METAL GEAR RISING: REVENGEANCE สะบัดดาบฟาดฟันทุกสิ่งที่ขวางหน้า

แชร์เรื่องนี้:
METAL GEAR RISING: REVENGEANCE สะบัดดาบฟาดฟันทุกสิ่งที่ขวางหน้า
นั่นทำให้ผมเองค่อนข้างจะตื่นเต้นกับมันอยู่มาก ยอมรับครับว่าออกจะหลังเขาไปสักหน่อยเพราะไม่เคยสัมผัสกับ Metal Gear สักภาค ทว่านั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะหูหนวกหรือปิดกั้นตัวเองแบบฮาร์ดคอร์ในระดับที่ไม่เคยได้ยินชื่อของมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่แล้วสิ่งที่วาดหวังไว้ก็กลับหายเข้ากลีบเมฆไปดื้อๆ เพราะเมื่อใกล้ถึงวันวางจำหน่ายจริง ตัวเกมเวอร์ชั่นพีซีที่ผมเคยเชื่อว่ามีมาโดยตลอดกลับสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย และมีเพียงชาวคอนโซลเท่านั้นที่ได้สัมผัสความเมามันส์แบบไฮสปีดแอ็กชั่นกันเต็มๆ
กระทั่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานาย 'ฮิเดโอะ โคจิม่า' แห่ง Kojima Productions (KP) ได้ทำการทวีตข้อความเซอร์ไพรส์ชาวพีซีแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยว่า MGR กำลังจะโยกไปลงให้พีซีด้วยนะจ๊ะ ทำเอาหลายคนตื่นเต้นสุดๆ ไปเลย เพราะฉะนั้นมันคงถึงเวลาแล้วล่ะครับที่เราจะได้มาทำความรู้จักกับเกมนี้ให้มากขึ้นก่อนออกวางตลาดเสียที
 
เส้นทางที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและความราบรื่นอันเปรียบไปก็เหมือนดั่งเรื่องแต่งในนิทาน
อย่างที่รู้ๆ กันครับว่าลุงสเน็คขวัญใจของใครหลายๆ คนจะไม่ได้เป็นตัวเอกของภาคนี้และเราจะได้สวมบทเป็นซามูไรไซบอร์กกล้ามบึกอย่าง 'ไรเด็น' แทน ซึ่งพี่แกมีอาวุธประจำกายคือดาบคาตานะ 'High-Frequency Blade' อันเป็นยอดแห่งดาบที่สามารถตัดเฉือนสสารได้ทุกอย่างบนโลกตามที่คอนเซ็ปต์เกมดั้งเดิมได้วางไว้
อย่างไรก็ตามมีเรื่องที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับเกมนี้มาเล่าสู่กันฟังครับ นั่นคือสมัยที่ KP ยังมั่นใจว่าจะรังสรรค์เกมนี้ออกมาได้แต่เพียงผู้เดียวนั้น MGR เคยมีชื่อตั้งแต่ต้นโปรเจ็กต์ว่า 'Metal Gear Solid: Rising' ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นหูหรือคุ้นตาเนื่องจากมันเคยปรากฏตัวเป็นเดโมสั้นๆ พร้อมกับสร้างความฮือฮาแกมประทับใจในการตัดเฉือนอันสดใหม่และแหวกแนวได้อย่างมาก
แต่แล้วทีมพัฒนากลับประสบปัญหาด้านความขัดแย้งในแนวทางในการทำเกมเสียเองจนถึงขนาดมีการยกเลิกโปรเจ็กต์อย่างลับๆ กระทั่งวันหนึ่งโคจิม่ารู้สึกว่ายังไม่อยากทิ้งมันไป แต่ขณะเดียวกันก็คิดว่าทีมงานของเขาเองไม่อาจสร้างงานที่ลงตัวขึ้นมาได้ จึงเริ่มคิดให้ทีมอื่นเข้ามาช่วยซึ่งหวยก็ไปออกที่ Platinum Games (PG) เจ้าพ่อเกมแอ็กชั่นที่งานเกมรางวัลในคาถาอย่าง Bayonetta คือเครื่องการันตีฝีมือเป็นอย่างดี
ซึ่งเมื่อจะร่วมหัวจมท้ายกันแล้ว มันก็ต้องมีการคุยและตกลงกันในหลายๆ เรื่องอย่างต่อเนื่อง โดยทาง PG จะมีอิสระในการรังสรรค์ชิ้นงานนี้ขึ้นมาในแบบฉบับของตัวเอง เพียงแต่ต้องอยู่ในกรอบและไม่ให้หลุดธีมของโลก MG จนเกินไปนักซึ่งตรงจุดนี้ทาง KP จะตรวจดูอีกทีนั่นเอง
เนื้อเรื่องภายในเกมจึงถูกเปลี่ยนไปครับจากในทีแรกที่โคจิม่าวางไว้ช่วงระหว่าง MGS 2 และ 4 ก็กลายเป็นอีก 4 ปีให้หลังภาค 4 แทน ด้วยแนวคิดที่ว่าหากอยู่ในช่วงเวลาเดิมมันจะมีข้อจำกัดที่อาจทำให้โลกของ MG ต้องบิดเพี้ยน ขณะที่การโยนเนื้อเรื่องไปไว้ในอนาคตแทนจะทำให้มีอิสระและสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น
 
