สำหรับบทสรุปนี้เป็นส่วนที่ 2 ของเกม Dark Souls ผู้เล่นสามารถอ่านข้อมูลส่วนแรกที่ที่ลิงค์ด้านล่างนี้ครับ
Link Part I – http://www.online-station.net/news/walkthrough/15
Walkthrough Part II
บอส Dark Sun Gwyndolin
บอสตัวนี้ยากมาก เราจะต้องสู้กับเธอบนระเบียงเวทย์มนต์ทีมีความยาวไม่สิ้นสุด โดยเธอจะคอยวาร์ปหนีเมื่อเราเข้าไปใกล้ และคอยดักโจมตี 3 แบบแก่เรา คือ ยิงเวทย์ขนาดยักษ์ ยิงเวทย์แบบลูกปรายพุ่งเข้าหาเรา และยิงใบมีดรัวเป็นชุด วิธีสู้คือให้คอยวิ่งหลบตามเสาด้านข้าง แต่ถ้าบอสยิงเวทย์ใส่ให้กลิ้งหลบเพราะมันจะยิงทะลุเสามาได้ ส่วนยิงใบมีด ให้วิ่งฉีกออกด้านข้างก็จะหลบได้ หรือถ้าหลบไม่ทันจริงๆ ก็ให้ตั้งโล่การ์ดไว้ได้ แล้วค่อยกระหน่ำฟันหรือยิงเวทย์ใส่ก็จะจัดการได้
เมื่อชนะแล้วกลับขึ้นบันไดไปแล้วหมุนแท่นตามเข็มนาฬิกาไปหนึ่งครั้งจัดการกากอยใส่เกราะที่เฝ้าทางขึ้นวิหารอยู่แล้วตรงขึ้นไปด้านบนจะพบทหารยักษ์เฝ้าอยู่ 2 ตัว ให้จัดการหรือวิ่งผ่านไปที่ช่องทางขวาแล้วลงบันไดมาจะพบปีศาจ Bat Wing Demon เฝ้าอยู่ 3 ตัวให้จัดการพวกมันแล้วเดินข้ามแง่งเล็กลงไปด้านล่าง จะพบปีศาจอีก 2 ตัวให้จัดการซะ แล้วให้มองไปทางซ้าย ตรงจุดนี้จะยากมาก เพราะทางขึ้นจะมีนักธนูดักยิงอยู่ 2 ตัวบนทางแคบๆ ให้ตั้งโล่กันเพราะธนูที่ยิงใส่มันแรงจนทำเรากระเด็นตกเหวได้ ให้รีบวิ่งขึ้นไปแล้วไปจัดการนักธนูด้านขวาก่อนจะไม่โดนยิงรุม แล้วให้เดินเลาะกำแพงต่อไปจะพบประตูหมอกให้เข้าไปด้านใน
เข้าห้องทางซ้ายจะพบ Bon Fire ใช้พักฟื้นพลังได้ จากนั้นให้ออกมาและขึ้นบันไดตรงกลางแล้วเดินอ้อมกลับมาอีกฝั่งแล้วเข้าห้องทางซ้าย จัดการศัตรูในห้องจะพบบันไดขึ้นระเบียงด้านบน จะพบศัตรูอีก 2 ตัวให้จัดการแล้วลงบันไดทางซ้ายจะพบอัศวินเกราะหัวหอมให้เข้าไปคุย จากนั้นให้ย้อนกลับขึ้นไปที่ระเบียงและเข้าห้องตรงกลางลงบันไดมาแล้ววิ่งตรงขึ้นบันไดไปจะออกไปที่ห้องโถงกลางทางขวาจะพบประตูหมอกด้านในจะพบบอส แต่อย่าเพิ่งเข้าไปให้วิ่งอ้อมขึ้นไปทางซ้ายแล้วลงบันไดอีกฝั่งจะเป็นทางไปพบช่างตีเหล็กยักษ์สำหรับตีอาวุธให้กับเราได้ จากนั้นเมื่อพร้อมแล้วก็เตรียมลุยบอสได้เลย
บอส Dragon Slayer Ornstein และ Executioner Smough
การต่อสู้ครั้งนี้ค่อนข้างโหดเพราะเราต้องสู้กับบอสพร้อมกันทั้ง 2 ตัว โดย Ornstein จะมีท่ายิงสายฟ้าโจมตีจากระยะไกล และค่อนข้างไว ส่วน Smough จะใช้ค่อนไล่ทุบ ซึ่งถ้าเป็นสายเวทย์วิธีจัดการไม่ยากนัก ให้คอยหลบตามหลังเสาแล้วดักยิงทีละตัว แต่ถ้าเป็นสายประชิด ต้องรอให้มันแยกกันแล้วค่อยกลิ้งเข้าไปฟัน โดยการวิ่งอ้อมเสาดักฟันไปเรื่อยๆ และเมื่อจัดการตัวใดตัวหนึ่งได้ ตัวที่เหลือจะดึงพลังจากอีกตัวไปเพิ่มความสามารถและฟื้นพลังเต็ม แต่รูปแบบการโจมตีก็ไม่แตกต่างเดิมมากนัก และสู้ได้ง่ายขึ้นเพราะเหลือแค่ตัวเดียวแล้ว
