สวัสดีเพื่อนๆ ชาว Online Station ทุกคนจ้า ตอนนี้รามินจะมาเจาะลึกล้วงลับในเรื่องของระบบ Fog of War และระบบ Brush กันนะคะ ว่าจะเจ๋งแค่ไหนเชียว!!!
Fog of War : หมอกพรางตา
Fog of War คือเงามืดที่ปกคลุมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของแผนที่ที่ไม่ได้อยู่ในระยะการมองเห็นของ Champion ทั้งตัวเอง และเพื่อนภายในทีม หรือแม้กระทั่ง Turret ป้อมปราการสุดแกร่ง ซึ่งก็หมายความว่าผู้เล่นไม่สามารถมองเห็น Unit ฝ่ายศัตรูที่อยู่กลางหมอกได้ โดยจะสังเกตได้จากแผนที่เล็กๆ ที่อยู่ทางมุมขวาล่าง หากบริเวณไหนที่ไม่ได้มีหมอกนั้นจะสว่าง และสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ในระยะการมองเห็นในบริเวณนั้นเลย
ซึ่งในระบบของ Fog of War นี้ เพื่อนๆ สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งในส่วนของการหลบหลีกศัตรู หรือแม้กระทั่งการซุ่มโจมตีได้ด้วย พื้นฐานในการอยู่ในเลน สังเกตได้จากรูปนะคะว่า การยืนเลนนั้นไม่ควรยืนเลยแม่น้ำออกไป เพราะเป็นพื้นที่ที่เสี่ยงที่จะทำให้มีศพ ถ้าไม่อยากเป็นศพละก็ อย่าลืมคำแนะนำข้อนี้ไปล่ะ!!!
Brush : พงหญ้ามหาภัย
คือพงหญ้าสูงๆ ที่อยู่กระจายในแผนที่เพื่อให้ Champion/Minion/Monster สามารถใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวได้คล้ายๆ กับการล่องหนก็ว่าได้ เมื่อเราวิ่งเข้าไปในพงหญ้าปุ๊บ เราก็จะหายตัวปั๊บ (ไม่มีการค่อยๆ จางเหมือนกับการใช้สกิลของพวก Windwalk อื่นๆ) ซึ่งศัตรูที่อยู่ข้างนอกพงหญ้านั้น จะไม่สามารถมองเห็น Unit ใดๆ ที่อยู่ในพงหญ้าได้เลย
จะสังเกตได้จากจุดสีเขียวภายในแมพทั้งหมดนะคะ ก็คือพงหญ้าที่เราสามารถใช้งานได้นั่นเอง โดยพงหญ้านี้ เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่ในพงหญ้า ฝ่ายตรงข้ามจะไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ฝ่ายที่อยู่ในพงหญ้าจะสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างนอกพงหญ้า แต่ต้องอยู่ในระยะการมองเห็นเท่านั้นนะ ^^
ประโยชน์ของพงหญ้านั้นมีหลากหลายมาก อยู่ที่สถานการณ์ในการใช้งาน สิ่งที่เราจะได้เห็นการใช้ประโยชน์จากพงหญ้ามากที่สุดคือ ใช้ในการซุ่มโจมตีศัตรู หรือใช้ในการหลบหนี ซึ่งการใช้พงหญ้าในการหลบนี้นั้นต้องมีไหวพริบในการใช้เป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้ศัตรูสามารถวิ่งตามได้ทัน หรือจับทางวิ่งของเราได้ถูก รามินแนะนำว่า หากวิ่งหนีอยู่นั้น ไม่ควรกดวิ่งที่ Mini Map แต่ควรควบคุม Champion ด้วยตัวเองในการวิ่งหลบหลีก เวลาเล่นเพื่อนๆ ก็อย่าลืมใช้พงหญ้าให้เกิดประโยชน์กันนะคะ
อะจ๊าก ตูฟาร์มอยู่ดีๆ มาจากไหนฟะ ?!!?
