
ละครหลังข่าววันนี้ขอเสนอ ดวงหฤทัยในดงอสูร
เนื้อเรื่องของ Heart of the Swarm นั้นจริงๆ มีเนื้อหาที่สั้นมาก คือ อาเม้ง (Mengsk) หลอกซาร่า (Kerrigan) ว่าได้ฆ่าคุณจิม (Raynor) ไปแล้ว ทำให้ Kerrigan เกิดสติแตก คลั่งแค้นมากกว่าเดิม แล้วกลับไปเป็น Queen of Blade เพื่อเอา The Swarm มาใช้แก้แค้น Mengsk อีกครั้ง (โอ้วซาร่า ขนาดคนดูยังไม่เชื่อเลยว่าเรยนอร์ตาย แล้วคุณเชื่อเข้าไปได้ไงเนี่ย) เนื้อเรื่องอันตื้นเขิน ง่ายๆ สั้นๆ จบในสามบรรทัดนี่แหละ แต่มันกลับถูกยืดออกไปเป็นภารกิจหลักกว่า 20 ฉาก (มีภารกิจเสริมอีก 7 ฉากด้วย สำหรับการอัพเกรดยูนิท) ซึ่งค่อนข้างจะเกินความจำเป็นในแง่ของการถ่ายทอดเนื้อหา สำหรับผู้ที่เล่นแคมเปญเพื่อติดตามเนื้อเรื่องจึงอาจรู้สึกว่ามันนานเกินไปแม้หลายๆภารกิจจะออกแบบมาได้ดีมีความแปลกใหม่ก็ตาม เพราะเนื้อหาหลักๆเกือบทุกฉากจะโฟกัสไปที่การรวบรวม The Swarm ของ Kerrigan ทำให้เนื้อเรื่องของตัวเกมไม่ค่อยเดินเท่าไหร่ อันที่จริงด้วยเนื้อหาเท่านี้น่าจะรวบรัดแคมเปญให้จบได้ใน 10-12 ภารกิจเท่านั้น การยืดเป็น 20 +7 ภารกิจดูจะเป็นแค่การพยายามเพิ่มเนื้อหาของเกมให้ดูคุ้มราคาค่าตัวเท่านั้นเอง
หากเทียบกับ Wings of Liberty แล้วแม้ตอนนั้นเกมจะโฟกัสไปที่ตัว Raynor แต่เราก็ยังได้เห็นการเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่ายและเนื้อหาที่เชื่อมโยงกับปูมหลังของเรื่องราวทั้งหมด ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่ากำลังได้รับชมเนื้อเรื่องที่แท้จริงของ Starcraft ที่กำลังดำเนินไป ไม่ใช่ละครน้ำเน่าที่แสดงโดย Kerrigan เพียงคนเดียว นอกจากนี้บทและเนื้อเรื่องใน Heart of the Swarm ก็ยังจัดว่าค่อนข้างตื้นเขินและขาดความคิดสร้างสรรค์ เนื้อหาเดียวที่เชื่อมโยงกับปมที่ทิ้งไว้ใน Wings of Liberty คือศัตรูใหม่ที่อาจเป็นบอสใหญ่ซึ่งอยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดใน Starcraft และเป็นบอสสุดท้ายของเกม แต่ถ้าเป็นจริงก็นับว่าถูกนำเสนอออกมาได้จืดเหลือเชื่อ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเอาคนเขียนบท Diablo III มาเขียนบทให้ Heart of the Swarm แทนคนเดิมที่เขียนบทให้ Wings of Liberty รึเปล่า
ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ยังเล่นสนุก
สำหรับภาคนี้เราจะมี Leviathan สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ซึ่งทำหน้าที่เหมือนยานแม่ของเหล่าเซิร์ก และมีบทบาทในการเล่นคล้ายๆกับ Hyperion ของ Raynor ใน Wings of Liberty เพียงแต่ฟังก์ชั่นการใช้งานและลูกเล่นจะน้อยกว่าพอสมควร นอกเหนือจากห้องที่ใช้อัพเกรดความสามารถของ Kerrigan แล้วก็จะมี Evolution Chamber ซึ่งใช้อัพเกรดยูนิทของเซิร์กได้ยูนิทละ 3 ชนิด (เปลี่ยนไปมาได้) และเลือกดัดแปลงสายพันธุ์ของยูนิทแบบถาวรได้อีกยูนิทละ 2 แบบ (เลือกได้แค่ครั้งเดียวและต้องเล่น Evolution Mission ให้จบก่อนจึงจะอัพเกรดแต่ละยูนิทได้) แต่นอกเหนือจากสองห้องนี้แล้วตัว Leviathan ก็ไม่มีลูกเล่นอื่นอีก ทำให้คุณอาจจะอดคิดถึงห้องอาหารที่เต็มไปด้วยลูกเล่นแพรวพราวของ Hyperion ไม่ได้เลยล่ะ