เมื่อจัดการได้ให้ขึ้นลิฟต์ที่อยู่ด้านในห้องขึ้นมาชั้นบนแล้วเปิดประตูเข้าไปจะพบเทพ Gwynevere เธอจะมอบไอเทม Lordvessel และช่วยให้เราใช้ Bon Fire ในการวาร์ปไปสถานที่ต่างๆ ได้ จากนั้นให้ย้อนกลับออกมาตรงท้องพระโรงที่มีทหารยักษ์ 2 ตัวยืนเฝ้าอยู่ จะมีตัวหนังสือขึ้นมาบอกให้ใช้ไอเทม Black Eye Orb ให้กดใช้เราจะถูกดึงเข้าไปในโลกของฆาตกรที่ฆ่าสาวใบ้ ที่นั้นเราจะพบนักรบเกราะทองที่เราช่วยไว้ที่ Undead Purge และลูกสมุนมันอีก 2 ตัวให้จัดการพวกมันจะได้วิญญาณของสาวใบ้กลับมา และให้วาร์ปกลับไปที่ Firelink Shrine ลงมาคืนวิญญาณให้สาวใบ้ แล้ว Bon fire ที่นี่จะใช้งานได้อีกครั้ง จากนั้นให้วาร์ปไปที่ Chamber of the Princess แล้ววิ่งออกมาจากวิหารมาตรงแท่นหมุนให้ลงบันไดวนมาด้านล่าง แล้วเข้าห้องโถงทางขวาด้านในจะมีพวกศัตรูชุดชาวยืนคุมอยู่มากมายให้ฝ่าเข้าไปด้านในสุดจะพบรูปขนาดยักษ์ ถ้าเรามีไอเทม Peculiar Doll ให้กดสำรวจจะถูกดูดเข้าไปในรูป
Painted World of Aramias
ตรงเข้าไปจะพบ Bon Fire ให้ฟื้นพลัง เมื่อพร้อมแล้วตรงขึ้นไปจะพบประตูถูกล็อกอยู่ อ้อมไปทางขวาขึ้นมาด้านบนแล้วตรงเข้าไปด้านใน จากนั้นให้กระโดดลงมาด้านล่างเพื่อมาเปิดประตูที่ล็อกอยู่ จะทำให้เรากลับออกมาพักฟื้นพลังได้ง่ายขึ้น จากนั้นให้ย้อนกลับเข้าไปแล้วเดินชิดซ้ายขึ้นบันได เดินไปตามทางจะพบบันไดลงมาชั้นล่าง ให้เดินตรงไปจุดที่มีแสงสว่างส่องเข้ามา ตรงเสาใกล้ๆ แสงนั้นจะมีแท่นหมุนอยู่ ให้หมุนแล้วรูปปั้นตรงกลางซากวิหารจะหมุนไปเปิดประตูด้านใน ให้ตรงเข้าไปจะพบกับบอส
บอส Priscilla
เมื่อเริ่มต่อสู้เธอจะใช้เวทย์ล่องหน ให้เราถอยห่างออกมาจากสังเกตรอยเท้าตรงหิมะ จะมีรอยเท้าของเธอ ให้กะจังหวะฟันใส่เธอติดกัน 3–4 ครั้ง แล้วเธอจะเผยร่างออกมา เราต้องกะจังหวะพุ่งตัวเข้าไปฟัน หรือยิงเวทย์จากระยะ และถ้าฟันหางเธอขาดจะได้อาวุธดีๆ มาใช้ด้วย
เมื่อจัดการเธอได้แล้วให้เดินไปที่แท่นทื่ยื่นออกมาจากถูกวาร์ปออกมาจากรูปภาพได้
Darkroot Garden & Darkroot Basin
กลับมาที่ Bon Fire ใน Undead Parish แล้วตรงไปที่พบช่างตีเหล็ก ลงต่อไปจะพบปีศาจขาด้วน ให้จัดการมัน แล้วตรงออกมาจะพบทางออกมาที่ Darkroot Garden วิ่งตรงมาจนสุดจะพบประตูที่มีแสงสีขาว ถ้าเราซื้อตราสัญลักษณ์ Crest of Artorias ราคา 20,000 จากช่างตีเหล็กมาจะสามารถเปิดประตูนี้ได้และทุบกำแพงด้านขวาของประตูจะพบทางลับด้านในจะมี Bon Fire ให้พักอีกหนึ่งจุด
แต่ก่อนเปิดประตูเข้าไป ให้เราตรงเข้าไปที่แยกเล็กๆ ทางขวาตรงเข้าไปจะพบประตูหมอกกดผ่านเข้าไปวิ่งตัดผ่านป่าเข้าไปในซากปรักหักพังทางมุมขวาและขึ้นบันไดไปจะพบประตูหมอกเปิดเข้าไปจะพบบอส
