รวมสาเหตุที่ทำให้คุณเปิดบทสรุป ขณะเล่นเกม RPG

แชร์เรื่องนี้:
รวมสาเหตุที่ทำให้คุณเปิดบทสรุป ขณะเล่นเกม RPG

 

เกม RPG หรือเกมภาษาที่เกมเมอร์รุ่นเก๋าเรียกกันจนติดปากนั้น ฮิตเล่นกันมาตั้งแต่โบราณสมัยยังอ่านภาษาญี่ปุ่นกันไม่ออก ต้องงมคันจิ ฮาราคานะ คาตาคานะกันไปเรื่อย จนกระทั่งแสงแห่งความหวังได้สาดส่องลงมาถึงหัวอันเกรียนโล่งของชาวเราให้ได้พบทางสว่างในการเล่นเกมภาษาผ่านโดยไม่ต้องงม ซึ่งไอเทมชิ้นนั้นเรียกว่า “หนังสือบทสรุป” ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงความทรงจำสีจางๆ เกี่ยวกับบทสรุปกันว่า “เมื่อไหร่จะถึงจุดที่เราต้องเปิดบทสรุปเกมเพื่อให้เล่นผ่าน”
 
สาเหตุที่ 1 : เมื่อคุณเล่นภาษาญี่ปุ่น
อ่านไม่ออกแล้วจะรู้ได้ไงว่าควรไปที่ไหนต่อ ต่อให้คุณเดินคุยกับ NPC ทั่วทั้งเมืองครบทุกตัว รวมถึงลองตอบ Yes No OK. Thank You จนครบก็ยังออกจากเมืองแรกไม่ได้เพราะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่เข้าใจ เมื่อเจออะไรที่เหนือกว่าสัญชาติญาณสุดท้ายคุณก็ต้องเสียเงินซื้อบทสรุปจนได้
 
สาเหตุที่ 2 : เมื่อคุณได้พาหนะเช่น เรือ หรือเรือเหาะ
ในตอนแรกคุณก็ไม่จำเป็นจำต้องเปิดบทสรุปดูหรอกครับว่าเกมภาษาจะเล่นยังไงให้ผ่าน เพราะช่วงแรกๆ นั้นเนื้อเรื่องจะดำเนินเป็นเส้นตรง มีเมืองอยู่ไม่กี่เมืองให้คุณได้เดินทางไป แต่เมื่อใดที่คุณได้เรือ หรือเรือเหาะนั่นหมายความว่าคุณสามารถเดินทางไปในโลกที่กว้างขึ้น เมืองที่เพิ่มขึ้น ดันเจี้ยน, ถ้ำ, รู และหลืบอีกเพียบ นั่นหมายถึงเวลาที่คุณจะเปิดบทสรุปว่าเป้าหมายต่อไปควรจะไปที่ไหนดี
 
สาเหตุที่ 3 : ไอเทมชิ้นนี้เอาไว้ทำอะไรฟะ?
เวลาเล่นภาคภาษาญี่ปุ่นแล้วคุณเกิดคำถามคาใจว่าไอเทมชิ้นนี้มันเอาไว้ทำอะไร จะลองใช้ก็เห็นเป็นแสงแว่บๆ ขึ้นมาไม่เห็นมีผลบ้าอะไรซักอย่างหรือลองให้ตัวละครกินปุ๊บ! อ้าวตายห่าซะงั้น..  ในที่สุดก็ต้องเปิดบทสรุปที่มีลิสต์ไอเทมบอกว่าไอเทมชิ้นนี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง บางทีคุณอาจจะได้ดาบในตำนานมาตั้งแต่กลางเกมแต่ไม่รู้ตัวก็เป็นได้
 
สาเหตุที่ 4 : เมื่อคุณหาทางลับไม่เจอ
ดันเจี้ยนบางเกมถ้าเจอแล้วต้องบอกว่านี่แกสร้างมาเพื่อให้อยู่อาศัยจริงหรือ อย่างเช่นเกม Castle Vania ที่ไม่รู้ว่าปราสาทแดร็กคูล่าพี่แกจ้างวิศวะกรมาจากไหนถึงได้สร้างห้องให้พรึ่บพรั่บได้ขนาดนั้น ต่อให้เจอทางลับแล้วก็ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนผ่านดี ต้องพังทางมั้ย หรือต้องแปลงร่างเป็นควันแล้วผ่านไป หรือให้สไลด์ว่ายท่าผีเสื้อถึงจะผ่าน และเมื่อดันเจี้ยนมันบัดซบขนาดนี้มีทางเดียวครับ ต้องเปิดบทสรุป!
 
