รู้ลึก ล้วงลึก การเลือกใช้ Rune แบบจัดเต็มใน League of Legends

แชร์เรื่องนี้:
รู้ลึก ล้วงลึก การเลือกใช้ Rune แบบจัดเต็มใน League of Legends

การเลือกใช้ Rune แบบจัดเต็มใน League of Legends 

ระบบ Rune ในเกม League of Legend เป็นระบบที่เสริมความสามารถให้กับแชมป์เปี้ยนในเกมได้ในระดับหนึ่ง โดยการซื้อผลึก Rune จากร้านค้า ด้วยค่า IP ซึ่งสามารถหาได้จากการเล่นเกมทั่วๆ ไป มาใส่ในช่องสำหรับใส่ Rune โดยเมื่อ Summoner เราเลเวล 30 แล้ว จะมีช่องสำหรับใส่ Rune ทั้งหมด 30 ช่อง โดยแบ่งเป็นส่วนต่างๆ ดังนี้

Mark 9 ช่อง     Seal 9 ช่อง     Glyphs 9 ช่อง     Quintessences 3 ช่อง

ประเภทของ Rune

สำหรับผู้เล่นใหม่นั้นอาจจะสงสัยว่า "Rune ไหนทำอะไรได้?", "ทำไมต้องแบ่ง Rune เป็นสีต่างๆ?", "ควรจะเลือกใช้ Rune ไหนดี?" วันนี้ผมมีคำตอบมาให้เพื่อนๆ กันครับ
จากช่วงต้นบทความ เพื่อนๆ จะเห็นว่า Rune มีทั้งหมด 4 ประเภท โดยแต่ละประเภทก็มีความสามารถแตกต่างกันไปดังนี้

เป็น Rune ประเภทเสริมการโจมตีทั้งหลาย โดยจะเน้นการโจมตีทะลุเกราะกายภาพและเวทมนตร์, เพิ่มความเร็วการโจมตี, เพิ่มความสามารถในการโจมตีแบบ Critical และเพิ่มพลังโจมตีพื้นฐานด้วย

เป็น Rune ประเภทเสริมตวามสามารถทางการป้องกัน, พลังชีวิต และอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตกับมานา

เป็น Rune ที่เสริมความสามารถทางด้านพลังเวทมนตร์, ค่าพลังมานา, ลดเวลาคูลดาวน์, และพลังป้องกันเวทมนตร์

เป็น Rune ที่เสริมความสามารถโดยรวมในระดับที่สูงมาก นอกจากนี้ยังมีความสามารถอื่นๆ ที่ Rune ชนิดต่างๆ ไม่มี เช่นเพิ่มค่าประสบการณ์, เพิ่มเงิน, ลดเวลาตาย เป็นต้น

วิธีเลือกใช้ Rune

การเลือกใช้ Rune แต่ละครั้ง นอกจากต้องเลือกให้เข้ากับความสามารถของแชมป์เปี้ยนที่จะใช้เล่นในเกมนั้นๆ แล้ว ยังต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบต่างๆ ของ Rune ด้วยดังนี้ครับ

Rune หลัก / Rune รอง
เพื่อนๆ เคยสงสัยไหมว่า ทำไมเวลาเรานำเมาส์ไปชี้ที่ Rune ในหน้าต่าง Rune แล้วจะพบว่ามีกรอบข้อความขึ้นมาบอกความสามารถของ Rune พร้อมทั้งข้อความเล็กๆ ที่บริเวณขวาบนของกรอบข้อความนั้นว่า Rune หลัก / Rune รอง ซึ่งจะมีความแตกต่างกันทางในด้านของค่าความสามารถที่เสริมเข้ามาครับ เป็นที่แน่นอนว่า Rune หลัก จะเพิ่มความสามารถใ้ห้เยอะกว่า Rune รองอยู่แล้ว ตามตัวอย่างดังนี้ครับ (คลิกรูปด้านล่างเพื่อขยายได้นะครับ)

 

 

สำหรับผู้เล่นใหม่นั้นอาจจะรู้สึกลำบากใจในการเลือกใช้ Rune เพราะ้ด้วยเหตุผลหลายๆ ประการ เช่นยังไม่มีแชมป์เปี้ยนหลักที่เล่นประจำ หรือกลัวมีค่า IP ไม่พอใช้ซื้อ Champion และอยากซื้อ Rune Set ที่ประหยัดที่สุด โดยสามารถใช้กับ Champion ได้หลายๆ ตัว วันนี้ผมจะมาแนะนำ Set Rune ที่ดีและใช้ได้กับแชมป์เปี้ยนได้หลายตัว มาให้เพื่อนๆ ได้ลองดูกันนะครับ

 เป็น Rune ที่ทำให้สามารถโจมตีทะลุเกราะป้องกันทางกายภาพ หรือทางเวทย์ได้ โดยขึ้นอยู่กับว่า เพื่อนๆ เ่ล่นแชมป์เปี้ยนสายกายภาพ หรือเวทย์เป็นหลักครับ และแม้แต่ตัว Tank หรือ Support ก็สามารถใส่ได้เช่นกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องใส่เฉพาะ Carry เสมอไป แถมยังมีโอกาสฆ่าได้อีกด้วย   (เซ็ตละ 3690IP)