บอส Moonlight Butterfly
บอสตัวนี้ไม่ยากมันจะบินไปบินมาและยิงพลังใส่ แต่สามารถกลิ้งหลบได้ง่ายๆ แล้วค่อยใช้ธนูหรือเวทย์ดักยิง แต่ถ้าเป็นสายประชิด ให้กลิ้งหลบสักพักมันจะเข้าไปมาเกาะดอกไม้ตรงสะพานให้รีบวิ่งไปกระหน่ำฟันก็จะจัดการได้ง่ายๆ
เมื่อจัดการบอสได้ให้ตรงเข้าไปที่หอคอยด้านในขึ้นไปชั้นบนสุดจะพบกุญแจ Wachtower Basement Key ใช้สำหรับเปิดประตูเข้าทางใต้ดินเข้า Undead Burg (ตรงที่มีอัศวิน Havel เฝ้าอยู่)
จากนั้นให้ย้อนกลับไปที่ประตูที่ต้องใช้ ตราสัญลักษณ์ Crest of Artorias เปิด เมื่อลงมาให้รีบวิ่งตรงไปฝั่งตรงข้ามตรงซากปรักหักพังจะมีแมว Alvina of the Darkroot Wood เข้าไปคุยและเข้ากลุ่มเธอจะทำให้นักรบไม่โจมตีใส่เรา แต่ถ้าเราเข้าไปโจมตีสัตว์ที่อยู่ในป่านี้พวกเขาจะรุมโจมตีเราทันที และให้ตรงเข้าไปต่อจนสุดทางจะพบประตูหมอกเข้าไปลานกว้างตรงกลางจะมีดาบยักษ์เข้าไปสำรวจจะพบบอส
บอส Sif, The Great Grey Wolf
บอสตัวนี้ค่อนข้างไวและโจมตีแรงมาก มีท่าโจมตีหลักอยู่ 3 แบบคือ กระโจนเข้ามาเอาดาบตวัดใส่ ซึ่งถ้าโดนเข้านี่เลือดลดฮวบแน่ๆ แต่ที่จริงมีวิธีสู้อยู่ คือ ให้พยายามตั้งโล่ไว้รับการโจมตีครับ จะโดนเบามากๆ ถ้าเป็นสายเวทย์ก็ให้ถอยดึงระยะห่างๆ และตั้งโล่ไว้ตลอด รอยิงสวนจากระยะไกลตอนมันตวัดดาบซ้ายขวา ส่วนถ้าเป็นสายประชิดให้พยายามกลิ้งเข้าไปใต้ท้องมันและดักฟันไปเรื่อยๆ ก็จะจัดการได้ไม่ยากครับ
เมื่อจัดการได้จะแหวน Covenant of Artorias สำหรับเข้าสู้บอสใน New Londo Ruins จากนั้นให้ย้อนกลับมาตรงที่เจอแมวแล้วให้เดินชิดขอบหน้าผามาเรื่อยๆ จะพบทางลงมาด้านล่าง ปีนลงบันไดไปจะพบทางเข้า Darkroot Basin และบอสไฮดร้า
บอส Hydra
บอสตัวนี้ต้องบอกว่ายากมากๆ สำหรับสายเวทย์ โดยมันจะมีการโจมตี 2 แบบ คือ ยิงกระสุนน้ำใส่ จากทั้ง 8 หัว และถ้าเข้าไปใกล้มันจะเอาหัวพุ่งเข้ามาฉก วิธีสู้คือให้รีบวิ่งเข้าไปใกล้ตัวมันที่สุด จะทำให้มันยิงกระสุนน้ำและใช้ท่าพุ่งลงมาฉกอย่างเดียว ให้เราตั้งโล่ป้องกันไว้พอมันพุ่งลงมาจกมันจะชะงัก จังหวะนี้ให้กระหน่ำฟัน เมื่อจัดการหัวทั้ง 8 ของมันได้หมดก็จะฆ่ามันได้
เมื่อจัดการได้แล้วให้เดินเลาะไปทางซ้ายของบ่อน้ำ จะพบคริสตัลสีทองจัดการมันให้ได้จะสามารถปลดคำสาป Dusk of Oolacile คุยกับเธอและเลือกตอบข้อแรกและเธอจะหายไป การจะพบเธออีกครั้งจะต้องเป็นมนุษย์และสำรวจสัญลักษณ์หน้าบึงเพื่อเรียกเธออกมา เข้าไปคุยเธอจะมีเวทย์ขายให้แก่เรา
Valley of Drake
ดันเจี้ยนนี้มีทางเข้าด้วยกัน 3 จุดด้วยกันคือ จาก Firelink Shrine ลงลิฟต์มาด้านล่างแล้วเปิดประตูด้านขวา, ออกมาจากทาง Blight Town และ เข้ามาจาก New Londo Ruins ที่นี่จะมีศัตรูเป็นพวกมังกรเฝ้าอยู่ ซึ่งค่อนข้างเก่งมาก และตรงกลางที่จะมีบอส Undead Dragon อยู่ แต่ถ้าโจมตีจากระยะไกลก็จะจัดการได้สบาย