โดนซุ่มโจมตีซะแล้ว!!!
ในเมื่อพงหญ้ามันมีประโยชน์ซะขนาดนี้ เราก็ต้องมีการเช็คกันบ้าง แต่เราจะเช็คยังไงให้ปลอดภัยล่ะ!!!! รามินมีคำตอบมาให้สำหรับเพื่อนๆ แน่นอน การเช็คพงหญ้าของเรานั้นอาจทำได้จากสกิลของ Champion บางตัว หรือจาก Ward นะคะ งั้นเราจะมาดูวิธีป้องกันตัวเราเองดีกว่าว่าเราพอจะทำอะไรได้บ้าง
Summoner Spell
Clairvoyance
Cooldown : 70 วินาที (หากมี Mastery Summoner's Insight จะมี Cooldown แค่เพียง 2 วินาที)สามารถมองเห็นได้เป็นบริเวณกว้าง สามารถมองเห็นได้ทั้งในหมอก และพงหญ้า ซึ่งจะสามารถมองเห็นได้เป็นเวลา 4 วินาที ซึ่งเราสามารถที่จะใช้
สกิลของ Champion บางตัว
Champion บางตัวนั้น สามารถใช้สกิลในการเช็คได้ว่า มีศัตรูแอบซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าหรือไม่ อย่างพวกสกิลที่ใช้ในการโจมตีต่างๆ เช่น Lux ในการใช้สกิล Lucent Singularity จะทำให้พื้นที่ที่มีสกิลนี้อยู่สว่างขึ้นมา สามารถมองเห็นได้ในระยะ 575 เป็นต้น ยังไงเพื่อนๆ ลองสังเกตสกิลของ Champion ที่นำมาเล่นนั้นสามารถใช้สกิลในการเช็คได้หรือไม่ >_<
เช็คได้จากสกิล Lucent Singular ก็ได้นะ ป่าสว่างเลย
Ward
ถือว่าเป็นไอเทมที่สำคัญอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย เรามาดูคุณประโยชน์ของ Ward กันดีกว่า
Sight Ward
ระยะในการมองเห็น : 1100
ระยะเวลา : 3 นาที
ราคา : 75 Gold
Vision Ward
ระยะในการมองเห็น : 1000
ระยะเวลา : 3 นาที
ราคา : 125 Gold
ความพิเศษของ Ward ชนิดนี้ก็คือ สามารถมองเห็น Ward ของฝ่ายศัตรูที่อยู่ในระยะได้ หรือแม้กระทั่ง Champion ที่มีสกิล Windwalk ได้ด้วยเช่นกัน
ตอนนี้เราจะมาดู Trick ในการวาง Ward กันดีกว่า ว่าจะเด็ดสักแค่ไหนเชียวจาก Guru Bagging กันนะคะ ติดตามกันเลย
ศาสตร์แห่งการควบคุมแผนที่ด้วย Ward และ CV
การตัดสินผลแพ้ชนะของเกม Leagues of Legends นั้น เกือบทุกๆ เกมมักจะเกี่ยวข้องกับการปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- ใครสามารถบริหารและจัดการฆ่า มังกร และ Baron ได้ดีและปลอดภัยกว่ากัน?
- ใครสามารถขโมยบัฟ หรือป้องกันบัฟฝั่งตัวเองได้ดีกว่ากัน?
- ใครสามารถ Gank และหยุดการ Gank จากทีมฝ่ายตรงข้ามได้ดีกว่ากัน?
