Preview : Dota 2 Heroes ตอนที่ 7

แชร์เรื่องนี้:
Preview : Dota 2 Heroes ตอนที่ 7
     สวัสดีครับ มาถึงตอนที่ 7 กันแล้วกับ Preview Hero จาก Dota 2 เมื่อวันก่อนมีข่าวว่าหลุดภาพ Hero เพิ่มมาอีก 16 ตัวด้วยกัน แต่การ Preview รอบนี้จะยังไม่รวม Hero อีก 16 ตัวที่เพิ่งหลุดภาพออกมานะครับ
     กลับมาต่อที่การ Preview Hero ที่สัปดาห์ก่อนเราจบ Hero สาย Strength กันไปแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่ Hero สาย Agility แล้วล่ะครับ วันนี้จะพาไปดูตัวไหนกันบ้าง ไปดูกันครับ
 
Spectre
Str: 19 + 2.00
Agi: 23 + 2.20
Int: 23 + 2.20
     หลายๆ คนก็หลงเสน่ห์ของเจ้า Spectre ไม่น้อย มาภาค 2 หน้าตาก็ไม่ค่อยเปลี่ยนไปเลยซักนิด ด้วยลักษณะรูปร่างที่ดูน่าเกรงขามด้วยโดนสีดำไปทั้งตัว และสกิลต่างๆ ก็ถูกทำมาให้มีความน่าเล่นมาก ไม่ว่าจะเป็นสกิลปามีด Spectral Dagger ที่ปาออกไปแล้วเป้าหมายจะเคลื่อนที่ได้ช้าลง และตัวเราจะเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ตาม และสกิล Ultimate อย่าง Haunt ที่สามารถโจมตีเป้าหมายได้ทั่วแผนที่ ที่สำคัญ ยังสามารถเลือกเป้าหมายได้อีกด้วย ว่าเราจะว้าปไปลงที่ร่างเงาจุดไหน
     Spectral Dagger - สกิลนี้นอกจากจะสร้างความเสียหายให้แก้เป้าหมายแล้ว ยังช่วยลดความเร็วในการเคลื่อนที่ลงเป้าหมายลง อีกทั้งยังเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ของ Spectre ให้มากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าหากต้องการไล่ล่าเป้าหมายใด ให้เปิดด้วยสกิลนี้รับประกันว่าตามทันแน่นอน ข้อดีอีกอย่างของสกิลนี้คือ Cooldown ค่อนข้างเร็วทำให้ใช้ได้เรื่อยๆ
     Desolate - สกิลที่ควรอัพไว้ เพราะจะช่วยเพิ่มพลังโจมตีแบบไม่คิดค่าป้องกันของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งพลังโจมตีที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะเพิ่มขึ้นตามเลเวลของสกิล ได้พลังโจมตีเพิ่มขึ้นแบบนี้ไม่อัพได้ไง
     Dispersion - สกิลทีเด็ดของ Spectre เลยก็ว่าได้ ด้วยความสามารถที่สะท้อนความเสียหายทุกชนิดที่ได้รับกลับไปยังศัตรูโดยรอบนั้นถือว่าโกงมากๆ ซึ่งก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามคิดหนัก หากจะใช้สกิลแรงๆ โจมตีเข้ามา
     Haunt - สกิลหากินของ Spectre ด้วยความสามารถในการสร้างร่างแยกไปอยู่ข้างๆ Hero ฝ่ายตรงข้ามได้เหมือนเงา อีกทั้งยังสามารถวาร์ปไปยังเงาใดๆ ก็ได้ ทำให้ค่อนข้างได้เปรียบหากเจอ Hero ฝ่ายตรงข้ามที่เลือดเหลือน้อยก็สามารถวาร์ปไปหาแล้วกดใช้สกิล Spectral Dagger วิ่งตามไปจัดการได้อย่างสบาย ข้อดีอีกอย่างของสกิลนี้คือ ใช้สำหรับดูฝ่ายตรงข้ามว่าแอบเก็บเลเวลอยู่ตรงไหน ซึ่งจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกกดดันไม่กล้าออกไปเก็บเลเวลในป่าคนเดียว
 