นามนั้นคือ 'ไรเด็น' มหาประลัยซามูไรไซบอร์ก!!!
4 ปีหลังจากจบเหตุการณ์ใน Guns of the Patriots (PS3) จบลงไป 'ไรเด็น' ซึ่งขณะนั้นทำงานให้กับองค์กร PMC (Private Military Corporation) เพื่อหาเลี้ยงครอบครัวได้เข้าต่อสู้กับกลุ่มไซบอร์กลึกลับ Desperado Enterprises ก่อนจะพ่ายแพ้และสูญเสียร่างไซบอร์กสีขาว มือซ้ายและตาซ้ายไป กระนั้นไรเด็นกลับรอดชีวิตหวุดหวิดก่อนได้รับมาซึ่งร่างไซบอร์กสีดำที่มีประสิทธิภาพดีกว่าของเดิมแต่มีข้อแม้ว่าต้องต้องชาร์จพลังอยู่ตลอดเวลาจากองค์กร Maverick Security เพื่อจัดการกับ Desperado Enterprises ให้จงได้ การทวงแค้นอันเผ็ดร้อนและสาสมเปิดฉากขึ้นแล้ว!!!
เกมเพลย์ของ Revengeance จะมาในแนวแอ็กชั่นฟันดะคล้ายๆ กับ DmC เพียงแต่จะเน้นความรวดเร็วในการฟาดฟันและต่อคอมโบกว่าในระดับหนึ่ง มีจุดน่าสนใจตรงของเล่นซึ่งถูกเรียกว่า Blade Mode โดยมันก็คือการฟันรัวๆ ถี่ๆ ใส่เป้าหมายอันเป็นจุดขายของทั้งไรเด็นและตัวเกมนั่นเอง จากการที่ผมเคยลองสัมผัสมาบ้างต้องถือว่าการตะลุยในเกมนี้มีความยากและความท้าทายที่สูงกว่าเกมอื่นในแนวเดียวกัน และการออกคอมโบกับ Blade Mode ก็จำต้องอาศัยความคุ้นชินพอสมควร โดยเฉพาะแล้วกับอย่างหลังที่การจะโยกแกนอนาล็อกให้พลิ้วไหวในเสี้ยววินาทีเพื่อทำความเสียหายศัตรูระดับสูงสุดนั้นจำต้องคล่องแคล่วอย่างมาก
แต่หากการบู๊แหลกในทันทีเลยมันค่อนข้างยากไปสักนิด ตัวเกมก็เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถลอบเร้นได้ครับ ซึ่งการย่องเงียบไปเชือดจากด้านหลังก็จะคล้ายๆ กับหลายเกมคือดอกเดียวนอนเลยไม่ต้องรัวปุ่มให้มากความ อีกทั้งตัวของไรเด็นเองยังมีสกิลสุดหล่อที่เรียกว่า 'Ninja Run' โดยเมื่อเปิดใช้งานพี่แกจะสามารถปัดกระสุนศัตรูที่ยิงเข้ามาพร้อมกับออกท่าทางขณะวิ่งเป็นแบบ Freerunning ซึ่งจะมีประโยชน์มากในฉากที่ต้องการความรีบเร่งแบบสุดๆ
วางขายแบบ Digital ในวันที่ 9 มค.นี้
นอกจากที่กล่าวไป Revengeance ยังมีระบบอัพเกรดความสามารถตัวละครรวมถึงอาวุธคู่ใจและการออกท่าทางคอมโบเท่ๆ ตามสมัยนิยมซึ่งน่าจะมอบความสนุกท้าทายให้กับเกมเมอร์สายบู๊แหลกได้ไม่ยาก และทางผู้พัฒนาก็ได้ออกมาแย้มทิ้งท้ายว่า Metal Gear Rising: Revengeance จะวางจำหน่ายให้กับชาวพีซีได้ลองลิ้มชิมรสความมันส์สนั่นมอนิเตอร์ในรูปแบบ Digital Download เท่านั้น เกมเมอร์ท่านใดรอเก็บแบบกล่องอยู่คงต้องเสียใจด้วยครับ 
 
เรื่อง: Dark_Librarian
 
แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