จุดเด่นของเกมเพลย์ในภาคนี้คือ เกือบทุกฉากจะมี Kerrigan มาเป็นยูนิทฮีโร่ให้เราใช้งานด้วย ทำให้รูปแบบการเล่นของ Heart of the Swarm มีความใกล้เคียงกับ Warcraft III และหลายๆฉากก็โฟกัสไปที่การใช้งานฮีโร่มากกว่าการสร้างกองทัพด้วย ซึ่งเราสามารถเลือกอัพความสามารถของ Kerrigan ให้เป็นฮีโร่สายบู๊ด้วยตัวเอง หรือเป็นสายซัพพอร์ทคอยหนุนทัพของเราก็ได้ อาจพูดไม่ได้เต็มปากว่านี่เป็นรูปแบบใหม่ถอดด้าม แต่มันก็สร้างประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำเดิมให้กับการเล่นได้ในระดับที่น่าพอใจ นอกจากนี้หลายๆ ภารกิจก็ออกแบบมาได้ค่อนข้างแปลกใหม่และเล่นสนุกใช้ได้เลยทีเดียว
สังเวียนมัลติเพลย์เยอร์ที่ยังได้มาตรฐาน
โหมดมัลติเพลย์เยอร์ในภาคนี้ยังคงรักษาความสมดุลในภาพรวมเอาไว้ได้ดี (ถ้าไม่นับ Widow Mine ซึ่งคนบ่นกันมาตั้งแต่เบต้า แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขอะไร) แต่ละฝ่ายได้รับยูนิทใหม่กันคนละ 2-3 ยูนิท และมันก็ช่วยเพิ่มความหลากหลายในการเล่นให้มากขึ้นในระดับที่น่าพอใจ ยูนิทใหม่แต่ละตัวนั้นได้เข้ามาเติมช่องว่างที่ขาดหายไปของฝ่ายนั้นๆและเพิ่มทางเลือกในการใช้งานหรือตอบโต้กลยุทธแต่ละแบบได้ ส่งผลให้การต่อสู้ในมัลติเพลย์เยอร์ทวีความเข้มข้นขึ้นด้วย แม้ยูนิทใหม่หลายๆตัวดูจะออกแบบมาให้เป็นประโยชน์กับผู้เล่นที่เก่งการ Micro Management มากกว่า แต่ผู้เล่นทั่วไปก็ยังสามารถเล่นได้สนุก และสำหรับผู้เล่นระดับสูงก็จะได้รับผลตอบแทนจากความชำนาญในการควบคุมของพวกเขาอย่างเหมาะสม อาจพูดได้ว่ายูนิทใหม่ได้เข้ามายกระดับการเล่นของมัลติเพลย์เยอร์ที่ดีอยู่แล้วให้สูงล้ำขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งก็ว่าได้
คุ้มค่าต่อการเล่น แต่อาจไม่คุ้มราคา
โดยรวมแล้ว Heart of the Swarm ก็ไม่ใช่เกมที่แย่ แค่มันไม่ดีเท่ากับมาตรฐานที่ Wings of Liberty เคยทำไว้ ที่น่าตำหนิคือเนื้อหาของเกมในโหมดภารกิจนั้นน่าจะรวบรัดได้มากกว่านี้เยอะแต่ถูกจงใจยืดออกเพื่อให้สามารถขายเต็มราคาได้เท่านั้นเอง ทั้งที่ควรจะกระชับเนื้อหาตามความเหมาะสมแล้วขายด้วยราคา 50-60% ของภาคหลักมากกว่า แต่นี่กลับเอามาขายเต็มราคา แถมยังไม่ใช่ Stand-Alone อีกด้วย (คุณต้องมี Wings of Liberty ภาคหลักก่อนจึงจะเล่น Heart of the Swarm ได้) จึงจัดว่าเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคมากเกินไปหน่อย หากคุณไม่ใช่ผู้ที่ชื่นชอบโหมดมัลติเพลย์เยอร์จริงๆ การจ่ายเงินซื้อ Heart of the Swarm มาเล่นโหมดแคมเปญแค่เพียงอย่างเดียวก็อาจไม่ใช่สิ่งที่คุ้มค่านัก
คะแนน: 7.0
ข้อดี: เกมเพลย์มีความแปลกใหม่, ระบบมัลติเพลย์เยอร์ที่สนุกและท้าทายยิ่งขึ้น
ข้อเสีย: เนื้อหาน้อยแต่ถูกยืดให้ยาว, เนื้อเรื่องห่วย บทแย่, ขายเต็มราคาทั้งที่คุณภาพไม่ถึง แถมไม่ใช่ Stand-Alone
โดยรวม: Heart of the Swarm จัดเป็นภาคเสริมที่ไม่คุ้มราคานัก สำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบโหมดมัลติเพลย์เยอร์ยังไงก็คงจะซื้อโดยไม่ต้องคิดอยู่แล้ว แต่สำหรับผู้เล่นที่ไม่สนใจจะเล่นออนไลน์และซื้อเพราะอยากจะรู้เนื้อเรื่องอย่างเดียว แนะนำให้ไปหาอ่าน Spoil เอาหรือดูคลิปเนื้อเรื่องจาก Youtube จะดีกว่า
เรื่อง: HimeKami & YoyoTanya
บทความจากนิตยสารฟิวเจอร์ เกมเมอร์ฉบับที่ 198