Final Fantasy v.s. Dragon Quest ประชันความเด็ด 2 RPG ในตำนาน

เชื่อว่าคอเกมทุกคนคงไม่มีใครไม่รู้จัก 2 เกม RPG ในตำนานอย่าง Final Fantasy และ Dragon Quest ซึ่งทั้งคู่นั้นได้พิสูจน์ตัวเองผ่านกาลเวลามากว่า 20 ปีว่าเกมทั้ง 2 ซีรีส์นี้มีดีแค่ไหน และทั้ง 2 เกมนั้นก็มีแฟนบอยที่คลั่งใคล้มากมาย ซึ่งวันนี้เราจะจับ 2 เกมนี้มา Battle กันในหลายๆ ด้านว่า 2 เกมอมตะนิรันด์กาลนี้จะมีจุดเด่นในด้านใดบ้าง

 

 

ในภาคแรกๆ ของ Final Fantasy ประกอบไปด้วยเนื้อเรื่องที่เรียบง่าย นักรบแห่งแสงสว่างเดินทางไปต่อกรกับความชั่วร้ายเป็นสูตรสำเร็จของเกม RPG ทั่วๆ ไป แต่พอเริ่มภาค 4 เป็นต้นมาผู้พัฒนาใส่บทบาทให้กับตัวละครต่างๆ ให้ดูมีมิติมากขึ้น เราจะเห็นความรู้สึกนึกคิดของตัวละครเสมือนดูหนังเรื่องหนึ่งอยู่เลยทีเดียว

 

 สำหรับภาคต้นๆ ของ Dragon Quest ก็ยังคงสูตรสำเร็จแบบเดียวกับ Final Fantasy นั่นแล แต่คนที่เล่นจะรู้ว่าตัวเอก หรือผู้กล้าของเรานั้นจะไม่มีบทสนทนาใดๆ ตลอดทั้งเกม ยกเว้น Yes หรือ No ทั้งนี้เพื่อเป็นการจงใจทิ้งช่องว่างไว้ให้ผู้เล่นเติมเต็มเนื้อเรื่องและสวมบทบาทเป็นผู้กล้าได้อย่างเต็มที่

 

 

มีอาชีพหลากหลาย ขั้นตอนเปลี่ยนอาชีพง่าย ไม่ยุ่งยาก มีเพียงเงื่อนไขในบางภาคที่ต้องเก็บคริสตัลเพื่อให้ได้อาชีพใหม่ๆ ซึ่งจำนวนอาชีพก็ค่อนข้างเยอะให้เลือกเปลี่ยนกันได้อย่างอิสระ แถมมีอาชีพแปลกๆ อีกด้วยเช่น นักเลียนแบบ, นักเวทย์มนต์น้ำเงินที่เลียนแบบท่าของมอนสเตอร์ได้

 

อาชีพในดราก้อนเควสต์นั้นก็มีความหลากหลาย อาชีพแปลกๆ อย่างตัวตลก นักเต้นก็มีมาให้ใช้เป็นสีสันของเกม ส่วนวิธีเปลี่ยนอาชีพนั้นค่อนข้างซับซ้อนกว่า ไม่ใช่ว่าอยากจะเปลี่ยนที่ไหนก็เปลี่ยนได้ ต้องไปที่วิหารดาม่าเท่านั้น และบางอาชีพต้องมีเงื่อนไขในการเปลี่ยน เช่นอยากจะเป็นพาลาดิน ก็ต้องผ่านอาชีพนักรบ + พระมาเสียก่อนเป็นต้น นับเป็นความท้าทายที่คุ้มค่าจริงๆ

 

 

ถ้าไม่นับตัวเอกของแต่ละภาคแล้ว ถ้ากล่าวถึง Final Fantasy หลายคนคงจะนึกถึงเจ้านกสีเหลืองหน้าตาจิ้มลิ้มอย่าง Chocobo หรือเจ้าตัวขาวหน้าคล้ายแมวอย่าง Mock ซึ่ง Chocobo ก็ได้ออกเกมซีรี่ส์ของตัวเองอย่าง Chocobo Racing หรือ Chocobo Tales แล้วยังมีตัวละครที่ชื่อว่า Cid ซึ่งโผล่มาทุกภาคในหลายๆ บทบาทอีกด้วย

 

แค่นับจำนวน Slime หลากสายพันธุ์ก็โด่งดังจนทะลุดวงดาวแล้ว และยังมีมอนสเตอร์ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาอีกมากมาย อย่าง คิเมร่า, เมทัลสไลม์ ฯลฯ ซึ่งเจ้าพวกมอนสเตอร์เหล่านี้ถึงกับทำให้เกิดเกมซีรีส์ DQ Monster ที่สนุกสนานเอามากๆ แถมตัวละครจากภาคต่างๆ ก็ถูกหยิบเอาไปเขียนเป็นการ์ตูนมังงะ เช่น เจ้าหญิงอาลีน่าจากภาค 4 และพ่อค้า ทอเนโก้ ก็ถูกนำไปผลิตเป็นเกมเช่นเดียวกัน

 

 

พาหนะของไฟนอลแฟนตาซีก็จะมีเรือเหาะเป็นหลัก นอกจากนี้ก็มีนกโจโคโบะเหลือง , ม่วง (และอีกหลากสีในภาค 7) เรือ, เรือแคนู, เรือโฮเวอร์คราฟ (ภาค 4) ,มังกร (ในภาค5) แพ และหุ่นยนต์ (ในภาค6) นับเป็นเกมที่มีพาหนะหลากหลายให้เลือกใช้จริงๆ

 

 

พาหนะของ Dragon Quest จะไม่หลากหลายเท่า Final Fantasy ส่วนใหญ่จะเป็นเรือ, มังกร, พรมวิเศษ, แพ, รถม้าบิน(ในภาค6) คาถาลูร่านี่นับเป็นพาหนะได้มั้ย ?

 

 

 

สำหรับไฟนอล แฟนตาซี เราจะเห็นการพัฒนาการในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านกราฟิค ด้านเนื้อเรื่อง ไปจนถึงรูปแบบการเล่น ซึ่ง CG บางภาคนั้นทำออกมาได้แบบว่าทึ่งมาก สวยซะไม่มี แต่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่นเช่นนี้ก็ทำให้เกิดกระแสไม่ดีในบางภาคเช่น ภาค 13 เป็นต้น

 

 

การพัฒนาของ DQ ในด้านกราฟิกนั้นเพิ่งจะมาเห็นเด่นชัด เรียกว่าต่างจากของเดิมๆ ตั้งแต่เริ่มภาค 8 ส่วนระบบการเล่นนั้น DQ ยังคงความคลาสิกเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ด้วยระบบการเล่นที่เข้าใจง่ายทำให้เราไม่ต้องศึกษาอะไรมากมาย แต่ยังคงความสนุกเอาไว้ได้ครบถ้วน

 

ผู้ชนะ : Dragon Quest

 

 

เรายังจำกันได้ดีกับการออกแบบตัวละครอย่างมีสไตล์ของ อ.โยชิทากะ อามาโนะ ที่ใครเห็นแล้วก็ต้องจำได้ว่าเป็นงานของอาจารย์ท่านนี้มิผิดแน่  แต่ไม่ใช่อ.โยชิทากะ อามาโนะท่านเดียวเท่านั้นที่ออกแบบตัวละคร เพราะคลาวด์ ตัวเอกภาค 7 นั้นถูกออกแบบโดย เท็ตซึยะ โนมุระ แต่ที่ผู้คนยังจำติดตากันได้ของซีรี่ FF ก็คือลายเส้นของโยชิทากะ อามาโนะผู้นี้นี่เอง

 

 

หนึ่งเดียวคนนี้ ผู้ให้กำเนิดการ์ตูนโด่งดังค้ำฟ้าอย่าง Dragon Ball อ.โทริยามะ อากิระ เป็นผู้ออกแบบตัวละคร และมอนสเตอร์ของ DQ เพียงคนเดียว ดังนั้นเราแทบจะไม่เห็นความแตกต่างทางด้านยุคสมัยเมื่อนำผู้กล้าทั้งหมดมายืนเรียงกัน นับว่าเป็นลายเส้นที่คุ้นตา และคงไว้ซึ่งความคลาสิกได้เป็นอย่างดี

 

ผู้ชนะ : เสมอ

 

 

ครบเครื่องเรื่องมนต์อสูร ซึ่งอสูรบางตัวแค่ดู CG ตอนอัญเชิญก็ฟินแล้ว นี่ยังไม่นับเวทย์ธาตุปกตินะ

 

 

ไม่ค่อยมีอะไรใหม่มากนัก ยังคงเป็นคาถาเดิมๆ เมร่า, บากี้, ไรดีน บลาๆ เอฟเฟ็คคาถายังเฉยๆอยู่นะ

 

ผู้ชนะ : Final Fantasy

 

สุดท้ายผมให้ Final Fantasy ชนะไปแค่ปลายจมูก เนื่องจากความสูสีของทั้งสองซีรีส์นี้ยังกินกันไม่ขาด แต่ในฐานะเกมเมอร์ที่ชื่นชอบทั้ง 2 เกมนี้ สำหรับผมใครจะแพ้ ใครจะชนะทั้ง 2 เกมก็ถือเป็น 1 ในดวงใจที่เราถือจอยเล่นมาตั้งแต่ยังเด็กๆ แม้ภาคหลังๆ อาจจะเล่นได้ไม่ครบเพราะมีข้อจำกัดบางอย่าง (เช่นไม่ได้ซื้อเครื่อง Console ไว้ครบขนาดนั้น) แต่ผมก็หวังว่าถ้ามีโอกาสจะต้องไม่พลาดภาคใหม่ๆ อย่างแน่นอน 

 

สำหรับบทความนี้เป็นการระลึกความทรงจำซึ่งบางส่วนเลือนรางไปมาก หากมีอะไรผิดพลาดผู้เขียนก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