สิ่งเหล่านี้เรียกว่า “ศาสตร์แห่งการควบคุมแผนที่ทั้งสิ้น”
การควบคุมแผนที่ที่ดีนั้นก็เกิดจากทักษะการอ่านเกมจากผู้เล่นทุกคนในทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่ง Support ที่จะต้องเป็นผู้นำให้กับทีมในเรื่องนี้ ผ่านการใช้ Ward, Oracle และ CV โดยปกติแล้วจุดประสงค์ของการควบคุมแผนที่นั้นก็มีไว้เพื่อ
1. ทำให้เรารู้ถึงความเคลื่อนไหวของศัตรู (Knowledge Enemy Movement) - ปัก Ward เพื่อดูการเข้ามา Gank จาก Jungler ฝั่งตรงข้าม หรือ การเดินไปบริเวณต่างๆในแผนที่ฝั่งของศัตรู ซึ่งจะทำให้เราตัดสินใจสิ่งต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น!!
2. ป้องกันการขโมยครีปป่าต่างๆ (Securing The Map Objectives) - ในการเล่นปัจจุบันนั้นการบุกรุกป่าเพื่อเข้าขโมยบัฟนั้นมีความนิยมเป็นอย่างมาก จึงทำให้การปกป้องครีปป่าเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะว่าการฆ่าครีปป่าเหล่านี้ไม่ว่าจะเพื่อบัฟหรือเพื่อเงินก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อการเล่นของทีมเราเป็นอย่างมาก โดยครีปป่าหลักที่มีผลกระทบต่อเกม
การใช้ Clairvoyance (CV)
ในจุดแรกนั้นจะกดใช้ในเวลา 5 วินาทีแรกหลังจากเริ่มในบริเวณจุดเกิดของผู้เล่นฝั่งตรงข้าม เพื่อมองถึงทิศทางการเดินของฝั่งตรงข้ามว่าจะเดินไปในทางไหนของแผนที่ รวมถึงตรวจสอบไอเทมเริ่มต้นของทีมฝั่งตรงข้ามด้วย
ในจุดของการใช้ CV ครั้งที่ 2 นั้นจะมี 2 ปัจจัยซึ่งขึ้นอยู่กับการเล่นของทีมคุณดังนี้
- หากทีมของคุณเลือกที่จะบุกป่าของศัตรู (Invade) - คุณควรเก็บ Clairvoyance ครั้งที่ 2 ของคุณไว้เพื่อการเปิดป่าข้างหน้าในบริเวณที่เป็นพุ่มไม้เยอะๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดักซุ่มโจมตีในบริเวณที่เป็นจุดเสี่ยง
- หากทีมของคุณเลือกที่จะเล่นแบบป้องกันหรือเล่นแบบเซฟ (Defend)
– ถ้าทีมของคุณมีความเสี่ยงที่จะถูก Invade (ใช้ประสบการณ์และความรู้สึกล้วน) ทีมของคุณควรจะพยายามรวมกลุ่มให้ใกล้กันมากที่สุด และพยายามใช้หาตัวทีมฝั่งตรงข้ามด้วยการ CV หรือรีบไปปักในบริเวณที่คิดว่าเสี่ยงต่อการถูก Invade
แต่ถ้าหากรู้แล้วว่าต่างฝ่ายต่างเลือกที่จะเล่นแบบเซฟทั้งคู่ การใช้ Clairvoyance ครั้งที่ 2นั้นจะเปลี่ยนเป็นการใช้เพื่อยืนยันเส้นทางการเริ่มต้นของผู้เล่น Jungler ทีมฝั่งตรงข้าม ซึ่งส่วนมากจะอยู่ที่ Champion Jungler ที่ฝั่งตรงข้ามเลือกใช้ จากประสบการณ์ของผู้เขียนแล้ว Champion ที่มี Mana มักจะเริ่มต้นจากบัฟฟ้าเสียเป็นส่วนใหญ่