สาเหตุที่ 5 : ฆ่าบอสเท่าไหร่มันก็ไม่ตายซะที
บอสบางตัวก็ต้องมีการฆ่าด้วยวิธีเฉพาะ เช่น ยืนฟันอยู่ครึ่งคืนบอสไม่ยอมตายซะที จะว่าบอสเลือดเยอะก็ไม่ใช่เพราะเราใช้สูตรฟันทีละ 9,999 แล้วนั่งฟันอยู่ 3 ชั่วโมงบอสไม่ยอมตาย บ้ารึเปล่า! แบบนี้ตาสีตาสาเค้าจะเล่นเกมนี้ผ่านได้ยังไงขนาดตูโกงยังไม่ชนะ พอพลิกบทสรุปดูบทสรุปบอกว่า “ให้คุณถอดดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ออก แล้วสวมไม้จิ้มฟันแทน เท่านี้ก็จะปราบบอสลงได้” เท่านั้นแหละจบเลย
 
สาเหตุที่ 6 : ต้องการเคลียร์เกมแบบ 100%
เป็นเรื่องที่มีอยู่จริงบนโลกครับ กับเหล่านักเล่นเกมที่ชื่นชอบความสมบูรณ์แบบ โดยพวกเขาเหล่านี้เวลาเล่นอะไรก็แล้วแต่จะต้องมีของให้ครบทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นมนต์อสูร, อาวุธในตำนาน, ชุดพิเศษ ซึ่งของเหล่านี้มันใช่ว่าจะมาปักบนหินโง่ๆ ให้ดึงได้ซะเมื่อไหร่ กว่าจะได้มาแต่ละชิ้นนี่เลือดตาแทบกระเด็น แถมดรอปจากศัตรูที่คาดไม่ถึงในเกาะเล็กๆ ที่เราเห็นเป็นจุดอยู่บนแผนที่ แถมขับเรือเหาะผ่านไม่รู้กี่รอบเท่านั้นอีกด้วย หากหวังจะเก็บ Rare เหล่านี้ให้ครบก็ต้องพึ่งบทสรุปกันล่ะครับ
 
สาเหตุที่ 7 : เพราะคุณไม่อ่านบทสนทนาของตัว NPC
เหตุผลสุดท้ายนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มชนผู้รักสบายเล่นเกมอะไรก็ไม่ผ่าน ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเกม RPG เท่านั้น เกม Online แนว MMORPG ก็เจอเหมือนกัน กับคำถามยอดฮิต “พี่ๆ เควสต์นี้ผ่านยังไง” ทั้งๆ ที่เกมทุกเกมออกแบบมาให้เล่นได้โดยไม่ต้องใช้บทสรุปอยู่แล้วถ้าคุณแปลภาษาในเกมได้เข้าใจ เช่น NPC บอกว่า “ให้เดินขึ้นเหนือ ไปยังถ้ำน้ำแข็ง ข้างในจะมีบอสหมีกรีซลี่ย์อยู่ ถ่าท่านเห็นหมีแล้วให้ใช้เวทย์น้ำชำระล้างหมีให้สะอาดก็จะปราบมันได้” แต่เด็กไทยติดนิสัยกดรัว แกพูดอะไรตูไม่สน ตูนับแค่บรรทัดเท่านั้น “อ๋อ ไอ้โล้นนี่พูดสองบรรทัด แต่ไอ้แก่ข้างๆ ทำไมพูด 8 บรรทัดวะ ยาวจังขี้เกียจอ่าน” นี่ล่ะครับคือกลุ่มเป้าหมายที่ขายบทสรุปได้ดีที่สุด
 
สาเหตุหลักๆ ที่เราเปิดบทสรุปก็มีประมาณนี้ แหละผมเชื่อว่าหลายคนยังพอจะจำความรู้สึกที่เรานั่งอยู่หน้าจอทีวีแล้วมีหนังสือบทสรุปวางบนตัก แม้ตอนนี้จะมี Internet แล้วเราจำเป็นจะต้องใช้บทสรุปน้อยลงเหลือไว้แต่ความทรงจำสีจางๆ ในวันเก่าๆ แล้วล่ะครับ
แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