ข่าวประชาสัมพันธ์จากค่ายเกม
กระแสของการต่อสู้จะเปลี่ยนไป ด้วยการรุกรานที่ไม่หยุดหย่อน ของผู้ได้รับพลังจากจันทรา Diana, Scorn of the Moon จะติดตามไล่ล่า และจัดการเหล่าศัตรูของเธอในสนามรบ จนไม่หลงเหลือแม้แต่แสงแห่งความหวังใดๆ
Diana มีหลายสกิล ที่สามารถสร้างความเสียหายแบบหมู่ได้มากมาย ทำให้เธอเป็นตัวละคร Jungler ที่ยอดเยี่ยม Pale Cascade จะสร้างลูกบอลพลังเวทย์ออกมา 3 ลูก ซึ่งมันจะระเบิดสร้างความเสียหาย แก่ศัตรูที่เข้ามาใกล้ พร้อมทั้งปกป้องเธอด้วยเกราะป้องกัน ที่ช่วยรับความเสียหายที่เข้ามา ถ้าหากลูกบอลพลังเวทย์นั้น ระเบิดหายไปหมด พลังของเกราะป้องกันจะถูกเติมเต็มใหม่อีกครั้ง ทำให้เธอรับความเสียหายได้มากยิ่งขึ้น เมื่อรวมกับความสามารถติดตัว Moonsilver Blade ที่สามารถฟันกวาดรอบตัวได้ มันทำให้เธอสร้างความเสียหายแก่ศัตรูหลายเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ทำให้เธอจัดการสัตว์ป่าได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อรับพลังจากจันทรา พลังที่ได้รับเพื่อปกป้อง Diana แสดงออกมาโดยการลอยวนรอบตัวเธอ เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่จะเข้ามาหาเธอ การเล่นของ Diana จะเดินเข้ารุกศัตรูด้วยความรวดเร็ว และอันตราย ซึ่งจะเป็นการใช้คอมโบสกิลร่วมกันระหว่าง Crescent Strike และท่าไม้ตายของเธอ Lunar Rush โดยที่สกิล Crescent Strike เป็นสกิลที่แปลกไม่เหมือนใคร โดยที่มีการปล่อยพลังโจมตีเป็นวงโค้ง สร้างความเสียหายแก่ศัตรูทั้งหมด ที่อยู่ในอาณาเขต พร้อมทั้งทำให้ศัตรูติดสถานะ Moonlight เมื่อใช้สกิล Lunar Rush วาร์ปเข้าไปหาศัตรูที่ติดสถานะ Moonlight อยู่ จะทำให้คูลดาวน์ของ Lunar Rush เสร็จในทันที แต่จะลบสถานะ Moonlight ออกทั้งหมด การใช้ Crescent Strike และ Moonlight อย่างชาญฉลาด และรอบคอบ จะทำให้ Diana เคลื่อนไหวได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมทั้งสร้างความเสียหายได้อย่างต่อเนื่อง ถ้าหากใช้สกิล Lunar Rush เฉพาะกับ Moonlight จะทำให้สร้างความเสียหายได้ต่อเนื่อง และมากเท่าที่เธอจะทำได้ หรืออาจจะใช้ Lunar Rush ใส่ศัตรูแบบ 2 ทีติดกันเลย เพื่อสร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงรวดเดียวก็ยังได้
สกิลของ Diana นั้น ถูกออกแบบมาให้ใช้กับการสู้แบบเป็นทีมโดยเฉพาะ หลังจากที่เปิดด้วยสกิล Crescent Strike และ Lunar Rush เธอสามารถลุยต่อได้ด้วยสกิล Moonfall ที่ดึงศัตรูเข้ามา พร้อมทั้งสโลว์ศัตรูในสกิลเดียว ซึ่งมันจะช่วยดึงศัตรู ให้เข้ามาอยู่ในระยะของ Moonsilver Blade และสกิล Pale Cascade ได้จนกระทั่ง Crescent Strike คูลดาวน์เสร็จ ถ้าหากความคงทนของการป้องกันมากขึ้น ก็จะทำให้เธอมีโอกาศรอดจากความเสียหายที่หนักหน่วงมากขึ้นด้วย และการเทเลพอร์ทของคอมโบสกิล Moonlight และท่าไม้ตายของเธอ ทำให้เธอติดตามไล่ล่า และสังหารเป้าหมายสำคัญๆได้ ด้วยการใช้คอมโบสกิลของเธอ ทำให้เธอเหมาะที่จะเข้าป่า และออกมาไล่สังหารศัตรูด้วยความรวดเร็ว และเข้าคุกคามศัตรูในการต่อสู้แบบทีมได้อย่างยอดเยี่ยม
สกิล:
Moonsilver Blade (สกิลติดตัว): ความเร็วโจมตีเพิ่มขึ้น และเมื่อทุกๆครั้งที่ โจมตีครบ 3 ครั้ง จะโจมตีกวาดศัตรูที่อยู่ใกล้ๆ และมีความเสียหายเวทย์เพิ่มเติมด้วย
Crescent Strike: Diana กวัดแกว่งดาบของเธอ ปล่อยคลื่นพลังจันทรา สร้างความเสียหายเป็นวงโค้ง ก่อนที่จะระเบิดออก
Pale Cascade: Diana สร้างลูกบอลพลังเวทย์ออกมา 3 ลูก ลอยวนรอบตนเอง เมื่อมันลอยกระทบกับศัตรู มันจะระเบิดออก สร้างความเสียหายเป็นหมู่ และเธอจะได้รับเกราะช่วยป้องกันความเสียหายชั่วคราว ซึ่งเกราะนี้จะเติมเต็มอีกครั้ง เมื่อลูกบอลทั้ง 3 ระเบิดหายไปหมด
