ครบรอบ 1 ปี Kinect ในญี่ปุ่น กับยอดขายที่ไปได้ไม่สวย เป็นเพราะเหตุใด

แชร์เรื่องนี้:
ครบรอบ 1 ปี Kinect ในญี่ปุ่น กับยอดขายที่ไปได้ไม่สวย เป็นเพราะเหตุใด

     ถ้านับย้อนไปเมื่อช่วง 1 ปีที่แล้ว ก็มีสิ่งอยู่หนึ่งที่เป็นที่ฮือฮามากในวงการ Console นั่นก็คือเจ้า Kinect โมชั่นเซนเซอร์ของ Xbox 360 ที่เปิดตัวและพรีเซนต์ตัวสินค้าได้โดนใจเหล่าเกมเมอร์เป็นอย่างมาก ซึ่งทาง Microsoft ก็ได้ส่ง  Kinect เข้าไปวางจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่นเอาใจเหล่าเกมเมอร์แดนปลาดิบ หวังตีตลาดประเทศต้นตำหรับเกม Console หลายต่อหลายฝ่ายก็คาดไว้ว่ามันต้องได้ประแสตอบรับที่ดีในประเทศญี่ปุ่นแน่นอน แต่ทว่ากลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากเจ้า  Kinect ตัวนี้ทำยอดขายที่ประเทศญี่ปุ่นได้ค่อนข้างตํ่าเลยทีเดียว

      สำหรับผู้ที่ดูแลตลาดที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นได้แก่ Takashi Sensui ผู้จัดการทั่วไปของ Microsoft Japan ในช่วงแรกที่เริ่มการโปรโมทนั้น ก็ได้เซ็นสัญญาจ้าง Rena Matsui และ Jurina Matsui สองสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง SKE 48 รวมถึง Keiji Mutou นักมวยปลํ้าอาชีพชื่อดังมาโปรโมต และจัดงาน Event ขึ้นที่ร้าน Akihabara Yodobashi Camera ซึ่งก็เรียกเสียงฮือฮากันได้พอสมควรครับ

      หลังจากที่โปรโมทกันยกใหญ่ ทาง Microsoft Japan ก็ได้ตั้งบู้ธทดลองเล่นเจ้า Kinect ตามร้านขายอุปกรณ์อิเลคทรอนิกชื่อดัง แต่พบว่าแทบไม่มีคนเข้าไปทดลองเล่นเจ้า Kinect กันเลย ทำเอาหลายฝ่ายนั่งวิเคราะห์เป็นห่วงกันว่าเจ้า Kinect จะไปได้ดีไหม เป็นเพราะชาวญี่ปุ่นไม่สนใจ หรือว่าเป็นเพราะชาวญี่ปุ่นเป็นชนชาติขี้อาย ไม่กล้าที่ทดลองเล่นท่วมกลางฝูงชน แต่ซื้อกลับไปเล่นที่บ้าน เรื่องนี้ก็ไม่สามารถมีใครทราบได้ สิ่งเดียวที่จะยืนยันได้ก็คือยอดขายนั่นเอง

      ล่าสุดนิตยสาร Famitsu Xbox 360 ได้เผยข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับยอดขายตลอดทั้ง 1 ปีที่ประเทศญี่ปุ่นของเจ้า Kinect พบว่ามียอดขายแค่ 114,000 ชุด เท่านั้น โดยมียอดขายต่อเดือนดังต่อไปนี้ 

พฤศจิกายน 2010: 27,800
ธันวาคม 2010: 43,200
มกราคม 2011: 14,800
กุมภาพันธ์ 2011: 5,040
มีนาคม 2011: 3,160
เมษายน 2011: 2,100
พฤษภาคม 2011: 1,910
มิถุนายน 2011: 3,470
กรกฎาคม 2011: 2,980
สิงหาคม 2011: 2,460
กันยายน 2011: 1,900
ตุลาคม 2011: 3,333
พฤศจิกายน 2011: 1,980
      ถึงแม้ว่า Microsoft Japan จะได้ตระหนักถึงยอดขายที่ไม่ค่อยดี จัดแคมเปญเร่งโปรโมตกันยกใหญ่  แต่ก็ทำได้แค่กระเตื้องขึ้นมานิดเดียวเท่านั้น รวมถึงโชคไม่ช่วยที่ประเทศญี่ปุ่นได้ประสบเหตุแผ่นดินไหว Tohouku นอกจากทำให้ต้องเลื่อนการจัดแคมเปญออกไปอีก ทำให้พลาดจุดที่ Peak ที่สุดที่จะทำการโปรโมตออกไปด้วย ในช่วงนั้นความสำคัญของ Video Game ยังต้องลดลงด้วย เนื่องจากต้องให้ความสำคัญในการฟื้นฟูประเทศขึ้นมาใหม่

