้งรับสูงกว่าก็จะไม่มีผลอะไร
5.5.1 กรณีที่unit ที่ถูก hit เป็น rearการ์ด การ์ดใบนั้นจะถือว่าถูกทำลายและถูกส่งลงสู่ drop zone
5.5.2 กรณีที่unit ที่ถูก hit เป็น vanguard ผู้เล่นนั้นจะได้รับ damage เท่ากับค่า critical ของฝ่ายโจมตี จากนั้นให้ผู้เล่นที่โดน damage แสดงการ์ดใบบนสุดของเด็คตนตามลำดับเท่ากับdamageที่ได้รับ เพื่อตรวจสอบ trigger จากนั้นจึงส่งการ์ดใบนั้นลง damage zone ซึ่งหาก damage zone นี้มีการ์ดครบ 6 ใบก็จะแพ้เกม

6. เมื่อการโจมตีจบลง guardian ที่ใช้จะถูกทำลายและส่งลงdrop zone หากยังมี unit ที่สามารถสั่งโจมตีได้อยู่ก็จะกลับไปยังส่วน 5.1 อีกครั้ง

7. End phase - ประกาศจบ turn แล้วเปลี่ยนเข้าสู่ stand phase ของฝ่ายตรงข้าม

สิ่งที่ควรทราบในการเล่น
สภาพการ์ด

Boost
เมื่อ unit ของเราสั่งโจมตี แล้ว unit ที่อยู่ด้านหลังนั้นมี boost ไอค่อน สามารถ rest เพื่อเพิ่มพลังให้ unit ด้านหน้าการ์ดใบนี้ได้ เช่น unit ด้านหน้ามีพลัง 10000 แล้วด้านหลังมีพลัง 8000 เมื่อสั่งโจมตีผู้เล่นสามารถ rest unit ด้านหลังเพื่อเพิ่มพลังโจมตีให้ได้ ซึ่งพลังก็จะนำมารวมกันเป็น 10000+8000=18000 ซึ่งการสั่ง boost นี้จะสามารถเพิ่มได้แต่ unit ที่อยู่ด้านหน้าตัวที่ใช้ boost เท่านั้น ไม่สามารถข้ามช่องได้ และความสามารถนี้ก็มีแต่ใน unit grade 0-1เท่านั้น

 

Guardian

การเรียก guardian ออกมาจะสามารถทำได้ตอนที่ unit ของเราถูกโจมตีเท่านั้น โดยการเอา unit บนมือเราลงสู่ guardian zone ซึ่งเราจะเรียกกี่ใบก็ได้แต่ grade ของ guardian ที่เรียกต้องไม่เกิน grade ของ vanguard เรา การป้องกันนี้จะนำพลังของ shield ที่อยู่ด้านข้างของการ์ดที่นำมาเป็น guardian มารวมกับพลังของ unit ที่เป็นเป้าหมายการโจมตี เช่น เรียก guardian 2 ใบที่พลังป้องกัน 5000 และ 10000 ออกมา เมื่อรวมกับพลัง 8000 ของ unit ที่ถูกโจมตีแล้วก็จะเป็นพลัง 23000 ซึ่งถ้าพลังตั้งรับนี้สูงกว่าพลังของอีกฝ่านที่โจมตีเข้ามาก็จะถือว่าป้องกันได้และไม่เกิดการ hit

Drive-damage check

 


ทั้ง 2 แบบจะต่างกันเล็กน้อย drive check จะทำต่อเมื่อ vanguard ของใครก็ตามสั่งโจมตี ก็จะนำบนสุดของเด็คไปตรวจสอบยัง trigger zone ตรวจสอบเสร็จแล้วจึงนำขึ้นมือ ส่วน damage check จะทำเมื่อ vanguard ของใครก็ตามถูก hit โดยการเอาใบบนสุดของเด็คแสดง เพื่อตรวจสอบเสร็จแล้วจึงนำลง damage zone ซึ่งไม่ว่าแบบไหนก็จะส่งผลให้ trigger ที่อยู่ด้านด้านขวาบนของการ์ดทำงานทั้งนั้น แต่ถ้าเราไม่มียูนิตที่เป็น clan เดียวกันเป็นแวนการ์ดหรือเรียร์การ์ดเลย ทริคเกอร์ไอค่อนก็จะไม่แสดงผลนะครับ

Counter blast

เป็นการสั่งใช้ความสามารถของยูนิตโดยจ่ายคอสท์ด้วยการคว่ำการ์ดในดาเมจโซน ตามจำนวนที่การ์ดเขียนจึงจะได้เอฟเฟคนั้นๆ โดยการจ่ายไม่จำเป็นต้องจ่ายเรียงตามลำดับอะไรทั้งสิ้น

Soul charge

การ์ดที่สอดอยู่ใต้แวนการ์ดทุกใบจะเรียกว่า โซล เอฟเฟคนี้จะเป็นการนำการ์ดไปสอดไว้ใต้แวนการ์ด ซึ่งการ์ดแต่ละใบจะมีเงื่อนไขการทำไม่เหมือนกัน โดยใบที่มีความสามารถนี้มักจะมีความสามารถ soul blast อยู่ด้วยในใบเดียวกันเพื่อใช้ควบคู่กัน

Soul blast


เป็นการถอดการ์ดที่เป็นโซลอยู่ลงดรอปโซน ตามจำนวนที่การ์ดเขียนเพื่อสั่งใช้เอฟเฟค ซึ่งส่วนมากความสามารถนี้จะมีผลรุนแรงถึงขั้นปิดเกมได้ จึงจะมีเงื่อนไขการใช้ที่ค่อนข้างยาก

 

ที่มา : www.thaitcg.com

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