Weaver
Str: 15 + 1.50
Agi: 14 + 2.50
Int: 15 + 1.80
     มดน้อยกลอยใจ ที่ภาค 2 หน้าตาเปลี่ยนไปไม่เหมือนมด แต่เหมือนตั๊กแตนซะมากกว่า Hero สุดแสบที่ยากจะจับตัวให้อยู่ มีจุดเด่นที่สกิลที่สามารถล่องหนและวิ่งชนเป้าหมายเพื่อสร้างความเสียหายได้ ทำให้เจ้า Hero ตัวนี้สุดแสนจะสร้างความปั่นป่วนให้ผู้เล่นที่เผชิญหน้ากับมันมากนักเชียว และยังมีสกิลอัลติเมทที่สามารถย้อนเวลากลับไปก่อนหน้านั้นเป็นทีเด็ดอีก
     The Swarm - สกิลที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเป้าหมายอย่างต่อเนื่องในชั่วระยะเวลา่หนึ่ง โดยการปล่อยแมลงไปพัวพันปั่นป่วนเป้าหมาย ใช้ก่อกวนฝ่ายตรงข้ามได้ดีแถมความแรงก็ไม่ขี้เหร่อีกต่างหาก
     Shukuchi - มีความสามารถเหมือนการใช้สกิล Wind Walk แบบชั่วคราว คือทั้งทำให้หายตัว และเคลื่อนไหวเร็วขึ้นชั่วขณะ หากเดินผ่านศัตรูขณะที่ใช้สกิลนี้อยู่ก็จะเป็นการสร้างแรงโจมตีใส่ศัตรูได้ด้วย สามารถใช้ฆ่าผู้เล่นฝั่งตรงข้ามตั้งแต่ช่วงแรกๆ เป็นอย่างดี
     Geminate Attack - ทำให้มีโอกาสโจมตีเป้าหมายได้ 2 ครั้งซ้อน โดยมีค่า Cooldown ของสกิลไม่กี่วินาที มีประโยชน์มากตั้งแต่ช่วงต้นเกม เพราะโอกาสที่จะได้เงินจากครีปมีสูงขึ้น ดังนั้นควรจะอัพสกิลนี้ให้เต็มตั้งแต่ช่วงแรก ควบคู่กับ Shukuchi ไปเลย
     Time Lapse - เป็นการย้อนเวลาของตนเองกลับไปเป็นช่วงไม่กี่วินาทีก่อน มีผลให้ค่า HP และตำแหน่งการยืนกลับไปอยู่ที่บริเวณนั้น มีประโยชน์อย่างมากในการเป็นตัวล่อให้เป้าหมายเข้ามาติดกับ แล้วค่อยใช้สกิลย้อนเวลากลับไป เพื่อฟื้นฟูค่า HP ให้เต็ม
 
Vengeful Spirit
Str: 16 + 2.30
Agi: 27 + 2.35
Int: 16 + 1.75
     วิญญาณอาฆาต มาภาค 2 หน้าตาเปลี่ยนไปจากสาวน้อย Silkwood หลายเป็นตัวแดงๆ มองไม่ออกเลยว่าเพศอะไร หลายคนมักจะเอ่ยคำว่า งง เมื่อเจอกับ Hero ตัวนี้ เพราะจุดเด่นของ Ultimate Nether Swap ที่สามารถสลับที่กับ Hero ทุกตัวภายในเกมในระยะที่กำหนด จุดนี้ช่วยให้สามารถลาก Hero ฝ่ายตรงข้ามมาให้พรรคพวกเรายำได้สบาย ๆ และสกิลนี้ยังสามารถช่วยให้รอดตายได้ด้วยในเหตุร้ายบางครั้ง แถมด้วยสกิล Stun อย่าง Magic Missile และ Terror ที่ช่วยลดค่า Def ของเป้าหมายอีก ทำให้ Vengeful Spirit ค่อนข้างมีบทบาทกับทีมมาก
     Magic Missile - ถือเป็นสกิล Stun ที่แรงที่สุดเลยก็ว่าได้ ถ้าไม่นับพวกสกิล Ultimate ที่ให้ผลเป็น Stun อีกทั้งยังเป็นสกิลที่สามารถทำให้ไล่ฆ่าอีกฝั่งได้ตั้งแต่เลเวลต้นๆ
     Terror - ด้วยความสามารถในการลดเกราะและลดพลังโจมตีของอีกฝั่งตรงข้าม อีกทั้งยังมีระยะหวังผลไกลมาก จึงทำให้สกิลนี้ใช้เป็นสกิลเปิดเกมในจังหวะ All ได้ดี อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการเปิด Fog ซึ่งเหมาะแก่การไล่ตุ๋ยหรือเวลาที่เราต้องการเช็คHero ฝั่งตรงข้ามามซึ่งถ้าใช้คู่กันกับ Observer Ward แล้วเราก็แทบจะสามารถรับรู้ได้เลยว่าใครทำอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง
     Command Aura - ด้วยคุณสมบัติเพิ่ม Damage ซึ่งสูงมาก ทำให้ Vengeful Spirit ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งไอเทมอะไรมากก็สามารถโจมตีแรงได้อยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นสกิลที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับทีมในจังหวะปะทะได้เป็นอย่างดี จึงสมควรที่จะอัพสกิลนี้ให้เต็มพร้อมกับ Magic Missle เลยล่ะครับ
     Nether Swap - สกิลตุ๋ยสุดแสบ ที่ใช้สลับตำแหน่งตัวHero เรากับHero เป้าหมาย โดยสามารถใช้ได้ทั้งเกมรุกและรับ อีกทั้งยังเพิ่มความสามารถในการไล่ตุ๋ยในป่าให้สูงยิ่งขึ้น
 