New Londo Ruins
จากจุด Bonfire ใน Firelink Shrine ให้เดินลงบันไดแล้วลงลิฟต์มาด้านล่างจะเข้าสู่ New Lomdo Ruins แล้วข้ามสะพานไม้เข้าไปด้านในจะพบศัตรูเป็นที่ผี ซึ่งการโจมตีปกติจะไม่สามารถจัดการมัน วิธีจัดการคือต้องกดใช้ไอเทม Transient Curse (ดรอปจากผีในดันเจี้ยนนี้) จะติดสถานะโจมตีผีได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือทำให้ตัวเองติด Curse จากการโจมตีของ Basilisk ในดันเจี้ยน The Great Hallow หรือจะใช้อาวุธติดคำสาปอย่าง Jagged Ghost Blade ที่ดรอปจากศัตรูที่นี่ก็จะสามารถฆ่าได้เช่นกัน
จากนั้นเมื่อพร้อมแล้วให้ตรงเข้าไปฝ่าดงผี ตรงขึ้นชั้นบนจะมีบันไดลงมาด้านล่างจะพบประตูหมอก เปิดเข้าไปจะพบบันไดแขวน เตะมันลงมาจะใช้เป็นทางลัดเข้ามาที่ทางเข้าได้โดยไม่ต้องฝ่าพวกผีเข้ามาอีก ตรงไปต่อจะพบรูปปั้นที่แอ่งน้ำด้านใน จุดนี้จะมีพวกผีเยอะมาก ค่อยๆ ล่อผีออกมาจัดการทีละตัว เรียบร้อยแล้วเข้าห้องทางขวามือ ตรงเข้าไปในห้องที่มีซากกระดูก ไปที่ปล่องไฟจะพบบันได ขึ้นไปจะพบ Ingward เข้าไปคุยจะได้กุญแจ Key to the Seal และสามารถรักษาสถานะ Curse กับเขาได้ด้วย
ลงมาด้านล่างแล้วตรงไปตามทางต่อจะพบทางเดินไปหอคอยทางซ้าย ลงบันไดไปใช้กุญแจที่ได้มาเปิดประตูและดันแท่นหมุนด้านในเพื่อเปิดประตูน้ำให้ไหลออกไปด้านนอก จากนั้นลงลิฟต์มาด้านล่างที่จะมีอัศวินเฝ้าตามรายทาง ให้ระวังด้วย จากนั้นข้ามไปอีกฝั่ง ไปตามทางจะพบประตูหมอก เข้าไปและวิ่งไปออกฝั่งตรงข้ามเลี้ยวซ้ายวิ่งทะลุซากปรักหักพังจะพบประตูหมอกอีกบาน เข้าไปจะพบบันไดวนแต่ไม่ต้องลงไป ให้สวมแหวน Covenant of Artorias ที่ดรอปจากบอสหมาป่า Sif แล้วกระโดดลงไปตรงกลางเลย เราจะถูกวาร์ปเข้าไปที่ The Abyss และสู้กับบอส
บอส Four King
ที่นี่เราจะต้องสู้กับบอสอัศวินปีศาจ Four King ซึ่งในตอนแรกมีปรากฏออกมาแค่ร่างเดียวเท่านั้น ให้รีบตรงเข้าไปจัดการ มันจะมีท่าโจมตีอยู่ 4 แบบคือ ใช้ดาบตวัดฟัน 2 ครั้ง, ใช้ดาบทิ่ม, ยิงลูกพลังสีม่วง และดึงเราเข้าไปกอด รีบจัดการมันให้ไวเพราะมันจะแยกร่างออกมาเรื่อยๆ ซึ่งถ้ามันแยกออกมาเยอะพยายามล่อมันออกมาจัดการทีละตัว อย่าอยู่ในวงล้อม จะสามารถจัดการมันได้
เมื่อจัดการได้จะได้รับ Lord Soul Shard เป็นของตอบแทน พร้อมกับ Kingseeker Frampt และ Bonfire จะปรากฏออกมาให้เราเซฟ จากนั้นให้เข้าไปคุย เลือกตอบข้อ 2 (หรือถ้าตอบข้อแรก มันจะหายตัวไปอยู่ที่ Firelink Shrine) มันจะพาเราไปที่ Firelink Altar ให้เราไปสำรวจที่หน้าประตูและวาง Lordvessel จะทำให้บาเรียที่ปกคลุม Demon Ruin, The Duke’s Achieve และ Crystal Cave หายไป
