ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Hardware เกม การแข่งขันที่เปลี่ยนผันตามกาลเวลา

 

เมื่อราวๆ 30 ปีก่อน ในบ้านเราคงจะเริ่มรู้จักเกม Atari หรือ Nintendo แต่ในความจริงแล้วฮาร์ดแวร์เกมเครื่องแรกของโลกนั้นมีชื่อว่า Magnavox Odyssey ที่วางจำหน่ายในปีพ.ศ.2515 แต่ไม่ประสบความสำเร็จนักเพราะเจ้าเครื่องเกมที่ว่านี่ดันเล่นได้เฉพาะเครื่องรับโทรทัศน์ของ Magnavox เท่านั้น จึงเป็นโอกาสให้คลื่นลูกอื่นกลืนกินไปอย่างที่ทราบๆ กันดี ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง Atari ไปจนถึงเครื่องที่ดังเป็นพลุในบ้านเราอย่าง Super Famicom ของ Nintendo ซึ่งยุคนั้นโดยรวมๆ ผมจะเรียกว่าเป็นยุค 8 บิท ซึ่งใช้เครื่องแบบเสียบตลับเกม โดยข้อเสียของเครื่องเกมเหล่านี้คือตลับเกมมีราคาแพง และมีจุดเด่นที่เชื่อว่าหลายคนคงจำกันได้ว่าเครื่อง Famicom หรือแฟมิลี่ที่มีตลับเกม 100 in 1 ซึ่งหลังๆ มีเป็นแสน แต่ดันมีเกมเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีเยอะๆ ทำไมให้เพลีย

 

 

ยุคแห่งเทคโนโลยีที่ใช้ Floppy Disk มาพร้อมกับเครื่อง Super Famicom ซึ่งก็ดังเป็นพลุแตกอีกเช่นเดียวกัน โดยในยุคแรกเริ่มนั้น Super Famicom ยังคงใช้ตลับในการเล่นอยู่ทำให้ปัญหาตลับแพงยังไม่หมดไป จนกระทั่งมีอุปกรณ์เสริมที่เรียกตามภาษาที่บ้านเรารู้จักกันดีนั่นก็คือ “หัว Pro” ที่สามารถแปลงข้อมูลจากตลับเกมมาใส่ในแผ่นดิสก์ได้ นั่นจึงเป็นยุคทองของ Super Famicom อย่างแท้จริงเนื่องจากเกมดีๆ ดังๆ หาง่าย แถมราคายังถูกลงอีกด้วย แต่การมาของ Play Station นั้นจะเป็นการดับยุคของ Super Famicom ไปอย่างถาวร

เกมที่เด่นๆ ในสมัยเครื่อง Super Famicom เช่น Chrono Trigger / FF4,5,6 / Bahamut Lagoon /Teasure Hunter G / Seiken Densetsu 1,2,3 และอื่นๆ อีกมากมาย ใครพลาดเกมไหนกันไปบ้าง ?

 

 

การมาของ Play Station ในช่วงพ.ศ.2540 สร้างความตื่นเต้นให้กับเหล่าเกมเมอร์อีกครั้ง เมื่อข้อมูลเกมต่างๆ ถูกยัดใส่แผ่น CD ROM บางๆ แถมยังแสดงกราฟฟิค 3D สวยงามตระการตากว่าที่เคยเห็น โดยในสมัยนั้นใครที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยสัมผัสเกม Winning Eleven (วันนิ่งมั้ยสาด) ก็คงเชยพอดู แถมเกมซีรีส์ Final Fantasy 7 – 9 ก็แสดงศักยภาพได้อย่างเหนือชั้น ซึ่งยุค CD ROM นั้นก็ได้พัฒนาไปเป็นแผ่น Blue Ray Disk ตั้งแต่การมาของเครื่อง Play Station 3 เป็นต้นมา

 

อีกหนึ่ง Trend ของ PS คือทุกคนต้องพก Memory Card ส่วนตัวเวลาไปเล่นกะเพื่อนที่ร้านเกม

 

คอมพิวเตอร์นั้นได้เข้ามามีบทบาทในด้านเกมตั้งแต่ยุคของ Super Famicom และมาเด่นชัดขึ้นในยุคของ Play Station ซึ่งในช่วงเวลาที่ทับซ้อนกันอยู่นั้นคงไม่มีใครไม่รู้จักเกม Counter Strike ซึ่งสามารถเล่น LAN กันได้ในสมัยนั้น

 

มาถึงปัจจุบันทางฝั่ง Console ก็ได้พัฒนาไปมาก จากแผ่น Blue Ray Disk ธรรมดาก็กลายเป็น Motion Censor อย่างเครื่อง Wii หรือ Play Station Move ส่วนเกมออนไลน์ก็ได้พัฒนารูปแบบการเล่น ไปจนถึงกราฟฟิคให้เท่าเทียมกับเกมคอนโซล แถมตลาดเกมออนไลน์ในบ้านเราขณะนี้ก็ได้เติบโตขึ้นอย่างมาก และทำให้เกิดการผลักดันการแข่งขันเกมชิงรางวัลที่เราเรียกกันว่า E-Sport นั่นเอง นอกจากนี้เกมออนไลน์ยังถูกประชาสัมพันธ์ให้คนในประเทศได้รู้จักง่ายขึ้นผ่านงานมหกรรมเกมต่างๆ นั่นเอง

 

ผู้นำเทคโนโลยี โมชั่่น เซ็นเซอร์ ได้แก่ Wii

 

 

 

เครื่องเกมแบบพกพาที่แทรกซึมอยู่ทุกยุคทุกสมัยของเกมไล่ไปก็เกรงจะไม่หมด เอาเท่าที่จำได้ก็มี Game Boy ทั้งตระกูล / Game Gear / Wonder Swan / เครื่องตระกูล DS / PSP / PSVITA ซึ่งตลาดของ Hand Held นั้นก็มีการแข่งขันกันมาทุกยุคทุกสมัยไม่แพ้เครื่อง Console และในนาทีนี้ 2 ยักษ์ใหญ่อย่าง Nintendo และ Sony กำลังแข่งขันกันด้วยเครื่อง 3DS และ PSVita ซึ่งในตอนนี้จะออกหัวหรือก้อยก็ไม่มีใครให้คำตอบได้จริง

และผมมีข้อมูลเครื่อง Hand Held โคตรหายากที่ Sushi เคยทำเอาไว้ ไปติดตามได้ที่ลิ้งค์ด้านล่าง

 

 

 

 

 

 

หากจะมีใครสักคนหนึ่งสังเกต จะพบว่านับตั้งแต่ปี 2011 ตลาดเกม Browser Based หรือเกมบนเว็บนั้นเริ่มเติบโตขึ้นอย่างมากเริ่มจาก Facebook มาจนถึงบริษัทผู้ให้บริการที่เริ่มเปิดให้บริการเกมบนเว็บไซต์มากขึ้น และใครจะไปคาดคิดว่าเกมบนเว็บนั้นจะสามารถพัฒนากราฟฟิกได้อย่างก้าวกระโดดไม่แพ้เกม Client Based เลยแม้แต่น้อย ไม่แน่ว่าเกมบนเว็บนั้นอาจจะเป็นแพลตฟอร์มแห่งอนาคตก็ได้ใครจะรู้