      เมื่อยอดขายตัว Kinect ไม่ดีแล้ว แน่นอนว่ามันก็ส่งผลต่อเกมต่างๆ ด้วย เกมที่ซัพพอร์ตกับ Kinect ที่ขายได้ดีที่สุดก็คือ Kinect Adventure! ที่แถมมาพร้อมกับตัวเครื่อง Kinect นั่นเอง เท่ากับว่าเกมที่ซัพพอร์ตกับ Kinect ที่ขายได้ดีที่สุดนั้นก็จะมียอดเท่ากับยอดจำหน่ายตัวเครื่อง Kinect นั่นเอง

10 อันดับเกมที่ซัพพอร์ตกับ Kinect ที่ขายได้ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

01. Kinect Adventure! 114,000
02. Forza Motorsport 4: 24,900
03. DanceEvolution: 22,400
04. Kinect Sports: 13,000
05. You Shape Fitness Evolved: 12,300
06. Dance Central: 8,690
07. Kinect Animals: 5,350
08. New Brain Training 4,930
09. Sonic Free Riders: 4,160
10. Fighters Uncaged: 3,470

ทำไมถึงขายไม่ดี?
      มาถึงจุดนี้แล้ว หลายคนเกิดคำถามในใจกันเกิดขึ้น ทำไมเจ้า Kinect ถึงขายไม่ดีที่ญี่ปุ่น สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ Kinect ขายไม่ดีที่ญี่ปุ่นตามทัศนะของผู้เขียนนั้นมีดังต่อไปนี้

พื้นที่ในการเล่นไม่เพียงพอ

 

      ประเทศญี่ปุ่นนั้นหลายคนคงจะรู้ดีว่าเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก รวมถึงพื้นที่ในประเทศมีค่อนข้างน้อย ทำให้ที่อยู่อาศัยของในแต่ละครัวเรือนนั้นมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ส่งผลให้มีพื้นที่ในการเล่นที่ไม่เพียงพอ สำหรับผู้เล่นที่มี Kinect นั้นจะรู้กันดีว่า Sensor จะตอบสนองในพื้นที่ๆ อยู่ห่างตัวเครื่อง Kinect พอสมควร ถึงแม้ช่วงหลังจะมีบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์เสริมต่างๆ ทำอุปกรณ์ลักษณะคล้ายเลนส์ เพื่อให้ Sensor จะตอบสนองในพื้นที่ๆ ใกล้ตัวเครื่องมากขึ้น แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไหร่

ชาวญี่ปุ่นเป็นชนชาติขี้อาย

      หลายคนอาจจะบอกว่า ขาวญี่ปุ่นเนี้ยะนะขี้อาย เห็นหลายคนก็ทำตัวโผงผาง บ้าๆ บอๆ แต่ถ้าเมื่อนับโดยรวมแล้ว  ชาวญี่ปุ่นเป็นชนชาติขี้อายครับ บางทีเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ยังอายเลย ยิ่งเป็นเหล่านักเล่นเกมแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะมักจะเป็นคนที่ไม่ค่อยจะพูดจา หรือทำอะไรโผงผางซักเท่าไหร่ เมื่อมาเล่นบางเกมของ Kinect ที่ต้องทำท่าทางแปลกๆ แล้ว ยิ่งทำให้ไม่มีความมั่นใจในการเล่น

ถึงผู้พัฒนาเกมไม่ค่อยทำเกมที่ซัพพอร์ตออกมา เกมจึงมีน้อย ยิ่งเป็นเกมที่โดนยิ่งน้อยเข้าไปกันใหญ่