The Duke’s Achieve
วาร์ปไปที่ Anor Londo แล้วให้ออกมาที่จุดเซฟและวิ่งตรงขึ้นไปออกทางขวา วิ่งขึ้นเนินไปจะพบบวิหารที่ตอนนี้บาเรียที่ขวางอยู่ได้หายไปแล้ว ตรงเข้าไปจะพบศัตรูเป็นหมูป่ายักษ์ 2 ตัว จัดการและตรงเข้าไปจะพบ Bonfire ให้ฟื้นพลัง จากนั้นให้ตรงเข้าไปสับสวิตช์ลิฟต์ขึ้นไปด้านบน จะอยู่ที่ห้องสมุด ให้จัดการศัตรู ขึ้นบันไดไปทางขวาและสับสวิตช์ขึ้นลิฟต์มาอีกชั้น ด้านบนจะเป็นห้องที่มีผลึกน้ำแข็งเกาะ ตรงเข้าไปจะพบประตูหมอกด้านในจะพบบอสมังกรน้ำแข็ง เราจะสู้มันไม่ได้และถูกมันฆ่าตาย เมื่อฟื้นขึ้นมาจะโผล่มาที่ห้องขัง ให้โจมตีใส่ยามหน้าห้องจะได้กุญแจ Archeive Tower Cell Key เมื่อเปิดออก ยามจะเปิดสัญญาณเตือนภัยส่งศัตรูออกมา ให้ลงไปด้านล่างและเปิดประตูห้องขังจะพบกุญแจ Archive Prison Extra Key ลงไปต่อจะพบห้องขัง ด้านในจะพบพ่อมด Logan ถูกขังอยู่ ยังไม่ต้องสนใจเพราะเรายังไม่มีกุญแจ
ขึ้นบันไดพาดที่อยู่ใกล้ๆ จัดการศัตรูด้านบนจะพบกุญแจ Archive Tower Giant Door Key และสับสวิตช์ดับเสียงแตรที่หอนดังอยู่ได้ จากนั้นปีนบันไดย้อนกลับขึ้นไปด้านบน ใช้กุญแจ Archive Tower Giant Door Key เปิดประตู ตรงขึ้นไปตามทางจะกลับมาที่ห้องสมุดอีกครั้ง ตรงไปทางซ้ายจะพบบันไดแขวน ข้ามไปอีกฝั่ง ตรงกลางสะพานจะมีสวิตช์ให้สับ สะพานจะหมุนขึ้นมาชั้นบน ขึ้นไปแล้วเลี้ยวซ้ายตรงไปที่บันไดแขวนอีกอัน กระโดดลงแล้วสับสวิตช์ตรงกลางบันไดอีกครั้ง จะทำให้เราข้ามไปฝั่งตรงข้ามแล้วเข้าจัดการตัวธนูและปีนบันไดลงมาด้านล่างสับสวิตช์อีกตัว ชั้นหนังสือจะเปิดออกมาให้เข้าไปและไปทางซ้ายจะพบ Bonfire อีกจุดให้ฟื้นพลัง แล้วย้อนกลับไปห้องที่ปีนบันไดลงมาอีกครั้ง ด้านในจะมีหีบสมบัติสำรวจอดูจะมีไอเทมและกุญแจ Archive Tower Giant Cell Key ไว้สำหรับช่วยพ่อมด Logan ที่ถูกขังอยู่ในคุกด้วย จากนั้นสับสวิตช์ที่อยู่ในห้องนี้จะพบทางลับลงมาที่ทุ่งกว้าง ตรงกลางจะพบโกเลมคริสตัลสีทอง จัดการมันได้จะช่วยนักรบหัวหอม Catatirina แล้วให้ไปทางซ้ายจะพบทางลง Crystal Cave
Crystal Cave
ลงมาตามทางจะพบผีเสื้อคริสตัลที่ฆ่าหรือไม่ฆ่ามันก็ได้ แต่ถ้าไม่ก็อย่าเข้าไปใกล้แล้วมันจะไม่เข้ามาโจมตี จากนั้นลงไปต่อจะพบทางขาด แต่เราจะสามารถเดินข้ามไปได้เพราะจะมีสะพานล่องหนอยู่ ค่อยๆ เดินข้าม โดยสังเกตจากเกร็ดหิมะที่ตกลงมาจะสามารถเดินข้ามไปได้ ลงมาด้านในสุดจะพบกับบอส
บอส Seath the Scaleless
วิธีจัดการ เริ่มต่อสู้ให้รีบวิ่งอ้อมไปด้านหลังบอสจะพบแท่งคริสตัล ฟันทำลายมันซะจะทำให้บอสไม่เป็นอมตะ จากนั้นให้วิ่งเข้าไปฟันด้านข้างก็จะไม่ถูกบอสโจมตี แต่ถ้าบอสพ่นน้ำแข็งติด Curse ออกมาให้กลิ้งหลบด้านข้างสลับซ้ายขวา โจมตีมันไปเรื่อยๆ เราจะไม่โดนน้ำแข็งเพราะหางของบอสจะกวาดทับน้ำแข็งจนแตกหมด ให้ใช้วิธีนี้จัดการมันเรื่อยๆ และถ้าสามารถตัดหางมันได้จะได้อาวุธดีๆ มาใช้ด้วย
