สรุปเนื้อเรื่อง Resident Evil: Revelation ตอนที่ 5 ปริศนาซ่อนเร้น & ตอนที่ 6 แมวกับหนู

แชร์เรื่องนี้:
สรุปเนื้อเรื่อง Resident Evil: Revelation ตอนที่ 5 ปริศนาซ่อนเร้น & ตอนที่ 6 แมวกับหนู

มาถึงตอนที่ 5 และ 6 ของภาค Resident Evil: Revelations แล้วนะครับ เชื่อว่าเพื่อนๆ ที่อ่านภาคนี้ถึงเนื้อเรื่องจะไม่บู้มันส์สนั่นเท่าภาค 4 แต่ก็ครบเครื่องไปด้วยปริศนาที่ซับซ้อนมากมายรวมกันอยู่ภายในให้เพื่อนๆ ค้นหามันครับ 

หมายเหตุ ในช่วงสัปดาห์สงกรานต์ ผมจะหายไปสัปดาห์นึงนะครับ ทำให้ช่วงนั้นไม่มีตอนใหม่ออกมาครับ

เพื่อนๆ สามารถดูเนื้อเรื่องย้อนหลังได้ที่

 

ตอนที่ 5 ปริศนาซ่อนเร้น

10.20 PM Valkoinen Mökki
พอ ควินท์ และ คีธ เดินทางมาถึงก็เข้าไปในห้องใต้ดินทันที พวกเขาเดินสำรวจมาเรื่อยๆ จนมาถึงห้องปฏิบัติการ ขณะที่ คีธ พยายามแก้ระบบเพื่อปลดล็อกประตู เขาก็สังเกตว่ากล้องวงจรปิดจับภาพอะไรบางอย่างได้ ภาพที่ทั้งคู่เห็นในกล้องที่ 1-3 ก็คือเครื่องบินลำหนึ่งถูก Hunter โจมตีจนปีกขวาของเครื่องบินระเบิดในขณะที่บินขึ้นไป ควินท์ ตั้งข้อสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเครื่องบินลำเดียวกับที่ คริสต์ รายงาน
 

จากนั้นก็ตัดภาพมาที่กล้องวงจรปิดตัวที่ 4 ที่ติดไว้ตรงบริเวณทางเดิน จู่ๆ ข้าวของก็ร่วงกระจัดกระจายโดยไม่ทราบสาเหตุ ควินท์ คิดว่าเป็นผีแน่นอนจึงรีบเปลี่ยนไปยังกล้องวงจรปิดที่ 5-6 เพื่อดูต่อ

ทั้งคู่เห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากลิฟต์ด้วยอาการเหนื่อยหอบเหมือนหนีอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆ ชายคนนั้นก็ถูกยกตัวลอยเหวี่ยงไปทั่วห้องและโดนสังหาร ระหว่างนั้น ควินท์ ก็เห็นอะไรบางอย่างร่วงลงมาจากศพผ่านกล้องวงจรปิด ทั้งคู่จึงตัดสินใจไปหาของที่ร่วงลงมาจากศพ

พอมาถึงที่ตัวศพและสำรวจโดยรอบ พวกเขาก็เจอ Security Token ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการใช้เจาะระบบเครือข่ายหลักเพื่อหาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์บนเครื่องบิน จากนั้นพวกเขาก็รีบย้อนกลับไปยังจุดที่เครื่องบินตกอีกครั้งทันที

 

 

10.25 PM ทางเชื่อมลงไปยังใต้ท้องเรือ

จิลและปาร์คเกอร์ วิ่งไปตามทางจนมาถึงห้องควบคุม แต่ตอนนี้ใต้ท้องเรือถูกน้ำท่วม ไม่สามารถนำผนังกั้นลงได้เนื่องจากไม่มีกระแสไฟฟ้า ทั้งคู่ไปที่ห้องเครื่องยนต์เพื่อกู้พลังงานไฟฟ้า แต่ว่าไม่มีกุญแจเสียบอยู่ที่แท่น จิล จึงออกตามหากุญแจจนเจอแล้วรีบนำกุญแจย้อนกลับมาที่ห้องเครื่องยนต์อีกครั้ง เมื่อทั้งคู่เปิดระบบในห้องเครื่องยนต์ให้ทำงานแล้ว ก็มีบางอย่างผิดปกติ ระบบทำการล็อกประตูและปล่อยน้ำปริมาณมหาศาลลงมาอย่างรวดเร็ว

10.48 PM ใกล้กับจุดที่เครื่องบินตก

คีธ และ ควินท์ รายงานความคืบหน้าไปยัง โอไบรอัน จากนั้นเขาก็สั่งให้ คีธ และ ควินท์ หาข้อมูลมาให้ได้ว่าพวก เวลโทร วางแผนอะไรไว้ ทั้งคู่รับคำสั่งแล้วมุ่งหน้าไปยังจุดที่เครื่องบินตก ขณะที่วิ่งไป จู่ๆ ควินท์ ก็กระเด็นออกมา คีธ ถามด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ ควินท์ ก็ไม่รู้ เหมือนมีอะไรบางอย่างโจมตีเขา คีธ เห็นท่าไม่ดีจึงใช้เครื่องสแกน Genesis ตรวจสอบ ก็พบว่าเป็น Farfarello (Hunter ที่ได้รับเชื้อไวรัส T-Abyss จนกลายสภาพเป็น Hunter ล่องหน)