Venomancer
Str: 18 + 1.85
Agi: 22 + 2.60
Int: 15 + 1.75
     จากที่หน้าตาคล้าย Zerg ในภาคแรก มาภาค 2 กลายเป็นตัวอะไรไปแล้ว!? โดยหลักๆสกิลทั่วไปของ Hero ตัวนี้จะเน้นไปทางพิษร้ายซึ่งมีความรุนแรงมาก หากใครโดนเข้าไปอาจถึงตายได้ทุกเมื่อครับ
     Venomous Gale - ตั้งแต่สกิลพิษอันนี้ปรับรูปแบบมาเป็น AOE ทำให้สกิลนี้มีความอันตรายมากขึ้นทีเดียว เพราะจะมีผลต่อฝ่ายตรงข้ามได้ทั้งกลุ่ม ทั้งการลดเลือดอย่างต่อเนื่อง และการลดความเร็วในการเคลื่อนที่ จังหวะในการใช้นั้น หากเจอเป้าหมายที่อยู่เลนเดียวกันมากกว่า 1 คน ก็ควรจะรอให้เป้าหมายอยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงกันก่อน แล้วค่อยกดใช้สกิล แต่ถ้าหาจังหวะแบบนั้นไม่ได้ ก็พยายามใช้กับHero ตัวเดิมๆ เพื่อกดดันไม่ให้เก็บเลเวลได้ และจะต้องกลับบ้านไปเติมเลือด
     Poison Sting - สกิลพิษอันนี้ มีผลต่อเนื่องนานพอสมควร ถึงแม้เลเวลแรกๆ ก็จะลดเลือดได้นิดหน่อย แต่ถ้าคิดตามเวลาเข้าไปก็ไม่ใช่น้อยเลย ดังนั้นความสำคัญจึงไม่แพ้สกิลแรก ผลของสกิลนี้ นอกจากการลดเลือดอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังทำให้เป้าหมายเคลื่อนที่ช้าลงด้วย หากต้องการไล่ฆ่าตั้งแต่เลเวลแรก การอัพสกิลนี้ก็จะช่วยเพื่อนในการทำคอมโบได้ดีทีเดียว
     Plague Ward - สกิลนี้หากจะมองไปที่ความแรกของสกิลแล้ว ขอบอกว่าเล็กน้อยมากๆ ไม่คุ้มกับแต้มสกิลที่ต้องเสียไปสักเท่าไร แต่ถ้าคิดจะอัพมาใช้เพื่อแชร์ความแรง หรือเป็นป้อมปราการให้ ก็อาจจะพอใช้ได้อยู่บ้างเช่นกัน
     Poison Nova - สกิลระเบิดพิษอันนี้เป็นตัวเปิดคอมโบที่ดีมากๆ โดยความความสามารถในการปล่อยพิษรอบทิศทางในระยะที่ไกลมากๆ นั้น อาจจะเสี่ยงไปสักหน่อย หากต้องวิ่งเข้าไปกลางดงคู่ต่อสู้ การรอให้ผู้เล่นคนอื่นเข้าไปล่อเป้า หรือใช้สกิลหยุดทั้งกลุ่มก่อน น่าจะปลอดภัยกว่า
 