      แน่นอนว่า Hardware นั้น ไม่สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ถ้าปราศจาก Software ต่างๆ  เกมที่ซัพพอร์ตกับ Kinect นั้น มีจำนวนที่ค่อนข้างน้อยจนหลายคนรู้สึกว่าไม่คุ้มเท่าไหร่ ที่จะเสียเงินซื้อ Hardware ที่ไม่ค่อยมี Software สนับสนุน รวมถึงนักพัฒนาเกมจากญี่ปุ่น ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเจ้า Kinect เท่าไหร่ เนื่องจากว่าการทำเนื้อหาเกมให้สอดคล้องกับเจ้า Kinect นั้นดูเป็นเรื่องค่อนข้างยาก เพราะว่าต้องใช้ไอเดียพอสมควรที่จะคิดตัว
เกมออกมาได้

ขี้เกียจและเบื่อง่าย

      ถ้าย้อนกลับไปสมัยที่เครื่อง Wii พึ่งเปิดตัวนั้น ก็เรียกได้ว่าสร้างเสียงฮือฮาได้ไม่ใช่น้อย ทุกคนแลดูตื่นเต้นมากในการเล่นครั้งแรก พอไปซักพักก็จะเริ่มเบื่อ จากที่เคยหวดเทนนิสสุดกำลัง กลายเป็นเหวี่ยงแขนเบาๆ จากนั้นก็จะเริ่มมีทริกโดยการเล็งมุมให้ตรงและขยับแค่ข้อมือเบาๆ เท่านั้น ผู้เขียนมองว่าเกมที่ต้องใช้การขยับเขยื้อนนั้นมันเล่นได้ไม่นานก็เบื่อแล้ว การเล่นเกมที่มีความสุขน่าจะนอนนิ่งๆ อยู่กับที่บนที่นอนนุ่มๆ สองมือประคองจอยกระดิกแค่นิ้วมันเป็นอะไรที่สบายที่สุดแล้วครับ พื้นฐานของชาวยุโรปนั้นเป็นคนที่ Active กว่าชาวเอเชียมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เลยอาจจะเล่นได้นานมากขึ้น

ปากต่อปาก ตัวสร้างโอกาสและหายนะที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลก

      ข้อนี้เป็นผลสืบเนื่องมากจากข้อที่แล้วครับ ในเมื่อมีสินค้าที่ไม่โดนใจ มนุษย์เราย่อมบอกกันปากต่อปากไปเรื่อยๆ จนบางคนคิดว่ามันแย่มากๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยได้ลองด้วยซํ้า และมันเป็นสิ่งที่ควบคุมกันไม่ได้ด้วย การทำให้ภาพลักษณ์ที่ดีกลายเป็นแย่นั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การที่จะปรับภาพลักษณ์ที่แย้ให้กลายเป็นดีนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก

การตลาดไม่ประสบผลความสำเร็จ

      ในมุมมองของผู้เขียนนั้น มองว่าทาง Microsoft นั้นทำการตลาดไม่ค่อยดี สังเกตได้ว่าไม่ค่อยจะมีการโปรโมทและการจัดแคมเปญทำ Road Show มากนัก จะมีใหญ่ๆ ก็แค่ตอนช่วงเปิดตัวกับ  Road Show ที่เป็นรถคาราวาน ในทางกลับกันทางด้าน Nintendo ทำการตลาดได้ค่อนข้างดีกว่ามากโดยการเจาะทุก Life Style ไม่ว่าจะเป็นเด็กและวัยลุ่นที่เล่นเกมแบบจริงจัง, คนทำงานที่ต้องการความเพลิดเพลิน หรือกลุ่มผู้เล่นที่ต้องการรักษาสุขภาพ รวมไปถึงคุณแม่มือใหม่ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายในช่วงที่กำลังตั้งท้อง หรือว่าดูแลเด็กที่พึ่งเกิด

      อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีข่าวจากทาง Microsoft ว่ากำลังพัฒนา Kinect ลงบน PC ซึ่งน่าจะนำไปต่อยอดพัฒนาอะไรกันได้อีกเยอะ รวมถึงมีข่าวการพัฒนา Kinect 2 อีกด้วย อนาคตของ Kinect ในญี่ปุ่นและฝันครั้งใหม่ Kinect 2 จะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นน่าติดตามจริงๆ

 

 

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