การใช้ Ward เพื่อการควบคุมแผนที่และจุดที่นิยมปัก
การ Ward สำหรับต้นเกม
ก่อนที่ครีปชุดแรกจะเริ่มเดินคุณอาจจะวิ่งไป Ward ในบริเวณบัฟที่ Jungler ของคุณไม่ได้เริ่มเพื่อกันการโดนขโมยบัฟจากทีมฝั่งตรงข้าม (ปล.อาจไม่จำเป็นต้อง Ward ในส่วนนี้ก็ได้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และการอ่านเกมของคุณ)
ในส่วนของการเล่นช่วงต้นเกมนั้นมักเกี่ยวข้องกับการฟาร์มและการดักฆ่าจาก Mid Mage และ Jungler ดังนั้นรูปแบบการ Ward ของคุณนั้นย่อมต้องเกี่ยวข้องกับการสร้างความปลอดภัยใหักับตัวคุณ และ Carry รวมถึงต้อง Ward ให้เห็นนั้นต้องทำให้คุณสามารถเห็นตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะเห็นเมื่อสายไป
จากรูปเป็นตัวอย่างบริเวณการปัก Ward ในช่วงต้นเกม แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้อง Ward ตามที่บอกทุกที่ แค่เลือกอันที่จำเป็นและเหมาะสมกับการเล่นของคุณเอง ในส่วนของการ Ward บริเวณแม่น้ำผมจะค่อนข้างเน้นเป็นพิเศษกว่าบริเวณอื่นเพราะเราสามารถเห็นการดักฆ่าและสามารถควบคุมมังกรได้ในเวลาเดียวกันด้วย
การ Ward ในบริเวณพุ่มไม้พื้นที่ฝั่งตรงข้ามนั้นมีไว้เพื่อที่คุณจะได้เห็นการเข้ามาตอดหรือการเคลื่อนไหวที่จะเข้าทำจากบริเวณนั้นและยังเป็นการป้องกันผู้เล่น Jungler ฝั่งตรงข้ามที่มุดรอด Ward บริเวณแม่น้ำเข้ามาไล่ฆ่าจากบริเวณหลังป้อมของฝ่ายตรงข้ามด้วย
Tips & Tricks :
- ฝั่งทีมสีชมพูนั้นอาจต้อง Ward มากกว่าทีมฝั่งสีฟ้า เพราะเนื่องจากการออกแบบของตัวแผนที่นั้นที่ทำให้พื้นที่ของฝั่งสีชมพูง่ายต่อการเล็ดลอดเข้าไปขโมยครีปป่าหรืออ้อมมาไล่ฆ่าจากข้างหลังป้อมมากกว่าฝั่งสีฟ้ามาก ดังนั้นถ้าหากคุณไม่ต้องการเปลือง Ward มากนักคุณอาจเลือกปักจุดที่ทีมสีฟ้าปักแทนก็ได้
- ฝั่งฟ้าจากการออกแบบของแผนที่นั้นดีกว่ากว่าสีชมพูเลยทีเดียว แต่สิ่งเดียวที่เป็นข้อเสียของฝั่งสีฟ้านั้นก็คือ หากเลนกลางของคุณไม่ได้ Ward ในทางเข้าป่าบริเวณขวามือของเลนกลาง อาจทำให้เลนล่างนั้นถูกผู้เล่น Jungler ฝั่งตรงข้ามเดินอ้อมมาฆ่าจากข้างหลังในบริเวณที่เรียกว่า Tribush ก็เป็นได้ การแก้ไขคือ ให้คนที่เล่นเลนกลางช่วย Ward จากบริเวณทางเข้าป่าในบริเวณที่บอกไว้หรือ คุณอาจจะต้อง Ward ในบริเวณ Tribush เช่นเดียวกับทีมสีชมพูด้วยก็ได้