ตอนนี้ ควินท์ รู้แล้วว่าสิ่งที่เขาเห็นในกล้องวงจรปิดไม่ใช่ผีแต่เป็น Farfarello นั่นเอง หลังจากที่กำจัดพวกมันหมดแล้ว ทั้งคู่ก็รีบรุดหน้าไปยังคอมพิวเตอร์บนเครื่องบินลำที่ตกและทำการปลดล็อกข้อมูล ไม่นาน ควินท์ พบพิกัดเรือ เขารีบติดต่อกองบัญชาการและส่งข้อมูลไปให้เมื่อ คริสต์ และ เจสสิก้า ได้รับพิกัดเรือแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังที่หมายทันที

 

 

ตอนที่ 6 แมวกับหนู

11.16 PM ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

เมื่อมาถึงที่หมายแล้ว ภารกิจออกค้นหา จิลและปาร์คเกอร์ ก็เริ่มต้นขึ้น โดยมี ควินท์ คอยให้ความช่วยเหลือ ควินท์เชื่อว่าในส่วนของเครื่องยนต์น่าจะมีปัญหา จิลและปาร์คเกอร์จะอยู่ที่ใต้ท้องเรือแน่ ทั้งคู่จึงรีบไปที่นั่นตามคำแนะนำของควินท์ทันที

ขณะเดียวกัน จิลและปาร์คเกอร์ ก็พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดจากน้ำที่ท่วมสูงอยู่ แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะต้องทำอย่างไร ซึ่งตอนนี้น้ำขึ้นสูงจนเกือบจะถึงเพดานอยู่แล้ว

คริสต์และเจสสิก้า ลงลิฟต์มาที่ใต้ท้องเรือ และรีบตรงไปที่ห้องเครื่องยนต์ แต่พอเปิดประตูเข้าไปกลับไม่พบใครเลย สรุปว่าเรือที่พวกเขาขึ้นมาคือเรือ Queen Semiramis ซึ่งเป็นเรือแฝดกับเรือ Queen Zenobia ที่พวกจิลอยู่

 

11.43 PM ทางเชื่อมลงไปยังใต้ท้องเรือ

หลังจากที่ตั้งสติได้ จิลได้งมลงไปในน้ำจนเจอใช้ท่อเหล็กที่พอจะใช้งัดฝาตะแกรงจนว่ายน้ำหนีเอาตัวรอดออกมาได้ พวกเขาก็ไปที่ห้องควบคุมทันที พอปิดผนังกั้นเรียบร้อยแล้ว จิล ทำการเช็คระบบควบคุม ปาร์คเกอร์ ลองทดสอบแต่ก็ยังไม่มีสัญญาณ คาดว่าเสาอากาศน่าจะเสีย ทั้งคู่จึงรีบไปที่ Observation Deck เพื่อซ่อมแซมเสาอากาศ

 

เวลาเดียวกัน คริสต์บอกกับโอไบรอัน ว่าตอนนี้อยู่บนเรือ Queen Semiramis และไม่พบใครเลย โอไบรอัน บอกว่าคริสต์ขึ้นเรือผิดลำ จากนั้นเขาก็แนะนำให้ คริสต์ ค้นหาบริเวณโดยรอบเท่าที่จะทำได้

 

 

ขณะที่ จิลและปาร์คเกอร์ ขึ้นมาที่ห้องโถงและขึ้นลิฟต์ไปนั้น Draghinazzo ก็ปรากฏตัวและพยายามก่อกวนพวกเขา พอมันหนีไปแล้ว พวกเขาก็ขึ้นลิฟต์ต่อมายังชั้นบน Draghinazzo ปรากฏตัวอีกครั้ง หลังจากกำจัดมันได้แล้วทั้งคู่ก็รีบขึ้นไปเพื่อซ่อมเสาอากาศทันที คราวนี้พวกเขาติดต่อกับกองบัญชาการได้สำเร็จและรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น โอไบรอันบอกว่าทุกอย่างถูกเซ็ตไว้หมดและได้ติดกับแผนที่ว่านี้ไปแล้ว ทั้งคู่พยายามเค้นถามความจริงจากโอไบรอันว่าแผนอะไร และเขารู้ได้อย่างไรแต่เขาก็ไม่ยอมตอบ

ระหว่างที่โอไบรอันทำท่าครุ่นคิดอยู่นั้นก็มีสายด่วนโทรเข้ามา เขาจึงจำเป็นต้องหยุดสนทนากับจิลและปาร์คเกอร์ ชั่วคราว จากรายงานทราบว่าทาง BSAA ได้รับสายด่วนจาก ESF (European Security Force) แจ้งการเคลื่อนที่ของดาวเทียม และเป็นที่ยืนยันแล้วว่าเป็นดาวเทียม Regia Solis

โอไบรอัน ติดต่อกลับมาหา จิลและปาร์คเกอร์ อีกครั้งเพื่อแจ้งว่า Regia Solis ถูกใช้งานอีกครั้งและกำลังเล็งไปที่ Queen Zenobia จิลและปาร์คเกอร์ขอร้องให้โอไบรอันส่งหน่วยช่วยเหลือมา แต่โอไบรอันได้แต่นั่งกุมขมับ ก่อนจะพูดประโยคแปลกๆ ออกมาเบาๆ กับตัวเองว่า "ขอโทษพวกเธอด้วย ฉันทำแบบนั้นไม่ได้..."

โดยสำหรับสรุปเนื้อเรื่องของภาค Revelation นี้ต้องขอขอบคุณ คุณ Daphne สำหรับข้อมูลบางส่วนที่เคยลงนิตยสาร Play ด้วยครับ

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