เมื่อจัดการได้จะได้ Bequeathed Lord Soul Shard จากนั้นให้ย้อนกลับไปหาจะพ่อมด Logan ซื้อเวทย์จากเขาให้หมดและคุยกับเขาอีกครั้ง เขาจะโกรธและไล่เราให้ออกมาก่อนแล้วค่อยกลับไปหาเขาอีกครั้ง แต่เขาจะหายตัวไป ให้เราย้อนกลับไปห้องที่พบบอส Seath the Scaleless ในตอนแรกที่เราถูกฆ่า จะพบว่า Logan กลายเป็น Hallow ไปแล้ว จัดการซะจะได้เวทย์สุดท้ายของ Logan มาใช้ ในห้องนี้ยังมี Large Magic Ember สำหรับตีอาวุธให้เก็บด้วย
Catacomb
วาร์ปกลับมาที่ Firelink Shrine แล้วตรงไปที่สุสานและชิดซ้ายจะพบทางลง Catacomb ลงไปจะพบ Bonfire และแท่นหินอยู่ใกล้ๆ ให้ดันแล้วออกมา ไปทางซ้ายจะมีทางออกไปด้านนอก เลาะหน้าผาข้ามไปอีกฝั่งด้านในจะมีโครงกระดูกจำนวนมากต้องใช้อาวุธประเภท Divine ถึงจะฆ่ามันได้ และจะพบทางออกอีกด้าน ให้เลาะไปทางซ้ายจะพบแท่นหินอีกอัน ดันแท่นหินแล้วสะพานตรงกลางจะพลิกให้เดินข้ามไปได้ ลงไปด้านในจะพบแท่นหินอีกอันให้เข้าไปดันและเดินย้อนกลับขึ้นมาจะพบช่องหินทางซ้ายเปิดออกให้เข้าไปจะมีทางให้เลาะหน้าผามาทางซ้าย ปีนบันไดขึ้นไปจะพบแท่นหินอีกอันให้ดันแล้วสะพานหินที่มีหนามที่อยู่ด้านล่างจะหมุนเปลี่ยนเป็นทางให้เดินข้ามได้
จากนั้นลงบันไดและทุบกำแพงด้านข้างจะพบทางตรงเข้าไปจะพบ Bonfire ให้ฟื้นพลัง ออกไปข้ามสะพานจะพบประตูหมอก ตรงเข้าไป ลงมาด้านล่างจะพบทางเข้าสุสานยักษ์ ด้านในจะมีปีศาจขาด้วนเฝ้าอยู่ จัดการมันแล้วสำรวจโลงศพที่อยู่ใกล้ๆ จะมีโลงนึงที่มีฝาเปิดและยื่นออกมาให้กดสำรวจ เราจะเข้าไปนอนในโลงรอสักพักเราจะถูกดึงเข้าไปในถ้ำแห่งนึง ด้านในจะพบ Gravelord เราจะสามารถเข้ากลุ่มเขาได้ จากนั้นให้กลับไปสำรวจโลงศพ เราจะย้อนกลับไปที่เดิมได้ ย้อนออกมาจะพบช่องแตกในสุสาน ลงไปจจนถึงก้นเหวด้านล่างจะมีโครงกระดูกล้อลากคอยกลิ้งใส่ พยายามล่อมันออกมาจัดการและตรงเข้าไปด้านในจะพบประตูหมอกด้านในจะพบกับบอส
บอส Pinwheel
บอสตัวนี้จะแยกร่างและยิงไฟใส่เราจากรอบๆ ห้อง วิธีจัดการคือถ้าเล่นเป็นจอมเวทย์จะง่ายมากให้ใช้ เวทย์ Homing Soulmass และรีบวิ่งเข้าไปหาบอส มันจะโจมตีอัตโนมัติและแรงมาก กดใช้สัก 3 นัด บอสหลับสบาย แต่ถ้าเป็นสายบู๊ก็ยากหน่อย ให้เรารีบวิ่งไปโจมตีมัน พยายามอย่าอยู่ตรงกลางเพราะจะโดนร่างแยกมันรุมโจมตี ให้ตั้งโล่และไล่ฟันไปเรื่อยๆ แทนจะจัดการมันได้
เมื่อจัดการบอสจะได้ไอเทม Rite of Kindling สำหรับอัพเกรดกองไฟให้ใหญ่ขึ้นกว่าที่กำหนดได้ (เพิ่มจำนวน Estus Flask) จากนั้นให้ปีนบันไดตรงมุมห้องขึ้นด้านบนจะพบทางมืด ค่อยๆ เดินตามจุดที่มีแสงกะพริบจะเป็นทางเข้าสู่ Tomb of Giant
Tomb of Giant
ที่นี่จะมืดมาก ต้องสังเกตจากแสงไฟตรงพื้น ค่อยๆ เดินลงไปโดยระหว่างทางจะมีโครงกระดูกเฝ้าอยู่ ให้ระวังด้วย เมื่อลงมาจะพบอัศวิน Patches เข้าไปคุยและสำรวจแสงไฟ ซึ่งเราจะถูก Patches ถีบตกลงมาด้านล่าง สำรวจกองศพจะพบไอเทม Skull Lantern ให้ถือสองมือและกด L1 จะใช้ส่องไฟแทนไฟฉายได้ ที่ข้างล่างนี้เราจะพบนักบวช Rhea of Thorolund เมื่อตรงไปต่อจะพบทั้ง 2 จัดการแล้วย้อนกลับมาคุยกับ Rhea เราจะได้เวทย์ Replenish แล้วตรงเข้าไปจัดการศัตรูจะพบบันไดปีนขึ้นมาด้านบน แต่จะพบทางตัน แต่มันเป็นกำแพงหลอก ให้เราเดินเลาะมาทางขวาแทน ซึ่งจะพบ Patches อีกครั้ง เข้าไปคุยกับเขาและตอบ No จะได้ Twin Humanities และถ้าเรากลับไปที่ Firelink Shrine จะพบเขาที่นั่นและจะมีไอเทมขายให้กับเรา
ลองส่องไฟไปทางด้านซ้ายจะพบบันได ลงไปจะพบ Bon Fire ให้ฟื้นพลัง เมื่อพร้อมแล้วให้กลับขึ้นมาไปทางขวาของ Patches เข้าประตูหมอกและลงไปตามทางจะพบ Bon Fire อีกหนึ่งจุด ลงไปต่อจะพบบันไดลงมาด้านล่าง เดินเลาะหน้าผาลงมาจะพบช่องเขา ตรงเข้าไปด้านในจะพบโครงกระดูก จัดการแล้วตรงไปต่อจะพบจอมเวทย์และกระดูกเด็ก ตรงเข้าไปด้านในจะพบประตูหมอกเข้าไปจะพบบอส
บอส Gravelord Nito
บอสตัวนี้ต้องบอกว่าหินสุดๆ เพราะมันจะเรียกพวกโครงกระดูกออกมารุมโจมตีเราด้วย วิธีจัดการคือ ให้รีบวิ่งเข้าไปหามันให้เร็วที่สุด กระหน่ำฟันมันซะ (ถ้าเป็นสายเวทย์รีบตรงเข้าไปล็อกเป้ามันไว้ก่อน) และถ้าบอสโจมตีให้ตั้งโล่ป้องกัน มันจะโจมตีเราพร้อมกับกวาดพวกกระดูกที่อยู่รอบมันออกไปด้วย ทำให้เราไม่ต้องกลัวโดนรุม ให้ใช้วิธีนี้วิ่งวนรอบตัวมันและกระหน่ำโจมตีไปเรื่อยๆ ก็จะจัดการมันได้
เมื่อจัดการได้จะได้รับ Lord Soul และจะมี Bon Fire ปรากฏขึ้นมาให้วาร์ปออกมาไปข้างนอกได้
Demon Ruins
วาร์ปไปที่ Daughter of Chaos และเข้าช่องทางขวาจะพบทางเข้า Demon Ruins ให้ลงไปทางขวาจะพบประตูหมอกตรงไปจะพบบอส
บอส Ceaseless Discharge
บอสตัวนี้จะขนาดใหญ่มาก วิธีจัดการคือเข้าไปใกล้แล้วมันจะฟาดหนวดใส่ หลบง่ายๆ แต่ต้องกะจังหวะแล้วกลิ้งหลบ พอมันฟาดมามันจะหยุดนิ่งสักพัก เปิดโอกาสให้กระหน่ำฟันและยัดเวทย์ใส่ก็จะจัดการมันได้ง่ายๆ
เมื่อจัดการได้ ลาวาที่อยู่ด้านล่างจะลดลง ลงมาด้านล่าง เดินชิดขวาจะพบทางเข้าวิหารตรงเข้าไปด้านในและลงไปด้านล่างจะพบ Bon Fire ให้กดเซฟ ตรงไปต่อจะพบประตูหมอกเปิดเข้าไปจะพบกับบอส
บอส Demon Firesage ///h3///
บอสตัวนี้จะเหมือนบอสที่เจอ Undead Asylum รอบ 2 เพียงแต่มันจะเลือดเยอะและโจมตีแรงกว่าเดิมให้ใช้วิธีเดิมจัดการก็จะสามารถฆ่าได้สบายๆ