จากรูปนี้ จะเป็นจุด Ward หลักที่เรียกว่า "ทางเข้าป่าทั้ง 4" สามารถปักได้ตลอดทั้งเกม ซึ่งถ้าหากปักครบทั้ง 4 จุดตลอดเวลาจะทำให้ทีมขอเราสามารถเห็นการเข้ามาลอบฆ่าจากทีมฝั่งตรงข้ามได้แทบจะทั้งหมด และสามารถจะสร้างแรงกดดันอย่างมากให้กับผู้เล่น Jungler ทีมฝั่งตรงข้ามเป็นอย่างมาก
การ Ward สำหรับกลางเกมและท้ายเกม
หลังจากที่เกมได้เข้าสู่ช่วงกลางเกมและท้ายเกมTurret ต่างก็พังลงไปเรื่อยๆ Minion ก็เริ่มดันมาเป็นจำนวนมาก จึงทำให้บริเวณของสิ่งที่เรียกว่า Fog of war (บริเวณมืดของแผนที่) นั้นมีมากยิ่งขึ้นและแน่นอนเสี่ยงต่อการถูกดักฆ่ามากขึ้นด้วย ดังนั้นคุณและทีมควรปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของเกมมากยิ่งขึ้นโดยการเพิ่มจำนวนการ Ward และสถานที่ปักให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มอำนาจการตัดสินใจที่ดีให้กับทีม โดยหลักๆ ของช่วงกลางเกมและท้ายเกม คุณและทีมนั้นไม่ควรให้เกิดการถูกขโมยบัฟในฝั่งป่าเราหรือปล่อยให้ฆ่ามังกรหรือบารอนฟรีให้กับทีมฝั่งตรงข้ามเป็นอันขาด ดังนั้นการ Ward ของเราในช่วงนี้ของเกมจะมุ่งไปในเรื่องของการทำให้ป่าของคุณปลอดภัยอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้ไปกดดันทีมฝั่งตรงข้ามด้วยการดักซุ่มฆ่า หรือ อะไรก็แล้วแต่อย่างสบายใจ
จากรูปเป็นตัวอย่างภาพรวมการ Ward ในจุดที่น่าสนใจเมื่อคุณเล่นในฝั่งสีน้ำเงิน (และจะกลับกันเมื่อคุณเลือกเล่นฝั่งสีชมพู) โดยจุดที่เป็นตัว A นั้นจะเป็นแนวทางการ Ward เพื่อเล่นเกมรุกในรูปแบบเพื่อควบคุมบัฟทีมฝั่งตรงข้าม, ตัว D นั้นจะเป็นการ Ward สำหรับตั้งรับในกรณีที่เสียเปรียบหรือป้องกันการถูกขโมยบัฟ ส่วนนอกเหนือจากนั้นก็จะเป็นการ Ward เพื่อดูทางเข้าป่าเหมือนรูปก่อนหน้านี้
หลายคนอาจสงสัยว่าจุด A ที่อยู่ในฐานสีม่วง 2 อันนั้นมีไว้เพื่ออะไร? คำตอบก็คือ มีไว้สำหรับมองเห็นคู่ต่อสู้ที่อยู่บนฐาน เพื่อที่ทีมของเราจะได้ทำการยัดสกิลเข้าไปตอดเลือดของคู่ต่อสู้รวมถึงให้การมองเห็นสำหรับพวก Tank ที่มี Crowd Control หมู่หาจังหวะดีๆ เข้าไปเปิดการต่อสู้แบบทีม
ปล. จุด Ward เหล่านี้คุณไม่สามารถปักทั้งหมดได้ด้วยตัวของคุณเองเพียงลำพัง (แม้ว่าทีมจะช่วยก็เถอะ) ดังนั้นจงพยายามตัดสินใจเสมอว่า "การ Ward ของคุณที่กำลังจะปักมีความสำคัญและความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนใน 3 นาทีถัดไปหลังจากปัก Ward" ยกตัวอย่างเช่น บารอนเพิ่งตายไปซึ่งเวลาเกิดต่อไปของบารอนคืออีก 7 นาทีต่อจากนี้ ดังนั้นคุณจึงไม่มีความจำเป็นเลยที่จะไป Ward ในจุดที่บ่อบารอนจะเกิด เป็นต้น
บทความโดย Raminz จากนิตยสาร Weekly Online ฉบับที่ 469