Mirana
Str: 17 + 1.85
Agi: 20 + 2.75
Int: 17 + 1.65
     สาวน้อยขี่เสือ หน้าตาน่ารักขึ้นเป็นกองในภาค 2 นี้ เป็น Hero สาย AGI ที่มีระยะ Range ไกลพอสมควรครับ ทำให้ง่ายต่อการเก็บเลเวลและปลอดภัยจากศัตรูอีกด้วย สำหรับสกิลทีเด็ดของ Hero ตัวนี้คือท่า Moonlight Shadow มีความสามารถทำให้ Hero ทั้งหมดในทีมหายตัวได้ ซึ่งถือว่าเป็นท่า Ultimate ที่ช่วยให้ทีมของเราได้เปรียบแบบสุดๆ ไม่ว่าจะใช้เปิดหายตัวเมื่อทำการบุก หรือใช้หายตัวเมื่อยามหนีตายก็ดีเยี่ยมครับ
     Starfall - ข้อดีของสกิลนี้คือสามารถโจมตีได้เป็นวงกว้างมาก ระยะเวลาในการใช้ครั้งต่อไปก็ไม่มาก อีกทั้งพลังโจมตีก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย สามารถใช้เป็นได้ทั้งสกิลเปิดและปิดเกม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
     Elune's Arrow - ถือว่าเป็นสกิลหากินเลยก็ว่าได้ ด้วยความสามารถของสกิลที่มีระยะทำการไกลมาก รวมถึงสถานะ Stun ที่ติดนานอีก แถมมีความรุนแรงมาก สามารถยิงออกมาจากป่าเพื่อโจมตีเป้าหมายได้
     Leap - สกิลกระโดดไปยังที่หมาย ประโยชน์ของสกิลนี้มีหลากหลาย ใช้ได้ทั้งตอนบุก ตอนตามล่าและตอนหนี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ให้ยูนิตฝ่ายเดียวกันอีกด้วย
     Moonlight Shadow - สกิลพรางตัว Hero ภายในทีม เป็นอีกหนึ่งสกิลที่มีประโยชน์มาก สามารถใช้งานพลิกแพลงได้หลายสถานการณ์ ใช้ได้ทั้งตอนบุกและถอย หรือจะใช้ช่วยเพื่อนในทีมตอนกำลังหนีตายก็ได้
 
Drow Ranger
Str: 17 + 1.90
Agi: 22 + 1.90
Int: 15 + 1.40
     สาวน้อยนักธนูที่หน้าตาไม่ค่อยเปลี่ยนไปเท่าไหร่นัก Support Carry สุดโหดที่มีดีทั้งความเร็วและความแรง ถึงจะไม่มีสกิล Disable ดีๆ หรือสกิลหนีเอาตัวแบบตัวอื่นๆ แต่ด้วยความสามารถในการทำให้เป้าหมายติด Slow บวกกับค่าพลังโจมตีที่สูงมากๆ เมื่อเทียบกับ Hero ตัวอื่นๆ จึงทำ Drow Ranger เป็นอีกหนึ่ง Hero ที่หลายๆ คนชื่นชอบ
     Frost Arrows - ด้วยความสามารถในการ Slow ที่สูงมาก จึงทำให้เป้าหมายที่โดนสกิลนี้เข้าไปแล้ว ยากต่อการจะเดินหนีเราไปได้ และยิ่งถ้าเป้าหมายดังกล่าวมีท่าทีจะวิ่งหนีมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งที่จะจัดการเป้าหมายได้ง่ายขึ้นเท่านั้น เพราะว่าเมื่อ Traxex มีเลเวลประมาณ 6 ขึ้นไป การที่เป้าหมายจะเดินแบบปรกติเพื่อให้หลุดจาก Frost Arrows นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้
     Silence - สกิลใบ้สุดแสบที่กินระยะกว้างมากๆ อีกทั้งยังทำให้ติดสถานะ Slience นานมาก เราก็สามารถใช้เวล่ตรงนี้จัดการฮีโร่ตัวนิ่มๆ ของฝั่งตรงข้ามได้อย่างสบายๆ และยังใช้ได้ดีทั้งในจังหวะการปะทะ หรือการไล่ฆ่าฮีโร่ที่มีสกิลเอาตัวรอดเก่งๆ หรือแม้แต่พวกฮีโร่ตระกูล Nuker ก็ยังทำได้
     Trueshot Aura - สกิลเพิ่มพลังโจมตีระยะไกลให้กับทั้งทีม มีประโยชน์มากหากทีมมี Hero โจมตีระยะไกลหลายตัว
     Marksmanship - ด้วยสรรพคุณที่เพิ่ม Agi ให้อย่างมากจึงทำให้ Drow Ranger กลายเป็น Damage Dealer แบบเต็มตัวได้อย่างสบายๆ เพราะถึงในตัวจะไม่มีอะไรแต่ดาเมจที่เพิ่มเข้ามานั้นก็เป็นหลักร้อยแล้ว อีกทั้งยังได้ดาเมจเสริมจาก Trueshot Aura อีก และยิ่งโบนัสของสกิลนี้เป็น Agi ก็จะเท่ากับว่าเรานั้นจะได้รับทั้งค่า Atk, Aspd และ Armor มาไว้กับตัวด้วย
 