 Rune นี้จัดว่าเป็น Rune ที่ดีที่สุดสำหรับ Seal เลยก็ว่าได้ครับ เพราะมันสามารถเพิ่มพลังป้องกันได้สูงมาก เหมาะสำหรับแชมป์เปี้ยนทุกเพศ ทุกเผ่าพันธุ์และทุกสายการเล่นครับ Tank ทีุ่ถึกอยู่แล้วก็จะถึกยิ่งขึ้นไปอีก หรือแม้แต่ Carry ตัวบางๆ Rune นี้ก็จะทำให้เพื่อนๆ ตายได้ยากขึ้นในช่วงต้นเกมครับ  (เซ็ตละ 1845IP)

จัดว่าเป็น Rune ที่ช่วยให้ผู้เล่นมีพลังป้องกันทางเวทย์ฺเอาไว้สำหรับรองรับพลังเวทย์จากแชมป์เปี้ยนตัวอื่นๆ มากยิ่งขึ้น ทำให้ตายยากขึ้นอีกเช่นกันครับ   (เซ็ตละ 1845IP)

 

สรุป : สังเกตได้ว่า Rune ที่ผมแนะนำสำหรับผู้เล่นใหม่นั้น เป็น Rune ที่เ้น้นการป้องกันตัวเองเป็นหลัก ซึ่งสามารถใช้ได้กับแชมป์เปี้ยนทุกตัว เว้นเสียแต่ Rune โจมตี อาจจะเปลี่ยนไปตามสายการเล่นของตัวเองครับ

 ตัวอย่างการเซ็ต Rune (โดยรวม) สำหรับการเล่นในสายต่างๆ

สาย AP Carry
Mark :
โจมตีทะลุพลังป้องกันเวทย์                  Seal : เพิ่มอัตราฟื้นฟูพลังมานาต่อเลเวล
Glyphs : เพิ่มพลังเวทย์ต่อเลเวล                       Quintessences : เพิ่มพลัง AP

สาย Support
Mark :
พลังป้องกันทางกายภาพ | โจมตีทะลุเกราะกายภาพ | โจมตีทะลุเกราะเวทย์ (ขึ้นอยู่กับรูปแบบการโจมตีของแชมป์เปี้ยนที่เล่น)
Seal : อัตราฟื้นพลังมานา | อัตราฟื้นพลังมานาต่อเลเวล | พลังป้องกันกายภาพ
Glyphs : อัตราการฟื้นฟูมานาต่อเลเวล | ลดคูลดาวน์ | พลังป้องกันเวทย์ต่อเลเวล
Quintessences : เพิ่มเงินที่ได้รับใน 10 วินาที | เพิ่มพลังชีวิต

สาย AD Carry
Mark : โจมตีทะลุเกราะกายภาพ                                                   Seal : พลังป้องกัน | พลังชีวิตต่อเลเวล
Glyphs : อัตราฟื้นฟูมานาต่อเลเวล | พลังป้องกันเวทย์ต่อเลเวล     Quintessences : พลังโจมตี

สาย Tanker
Mark : โจมตีทะลุพลังป้องกันทางกายภาพ | โจมตีทะลุพลังป้องกันเวทย์ (ขึ้นอยู่กับรูปแบบการโจมตีของแชมป์เปี้ยนที่เล่น)
Seal : พลังป้ิองกันกายภาพ
Glyphs : พลังป้องกันเวทย์ | พลังป้องกันเวทย์ต่อเลเวล
Quintessences : ความเร็วในการเคลื่อนที่

สาย Jungler (เน้นสำหรับนักเดินป่าสายโจมตีกายภาพนะครับ)
Mark : โจมตีทะลุเกราะกายภาพ | ความเร็วในการโจมตี               Seal : พลังป้องกันกายภาพ
Glyphs : พลังป้องกันเวทย์ ต่อเลเวล                  Quintessences : โจมตีทะลุเกราะกายภาพ | พลังโจมตี

นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างการ Set ที่เห็นได้ทั่วไปนะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สำหรับผู้มีประสบการณ์สูงแล้ว ก็สามารถเลือกใส่ Rune ที่แตกต่างกันออกไปได้ ไม่จำเป็นต้องเล่นตามที่แนะนำตายตัวก็ได้ครับ

เมื่อ Set Rune เสร็จเรียบร้อยก็ไปลุยกันเลย !!!

 สำหรับวันนี้ก็หมดเพียงแึค่นี้แล้วล่ะครับ จะเห็นได้ว่า Rune นั้นถึงจะดูเป็นเรื่องง่ายๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆ นั้นการ Set แต่ละครั้งก็ต้องคิดให้ดีเช่นกัน ผมเองก็หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ในการนำไปใช้ปรับเปลี่ยนตามถนัด ไม่มากก็น้อยนะครับ สำหรับวันนี้ผมขอลาไปก่อนล่ะครับ สัปดาห์หน้้า ผมจะมีอะไรมาเสนออีกนั้นก็รอดูกันต่อไปนะครับ ^^ //

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก http://www.mobafire.com/league-of-legends/build/rune-tips-what-secondary-and-primary-means-and-more-24255

แชร์เรื่องนี้: