รู้จักกับ Gaming Gear อุปกรณ์เทพของเกมเมอร์เทพ ตอนที่ 2 : คีย์บอร์ด

แชร์เรื่องนี้:
รู้จักกับ Gaming Gear อุปกรณ์เทพของเกมเมอร์เทพ ตอนที่ 2 : คีย์บอร์ด

     หลังจากที่เราได้พูดถึงเจ้า Gaming Gear ตัวแรก ได้แก่ Gaming Mouse กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปเราจะมาพูดถึงเจ้าตัวต่อไปกันเลย นั่นก็คือ Gaming Keyboard นั่นเอง เราไปดูกันว่าเจ้า  Gaming Keyboard นั้นมันจะต่างจะคีย์บอร์ดธรรมดาทั่วไปกันอย่างไร

Gaming Keyboard

      สำหรับคีย์บอร์ดนั้นก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับคอมพิวเตอร์ ถ้าขาดมันไปแล้วก็ไม่ต้องทำมาหากินกันล่ะงานนี้ การใช้งานทั่วไปตามปกตินั้นก็สามารถใช้คีย์บอร์ดธรรมดาๆ ได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่สำหรับการเล่นเกม อาจจะต้องพึ่งเจ้า Gaming Keyboard เนื่องจากเกมในยุคหลังๆ นั้น ได้มีการพัฒนาคอนเท้นท์ให้เราได้ควบคุมกันมามากมาย ไม่ได้หมายความว่าคีย์บอร์ดธรรมดาจะใช้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ปฎิเสธว่า Gaming Keyboard จะทำให้เล่นเกมได้ดีละได้เปรียบกว่าคีย์บอร์ดทั่วๆ ไป เจ้า Gaming Keyboard มีจุดเด่นดังต่อไปนี้

Polling Rate


      สำหรับข้อแตกต่างอย่างแรกระหว่าง Gaming Keyboard และคีย์บอร์ดทั่วไปก็คืออัตราความเร็วในการส่งข้อมูลหรือ Polling Rate นั่นเอง ซึ่ง Gaming Keyboard ส่วนใหญ่จะมีอัตราการส่งข้อมูลที่ 1000 Hrz แต่คีย์บอร์ดทั่วไปจะอยู่ในระกับประมาณไม่เกิน 600 Hrz นั่นหมายความว่าเวลาที่จะใส่คำสั่งอะไรผ่านคีย์บอร์ด ก็จะทำได้รวดเร็วกว่าคีย์บอร์ดธรรมดา จะสังเกตได้ง่ายกับเกมแนวดนตรีต่างๆ ที่ต้องกดให้เป๊ะกับจังหวะ

ปุ่ม Shortcut

      อีกหนึ่งจุดเด่นของ  Gaming Keyboard นั้นอยู่ที่ปุ่ม Shortcut นั่นเอง ส่วนใหญ่จะมีประมาณ 5 ปุ่มยัน 20 ปุ่มกันเลยทีเดียว ทำให้เพื่อนๆ สามารถเซ็ตการบังคับต่างๆ เพื่อนที่จะทำให้เล่นเกมได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะเกมแนว MMORPG ที่ต้องใช้สกิลเป็นจำนวนมากมาย หรือใช้เซ็ตเป็นการเปิดปิดโปรแกรมเวลาที่เราใช้งานคอมพิวเตอร์ตามปกติก็ยังได้

ช่องต่อพ่วง
      การที่เราต้องต่ออุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ กับเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมากมาย มักจะมีปัญหาต่างๆ เช่น ความยาวของสายไม่เพียงพอ รวมถึงสายพันกันรกรุงรัง ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นอุปสรรคที่มีผลต่อการเล่นเกมโดยเฉพาะในโลกของการแข่งขัน  Gaming Keyboard จึงต้องมีช่องต่อพ่วงเข้ามาเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นช่อง 3.5 ไว้ต่อกับหูฟังและไมค์ รวมถึงช่อง USB ไว้ต่อกับเม้าส์ต่างๆ ด้วย เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้มากยิ่งขึ้น

ไฟ backlight
      Gaming Keyboard บางรุ่นนั้นได้มีการใส่ไฟ backlight ไว้ที่ใต้ปุ่ม เพื่อที่สามารถที่จะมองเห็นได้ในที่มืด การแข่งขัน E-Sport รายการใหญ่ๆ ส่วนใหญ่นั้นมักจะจัดกันในสถานที่ค่อนข้างมืด เพื่อที่จะลดแสงสะท้อนที่เกิดจากหลอดไฟบนหน้าจอมอนิเตอร์ด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องไฟ backlight เพื่อลดความผิดพลาดในการใช้งานด้วย

Anti-Ghosting
      ด้วยข้อจำกัดการออกแบบแผงวงจรของคีย์บอร์ด ทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า  Ghosting ขึ้น Ghosting นั้นคือปัญหาที่คีย์บอร์ดไม่สามารถกดปุ่มหลายๆ ปุ่มได้พร้อมกัน ส่วนใหญ่ข้อจำกัดของคีย์บอร์ดที่เชื่อมต่อแบบ USB นั้น จะกดได้สูงสุดแค่ 6 ปุ่มพร้อมกัน และบางปุ่มถ้ากดพร้อมกันแค่ 3 ตัวก็กดเพิ่มไม่ได้แล้ว คีย์บอร์ดแต่ละตัวนั้นก็จะแตกต่างกัน บางตัวกด asd พร้อมกันไม่ได้ หรือบางตัวอาจจะกด sdf พร้อมกันไม่ได้ ถือว่าเป็นปัญหาที่เกิดกับวงการเกม PC มาช้านาน ซึ่ง Gaming Keyboard นั้นจะถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้ปุ่มที่สำคัญๆ ต่างๆ สามารถที่จะกดได้พร้อมกัน เช่น wasd หรือลูกศร ขึ้นลงซ้ายขวา รวมถึงคีย์บอร์ดบางตัวจะกดพร้อมกันได้มากกว่า 6 ปุ่ม ซึ่งรุ่นนั้นจะเป็นที่ต้องการของตลาดมากๆ

      นอกจากนั้น  Gaming Keyboard ยังแบ่งตามลักษณะโครงสร้างได้เป็น 2 ประเภทคือแบบธรรมดา และ Mechanical Keyboard เรามาดูกันว่าเจ้า Mechanical Keyboard นั้นจะมีความแตกต่างจากแบบธรรมดาอย่างไร
      Mechanical Keyboard นั่นเป็นคีย์บอร์ดที่ถูกออกแบบมาในลักษณะเป็นแบบกึ่งกลไก ถูกออกแบบวงจรออกมาเป็นอีกลักษณะหนึ่งทำให้ไม่เกิดการชนกันของข้อมูลเวลาที่เรา Input เข้าไป  ส่งผลให้เราสามารถกดปุ่มพร้อมกันได้มากกว่า 6 ปุ่มนั้นเอง ทำให้แก้ปัญหาการ Ghosting ได้ส่วนหนึ่ง รวมถึงปุ่มกดนั้นก็จะมีลักษณะพิเศษเป็นแบบสวิตช์ ซึ่งมีความทนทานมากๆ สามารถรองรับการกดได้มากกว่า 20 ล้านครั้งขึ้นไปเลยทีเดียว (แต่ส่วนใหญ่หน้าตาของคีย์บอร์ดจะออกเชยๆ ) ตัวสวิตช์นั้นมีอยู่มากมายหลายยี่ห้อ แต่ที่นิยมในวงการเกมนั้นคือของ Cherry นั่นเองครับ
      สวิตช์ของ Cherry จะมีด้วยกัน 5 สีก็คือ ดำ, แดง, ขาว, นํ้าตาล และ ฟ้านั่นเอง ซึ่งแต่ละสีก็จะมีความแตกต่างกันออกไป เช่น นํ้าหนักในการกด, แรงสะท้อนกลับของปุ่ม, สัมผัสและเสียง (ลักษณะเสียงจะคล้ายๆ กับคีย์บอร์ดของเครื่องแคชเชียร์เวลาเราไปซื้อของที่ห้างนั่นแหละครับ เพราะว่าเครื่องพวกนั้นก็ใช้สวิตช์ประเภทนี้เหมือนกัน) ลักษณะการทำงานของสวิตช์จะแตกต่างเพียงเล็กน้อย ไม่ได้มีอันไหนดีไปกว่ากันขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน  Gaming Keyboard แบบ Mechanical ในไทยนั่นส่วนใหญ่จะเป็นสวิตช์สีดำซะส่วนใหญ่ รองลงมาเป็นสีฟ้า
      Mechanical Keyboard บางตัวจะมาพร้อมกับ N-Key Rollover โดยตัวคีย์บอร์ดจะมีหัวต่อมาให้เราสองแบบได้แก่แบบ USB และแบบ PS2 (บางรุ่นจะได้เป็นตัวแปลงมา) เมื่อเสียบแบบหัว PS2 เข้าไปแล้ว N-Key Rollover จะทำงานเพื่อตัดอาการ Ghosting ทำให้เราสามารถกดคีย์บอร์ดจำนวนหลายๆ ปุ่มได้พร้อมกัน (20 ปุ่มขึ้นไป) ส่วนใหญ่จะเหมาะกับเกมแนวดนตรีที่ต้องกดปุ่มเยอะๆ พร้อมกัน เช่น Bandmaster หรือว่า DJ Max Trilogy 
      นอกจากนั้น Gaming Keyboard บางรุ่นก็ยังมีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนใคร เช่น มีหน้าจอแสดงสถานะต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือมีจอ LCD ฝังไว้ สามารถใช้เป็นจอที่สองได้

      ก็ถือว่าช่วยในการเล่นเกมได้มากเลยทีเดียว สำหรับ Gaming Keyboard ในบ้านเรานั้นก็มีขายกันอยู่หลายรุ่น หลายยี่ห้อและหลายราคา (โดยเฉพาะแบบ Mechanical นั้นจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงเกิน 2,000 บาท ถ้ามี N-Key Rollover ด้วยอาจจะสูงถึง 3,500 บาทขึ้นไป แต่ถ้าไม่ใช่สวิตช์ของ Cherry ก็จะถูกกว่านี้เล็กน้อย) อย่างไรตาม ผมก็ขอยํ้าอีกครั้งว่า ส่วนตัวผมให้อัตราส่วนของฝีมือและอุปกรณ์ไว้ที่ 7:3 ส่วน (ฝีมือ 7 อุปกรณ์ 3) ถึงมีอุปกรณ์ที่ดี แต่ขาดการฝึกซ้อมและฝึกฝน มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร อาจจะเป็นการเสียเงินโดยใช่เหตุด้วย สำหรับโอกาสหน้าผมจะมาแนะนำในส่วนของ Gaming Headset กันจ้า

สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 ในส่วนของเม้าส์ สามารถตามอ่านได้ที่ http://www.online-station.net/feature/feature/14907 จ้า

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก http://www.overclock.net

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