รีวิวเกม: Dishonored
แพลตฟอร์ม: PC, PS3, Xbox 360
แนวเกม: Action Adventure
ผู้พัฒนา: Arkane
ผู้จัดจำหน่าย: Bethesda Softworks
เรต: 18 ปีขึ้นไป
เหตุที่เกมแนวลอบเร้นที่ดีนั้นมีไม่มากก็คงเพราะขั้นตอนการผลิตที่ซับซ้อนกว่าเกมแนวบู๊สะบั้นอยู่หลายชั้น กลไกลอบเร้นในระยะสายตาของ AI ที่ต้องพอเหมาะไม่ตาดีตาถั่วเกินไป ที่ดูจะหนักหนาสาหัสที่สุดคงเป็นการออกแบบฉากต้องซับซ้อนหลากหลายไม่ใช่แค่โรยกำบังลงไปแบบที่เกมยิงเป็น
สุดท้ายเกมแนวลอบเร้นมักจบลงที่การลดความสามารถในการต่อสู้ซึ่งหน้าของเราลงอย่าง Hitman หรือ Metal Gear เมื่อเผลอกลืนน้ำลายดังเกินไปจนศัตรูจับได้ก็เป็นอันโดนรุมกระทืบอย่างน่าอเนจอนาถต้องโหลดเซฟซ้ำแล้วซ้ำเล่าเนื่องจากนักฆ่าระดับตำนานของเรานี้มีความสามารถในการปะทะซึ่งหน้าต่ำกว่ายามที่ควงกะมา 2 คืนซะอีก หากทั้งหมดนั้นเป็นปัญหาของผู้ผลิตเกมลอบเร้นก็ต้องนับว่า Arkane Studios ได้รังสรรค์ Dishonored ออกมาได้อย่างน่าสนใจทีเดียว
คุณสวมบทบาทเป็นนักฆ่าบ้าหอบฟางในมุมมอง FPS ผู้เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ หน้ากากกล ปืน หน้าไม้ กับดัก ระเบิดมือ ยาสลบ หากที่แบกไปนี่ยังไม่พอคุณยังมีสารพัดเวทมนตร์อย่าง เทเลพอร์ท หยุดเวลา ดวงตาเอ็กซเรย์ สิงน้องหมา เสกหนูมากินตับ โดยทั้งหมดสามารถสลับใช้งานได้สะดวกในภารกิจกอบกู้ราชวงศ์ดันวอลจากขุนนางขี้ฉ้อนี้ เกมเพลย์จึงออกแนวๆ BioShock ผสม Hitman ที่เปิดโอกาสให้คุณสามารถเลือกเล่นแบบหลบๆ ซ่อนๆ เทเลพอร์ทไปตามกำบัง สิงหมูหมากาไก่ ย่องล็อกคอลากศพไปให้หนูแทะ หรือจะปะฉะดะต่อหน้าอย่างการเทเลพอร์ทไปเสียบไหปลาร้ายามที่ดันเห็นคุณเข้า แล้วหยุดเวลายิงหน้าไม้ใส่กกหูยามอีก 2 บนหอคอยก็ยังไหว
ลีลากระซวกตับสับกระเดือกเหล่านี้นี่แหละครับที่เป็นตัวชูโรงของเกม Dishonored ยังสนับสนุนเทศกาลกินเจเปิดโอกาสให้คุณไม่ฆ่าใครเลยตั้งแต่ต้นจนจบก็ยังได้ ด้วยระบบการต่อสู้ถึงน้ำถึงเนื้อนี้เองต่อให้ศัตรูจะรู้ตัวก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องโหลดเซฟเสมอไป การต่อสู้ประชิดหรือหลบหนีเพื่อเอาตัวรอดเมื่อถูกจับได้ก็ถือเป็นความสนุกอีกรูปแบบที่เราไม่มีโอกาสได้สัมผัสนักในเกมลอบเร้น โดยแนวการเล่นของคุณจะส่งผลกระทบกับโลกในเวลาต่อมา การฆ่าไม่เลือกหน้าส่งผลให้มีศัตรูมากขึ้นในภายหลังและฉากจบอันดำมืด