Moonfall: Diana ดึงศัตรูที่อยู่ใกล้ๆเข้ามาหาตนเอง พร้อมทั้งลดความเร็วศัตรูที่อยู่ใกล้ๆทั้งหมด
Lunar Rush (ท่าไม้ตาย): Diana วาร์ปเข้าหาศัตรู พร้อมทั้งโจมตีสร้างความเสียหายเวทย์ หากใช้สกิล Lunar Rush ใส่ศัตรูที่ติดสถานะของ Moonlight อยู่ จะทำให้สกิล Lunar Rush ไม่มีคูลดาวน์
ประวัติ: ตัวแทนที่แสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยว และความแข็งแกร่งของพลังแห่งจันทรา Diana เข้าร่วมสงครามพร้อมกับกลุ่มกองทัพนักรบรัตติกาล เพื่อต่อต้านผู้บูชาแสงตะวัน Solari ถึงแม้ว่า เมื่อครั้งหนึ่ง เธอเคยแสวงหาความยอมรับจากประชาชนของเธอ แต่การลงมือทำทุกสิ่งนั้น ล้วนเปล่าประโยชน์ วันเวลาผ่านไปด้วยความขมขื่น การสู้รบต่างๆ ค่อยๆเปลี่ยนแปลงเธอไปทีละนิด ทำให้เธอกลายเป็นนักรบที่เกรี้ยวกราด ในตอนนี้เมื่อเธอปรากฎกายออกมา เธอยื่นทางเลือกให้กับศัตรูของเธอเพียงแค่ เข้ากลุ่มบูชาแสงจันทร์ หรือตายด้วยดาบเสี้ยวจันทร์ของเธอ(Crescent Blade)
แม้ว่าเธอจะเกิดในกลุ่มของ Solari แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเธอ ทำให้เธอแตกต่างจากพี่น้องคนอื่นๆ เธอมักจะหลบไปเพื่อมองหาที่พักผ่อนหย่อนใจ และเสาะหาแนวทางในยามราตรีเสมอ และเธอชอบตั้งคำถาม เกี่ยวรูปแบบการปกครองด้วยดวงตะวัน ในกลุ่มสังคมของเธอ เหล่าผู้อาวุโสแห่ง Solari ตอบรับความท้าทายของเธอ ด้วยการดูถูกเย้ยหยัน และการลงโทษเธอ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม Diana ก็ยังคงเชื่อมั่นว่า ถ้าเธอสามารถหาหลักฐาน ที่แสดงพลังแห่งพระจันทร์พบ เหล่าผู้อาวุโสอาจจะฟังเหตุผลของเธอมากขึ้น เป็นเวลากว่าปี ที่เธอเก็บตัวอยู่คนเดียว เพื่อศึกษาเล่าเรียนวิถีทางของ Solari จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอค้นพบรหัสข้อความลับ ที่ซ่อนอยู่ในหนังสือที่กำลังศึกษา ด้วยเบาะแสที่ได้มานี้ มันนำพาเธอไปยังที่ซ่อนลับในหุบเขา Targon และเธอจึงค้นพบซากวิหารเก่าแก่ที่ถูกปิดผนึกอยู่ ภายในวิหารนั้น มีเหล่าเครื่องรางเก่าเก็บ และจิตรกรรมฝาผนังจากยุคโบราณที่เรือนราง อยู่มากมาย แต่ในท้ายที่สุด เธอก็ค้นพบชุดเสื้อผ้าเกราะป้องกันที่ดูหรูหรา และดาบเสี้ยวจันทร์ที่งดงาม ทั้งสองชิ้นถูกสลักด้วยสัญลักษณ์แห่งจันทรา เธอสวมอาวุธยุทโธปกรณ์ แล้วจึงเดินทางกลับ เพื่อไปพบเหล่าผู้อาวุโส Solari ในคืนนั้นทันที เมื่อพบกับเหล่าผู้อาวุโส เธอจึงรีบแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ค้นพบให้ดู และแสดงเจตนารมย์ชัดเจนว่า ครั้งหนึ่งต้องเคยมีกลุ่มผู้บูชาจันทรา เฉกเช่นเธอแน่นอน การค้นพบหลักฐานของเธอนั้น เป็นการท้าทายการปกครองระบอบ Solari เป็นอย่างมาก เหล่าผู้อาวุโสต่างตกตะลึง แต่ก็มอง Diana อย่างน่ากลัว พวกเขาประณามว่าเธอเป็นพวกนอกรีต ขับไล่ให้เธอไปตาย กลุ่มผู้อาวุโสออกคำสั่งให้เตรียมการประหารเธอในคืนนั้นทันที Diana รู้สึกทั้งโกรธ และโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก และสิ้นหวังเกินกว่าจะยอมรับได้ เธอจ้องมองขึ้นไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน เรียกร้องถึงพลังแห่งดวงจันทร์ ในขณะนั้นเอง ที่เธอรับรู้ได้ถึงพลังของจันทราที่หลั่งไหลเข้ามาในตัวเธอ Diana ทำลายโซ่ตรวนที่พันธนาการเธออยู่ เดินไปหยิบดาบขึ้นมา และหันกลับมาสังหารหมู่เหล่าผู้อาวุโส สุดท้ายแล้วจึงเหลือทิ้งไว้เพียงวิหารที่พังทลาย Diana ตัดสินใจที่จะทำลายทุกคนที่ปฎิเสธพลังแห่งจันทรา
'ดวงตะวันไม่เคยเปิดเผยความจริง แสงของมันได้แค่แผดเผา และคอยบังตาเท่านั้น'' -- Diana กล่าวไว้
แสงจันทราได้สาดส่องทั่ว Field of Justice แล้ว วัีนนี้ !
ที่มา : http://www.playlol.in.th/news/content/2338.html