เมื่อจัดการได้แล้วให้ตรงเข้าไปด้านในและลงบันไดมาด้านล่างจะพบ Bonfire ให้ฟื้นพลัง เมื่อพร้อมแล้วให้ลงไปต่อจะพบบอสอีกตัว
บอส Centipede Demon
รูปแบบการโจมตีมันจะคล้ายกับบอส Ceaseless Discharge ยื่นแขนออกมาโจมตี กลิ้งหลบ ฟันหรือระดมยิงเวทย์ใส่ก็จะจัดการได้ง่ายๆ
เมื่อจัดการได้แล้วจะได้แหวน Orange Charred Ring ที่ช่วยลดดาเมจเมื่อเดินบนลาวาได้ ให้สวมซะแล้วเดินเลาะไปทางซ้ายจะพบ Bon Fire และทางเข้า Lost Izalith
Lost Izalith
วิ่งเลาะกิ่งไม้ทางซ้ายเข้าไปด้านในจะพบฝูงโครงกระดูกยักษ์ ล่อออกมาจัดการทีละตัว หรือใช้ธนูดักยิงจากระยะไกลจะปลอดภัยกว่า จากนั้นให้วิ่งฝ่าลาวาไปที่แท่นหินทางด้านขวาแท่นที่ 2 ตรงกลางจะมี Bon Fire ให้ฟื้นพลัง (ให้ทุบกำแพงจะพบทางลับเข้าไปด้านใน) เมื่อพร้อมแล้วให้วิ่งตรงจากจุด Bon Fire จะมีช่องคล้ายปล่อง ตรงเข้าไปแล้ววิ่งเลาะขึ้นกิ่งไม้จะเป็นทางเข้าด้านในจะพบกลุ่มรูปปั้น วิ่งฝ่าเข้าไปขึ้นบันไดไปจะพบศัตรูนักเวทย์ จัดการมันและตรงไปต่อจะพบประตูหมอกเข้าไปจะพบกับบอส
บอส Bed of Chaos
บอสตัวนี้ง่ายที่สุดในเกมแล้ว ก่อนอื่นเมื่อลงจะเห็นบาเรียกางอยู่ด้านซ้ายและขวาของตัวบอส วิ่งและกลิ้งเข้าไปฟัน บาเรียจะหายไป แล้ววิ่งไปทำลายอีกด้าน เมื่อทำลายครบทั้ง 2 ด้านให้วิ่งไปตรงใจกลางมันจะทุบพื้นจนถล่ม ให้วิ่งลงไปตรงกิ่งไม้จะสามารถเข้าไปใจกลางของมันได้ และเราจะพบตัวอ่อนบอสอยู่ด้านใน ทุบใส่มันหนึ่งทีก็จะจัดการบอสตัวนี้ได้
เมื่อจัดการได้จะได้ Lord Soul เป็นของตอบแทนและมี Bonfire ปรากฏขึ้นมาให้เซฟและวาร์ปออกจากที่นี่ได้
Firelink Altar
กลับมาคุยกับ Kingseeker Frampt เพื่อให้มันมาส่งที่ Firelink Altar ไปสำรวจกองไฟที่หน้าประตูแล้วเลือก Offer Souls of Lordvessel แล้วประตูจะเปิดให้เราเข้าไปในดันเจี้ยนสุดท้ายได้ ตรงเข้าไปด้านในฝ่าพวกอัศวินที่ยืนเฝ้าอยู่ตามจุดต่างๆ เข้าไปด่านในสุดจะพบบอสตัวสุดท้ายของเกมนี้
บอส Gwyn, Lord of Cinder
บอสตัวสุดท้ายเป็นอัศวินถือดาบเพลิง มีท่าโจมตีที่รุนแรงและว่องไวมาก ท่าโจมตีหลักคือ กระโดดเข้ามาฟัน, ตวัดดาบ 2 ครั้ง, ฟันรัว 4 ครั้ง, เตะ, พุ่งเข้ามาจับและระเบิดพลัง ซึ่งทุกการเคลื่อนไหวของบอส ถ้าตั้งรับพลาดมีโอกาสดับได้ภายในครั้งเดียว วิธีจัดการคือให้กลิ้งหลบการโจมตีของบอสครั้งแรกแล้วรีบวิ่งมาที่เสาหินทางด้านขวา ตรงจุดนี้ให้คอยวิ่งวนรอบเสา รอให้บอสโจมตีและมันจะหยุดนิ่งสักพักแล้วให้เรารีบเข้าไปฟันหรือยิงเวทย์ใส่มันและรีบถอยออกมาทันที ใช้วิธีนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะจัดการบอสตัวนี้ได้ เกมนี้มีฉากจบให้เลือก 2 แบบ คือ สำรวจ Bonfire หลังจากบอสตาย หรือ หาทางหนีออกจากที่นี่ ชอบจบแบบไหนก็เลือกได้เลยครับ ^^
….The End ….