การออกแบบฉากก็เป็นอีกส่วนที่น่าปรบมือให้ครับ แต่ละฉากหรือมิชชั่นจะเป็นลักษณะมินิโอเพ่นเวิลด์ให้คุณมีอิสระในการเลือกเส้นทางที่คุณจะไปยังเป้าหมาย จะปีนหลังคา มุดท่อ สิงหมาวิ่งผ่านไปทั้งโง่ๆ อย่างงั้น เกมฝังข้อมูลไว้ในฉากมากพอผ่านการพูดคุยกันเองของ NPC และสมุดบันทึกตามรายทาง ทำให้คุณสามารถเลือกปิดศรชี้ภารกิจทั้งหมดแล้วคลำทางเอาเอง ควบคู่ไปกับอุปกรณ์พิเศษที่ผมชอบมากอย่างหัวใจแห่งสรรพชีวิต
เมื่อคุณชี้มันไปที่ใครมันจะบอกความลับของคนคนนั้นออกมา ภายใต้ความจริงที่ว่าคนทุกคนมีความลับไม่เว้นแม้กระทั่ง NPC ที่ดูแสนดีอย่างนักวิทยาศาสตร์ที่ดูน่านับถือผู้นี้มักแอบดูสาวใช้อาบน้ำอยู่บ่อยๆ หญิงสาวที่ดูปกติดีคนนี้กลับคิดฆ่าตัวตายอยู่ทุกวัน โจรที่ฆ่าคนได้อย่างไม่ลังเลกลับแวะให้อาหารหมาข้างถนนทุกเย็น จุดนี้เต็มความเป็นคนให้กับ NPC บอกใบ้เส้นทางให้กับผู้เล่น รวมถึงทำให้เนื้อเรื่องดูน่าสนใจยิ่งขึ้นท่ามกลางพล็อตศึกชิงบรรลังก์จักรๆ วงศ์ๆ ที่เรารู้ๆ กันอยู่แล้ว
สำหรับกราฟิกบนคอนโซลทำให้ผมค่อนข้างผิดหวังครับ เกมพยายามให้ออกมาในแนวประมาณนาซีผสมสตีมพั๊งค์ด้วยโทนภาพเพนท์ติ้ง เสียดายที่เท็กซ์เจอร์มันเจือจางเหลือเกินจนดูเป็นเกมที่มีกราฟิกหยาบซะมากกว่า แล้วผมก็ไม่นับการเอารอกเหล็กมาสักแต่แปะไว้ในฉากให้ทั่วโดยไม่มีเหตุผลว่าสตีมพั๊งค์ด้วยครับ ตบด้วยสิ่งไม่น่าพิสมัยยิบย่อยอย่างพฤติกรรมผิดวิสัยของ NPC รั้วไฟฟ้าดับไปเห็นๆ ก็ยังไม่มียามใส่ใจเดินมาดู
ชาวบ้านที่เห็นเราฆ่าคนแล้วก็ยังนั่งตัวสั่นอยู่อย่างงั้น ศพหายทั้งที่เป็นการซ่อนศพเป็นส่วนสำคัญของเกมเพลย์ พฤติกรรมในชีวิตประจำวันของ NPC ที่ไม่ใช่ศัตรูนั้นน้อยกว่าที่ควร อย่างสาวขายบริการก็ยืนแต่งหน้าอยู่ที่เดิมตั้งแต่เริ่ม แขกเหรื่อในงานเลี้ยงก็เดินไปเดินมาอยู่อย่างนั้นแหละ ไม่ได้มีบทบาทอันแตกต่างจนเราสามารถใช้ให้เป็นประโยชน์กับเกมเพลย์ได้เหมือนที่ Hitman เคยทำไว้ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี Dishonored ถือเป็นเกมที่ไม่ควรพลาดเกมหนึ่งครับ จริงๆ แล้วมันสามารถไปได้ไกลกว่านี้หากทำเป็น Full Open World แบบอาซาสิ้นคิดซะเลย รวมถึงใส่ใจกับกราฟิกให้มากขึ้นและเติมเหตุและผลให้กับ NPC อีกสักหน่อย ยังดีที่เกมได้ระบบการต่อสู้อันดุเดือดพามาไกลได้ขนาดนี้ การทำเกมลอบเร้นชั้นเลิศก็เรื่องเยอะเหมือนทำซูชิล่ะครับ ไม่ใช่จะเอาปลาซิวปลาสร้อยที่ไหนก็ได้มาแปะข้าวแล้วขายคำละ 5 บาทเหมือนบรรดาซีรีส์ลอบเร้นมากมายที่ถูกลืมไปแล้วในช่วงที่คอนโซลเจนนี้เปิดตัวใหม่ๆ
คะแนน 8.5/10
รีวิวโดย 9th TEARDROP