Sniper
Str: 16 + 1.70
Agi: 21 + 2.90
Int: 21 + 2.90
     ตาหนวด Kardel ในภาคแรก มาภาค 2 ตัดแว่นเพิ่มซะแล้ว ด้วยระยะยิงที่ไกลมากๆ เรียกได้ว่าไกลที่สุดของเกมเลยก็ว่าได้ ทำให้ Sniper สามารถหรอยเป้าหมายยิงฟรีได้อย่างสบาย บางคนความรู้สึกช้าหน่อย กว่าจะรู้ตัวก็โดนยิงฟรีไปหลายทีแล้ว บวกกับความสามารถในการ Slow เป้าหมายแบบ AOE ก็ยิ่งทำให้ ทีมเกิดความได้เปรียบเข้าไปใหญ่ และสกิล Ultimate ที่มีระยะยิงไกลโคตร! จึงทำให้เป้าหมายนั้นแทบจะไม่มีทางหนีไปไหนได้ และด้วยระยะยิงที่ไกลและแรงนี่แหละครับ จึงทำให้ใครต่อใครก็รักที่จะเล่นใน Sniper
     Sharpnel - ด้วยความสามารถในการ Slow แบบ AOE จึงทำให้สกิลนี้น่าใช้ขึ้นอีกมาก เพราะใช้ได้ดีทั้งในจังหวะบุกไปตีป้อม หรือใช้โยนลงกลางวงปะทะ ก็จะช่วยให้ทีมเราได้เปรียบฝั่งตรงข้ามขึ้นอีกมาก
     Headshot - เพิ่มทั้งดาเมจ อีกทั้งยังได้ Stun เล็กๆ และยังช่วงให้การฟาร์มในช่วงแรกสะดวกสะบายยิ่งขึ้น และยิ่งในช่วงเลเวลหลังๆ ที่เราเริ่มยิงเร็วมากขึ้นแล้ว เราก็สามารถที่จะฆ่าอีกฝั่งได้ง่ายๆ โดยที่เค้าไม่สามารถที่จะเดินถึงตัวเราได้เลยล่ะครับ
     Take Aim - เพิ่มระยะยิ่งมากขึ้นอีกพอสมควรซึ่งจะทำให้เราสามารถยิง Tower ได้ฟรีๆ โดยที่ไม่โดน Tower สวนกลับ และยังทำให้ได้เปรียบฮีโร่ตัวอื่นๆ ในด้านระยะยิงอีกด้วย ดังนั้นเราควรจะอัพสกิลนี้ให้เต็มเป็นสกิลแรกเลยครับ
     Assassinate - ด้วยความแรงและระยะการยิงที่ไกลมากๆ จึงทำให้สกิลนี้สามารถใช้เป็นทั้งสกิลเปิด เพื่อยิงตอดฮีโร่ตัวนิ่มๆ ของฝั่งตรงข้าม หรือใช้ในจังหวะที่ฝั่งตรงข้ามใกล้ตายและกำลังหนี ก็จะช่วยให้สามารถจัดการฝั่งตรงข้ามได้สบายขึ้นด้วย
 
     ก็จบไปอีกหนึ่งตอนนะครับ ในสัปดาห์หน้าก็จะเป็นตอนสุดท้ายกันแล้ว เรียกว่าเขียนข้ามเดือนกันเลยทีเดียว แล้วพบกันครับผม สวัสดีครับ

 

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