ในยุคสมัยนี้วงการเกมพัฒนาไปมากเลยใช่ไหมครับเพื่อนๆ โดยเฉพาะที่เปลี่ยนไปมากที่สุดเลยก็คือเกมที่ทำออกมาให้เข้ากับยุคที่การติดต่อสื่อสารผ่านอินเตอร์เนตมีมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือเหล่าเกมออนไลน์ทั้งหลายนั่นเอง แต่วันนี้ ผม Barrettez ไม่ได้มาพูดถึงเกมออนไลน์หรอกครับ (อ้าวแล้วจะเกริ่นทำซากอะไรฟระ >_<)
อ๊ะๆ อย่าเพิ่งสับสนครับ แต่ผมกำลังพูดถึงเกมที่สามารถออนไลน์เล่นโหมด Multiplayer ได้ หรือเล่นแบบ Lan ผ่านเครือข่ายในพื้นที่นั่นเองครับ
สำหรับเพื่อนๆ รุ่นเก๋าคงจะจำกันได้กับการเล่น Counter Strike Multiplayer ยิงกันนัวเนียนะครับ ^^
เพื่อนๆ เคยสังเกตบ้างไหมว่า ทำไมเครื่องเกม Next - Gen หรือแม้แต่เกมคอมพิวเตอร์ช่วงหลังๆ มานี้ถึงเริ่มมีเกมจำพวก Multiplayer เพิ่มมากขึ้น ? ไม่ว่าจะ Co-Op ช่วยกันบุกตะลุยเนื้อเรื่อง, ผ่าน mission, หรือแม้จะเล่นต่อสู้กันเอง
มาด้วยกัน ไปด้วยกัน อุ่นใจกว่าเยอะ
ต่างกับสมัยก่อนๆ ที่ผมค่อนข้างมั่นใจเลยว่าเพื่อนๆ หลายคนคงเคยปิดห้องนั่งกดเกมกันอยู่คนเดียว ไม่พบปะสังคมกับใคร เพราะช่วงเวลาเล่นเกม เป็นช่วงเวลาส่วนตั๊ว ส่วนตัว ใช่ไหมล่ะครับ ^^
ประเด็นก็มาเกิดขึ้นตรงนี้แหละครับ หลังจากที่ผมเล่นเกม FEAR 3 และรีวิวให้เพื่อนๆ ได้ชมไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถึงการเพิ่มการเล่นแบบ Multiplayer ลงไปในเกม ซึ่งต่างจากภาคก่อนๆ ที่เคยมีมาทั้งหมด ผมจึงเกิดความคิดขึ้นมาว่า "ทำไม เกมสมัยนี้ถึงต้องทำให้เป็นแบบ Multiplayer กันด้วยนะ
ลองมาวิเคราะห์เปรียบเทียบกันแบบจุดต่อจุด กันดีกว่าครับโดยเริ่มตั้งแต่เรื่องสังคมกันเลย
โดยช่วงนี้ ผมคิดว่าเกม Singleplayer เริ่มหายากเต็มทีแล้ว อันเนื่องมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน โดยหลักๆ ก็เหมือนกับที่บอกไปตอนแรกแล้ว ว่าสังคมของคนเราในสมัยนี้เปิดกว้างขึ้น แค่กดปุ่ม Power บนเครื่อง PC ก็สามารถรับรู้เรื่องราวและความเป็นไปของทั่วทั้งโลกได้แล้ว รวมไปถึงการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนๆ ที่แม้จะอยู่ใกลก็ทำได้ง่าย ยิ่งมีพวกเกมให้เล่นร่วมกันอย่างเช่นใน Facebook ก็ยิ่งทำให้คนเราออกสู่โลกกว้างมากขึ้นพบเพื่อนใหม่มากขึ้น (และคำขอจากเกมก็จะเยอะมากขึ้นเช่นกัน...)
หากให้สมมุติแล้วล่ะก็ การยืนเดาะบอลอยู่คนเดียว กับการออกไปเตะบอลกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ๆ อย่างไหนจะสนุกกว่ากัน เท่านั้นเอง นี่แหละครับ เป็นเหตุผลที่ทำให้คนเริ่มหันไปสนใจการเล่นแบบ Multiplayer มากขึ้น เพราะนอกจากได้ทำกิจกรรมเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ แล้ว ยังได้มีโอกาสพบเพื่อนใหม่ๆ มากขึ้นด้วย ในที่นี้ก็รวมไปถึงเกมออนไลน์ด้วยเช่นกัน
แต่ข้อเสียมันก็มีเหมือนกันนะครับอย่างเช่นเวลาไปเล่นเกมกับคนที่ไม่รู้จัก อาจไม่เข้าขากันจนถึงขั้นทะเลาะกันเลยก็มี หรือไปพบปะกับผู้เล่นที่นิสัยไม่ดี เราก็คงหงุดหงิดเล่นเกมไม่มีความสุขได้เช่นกัน
หากมองในด้านของการช่วยกันเล่นแล้ว
สมัยก่อนผมเคยลองเล่นเกม Demon Soul คนเดียวดูครับ (ยากฉิบหายเลย) หรืออย่างปราบมังกรยักษ์ใน Monster Hunter ที่บุกไปฆ่ามันคนเดียวเป็นวันมันยังไม่ตาย การเล่น Multiplayer จึงมีบทบาทมากกับเกมเหล่านี้มาก (ทีมผู้พัฒนาก็คงตั้งใจทำเกมให้ยาก เพื่อให้ผู้เล่นได้ช่วยเหลือกันนั่นเอง) และการช่วยเหลือกันก็จะช่วยให้ผ่านมิชชั่นเร็วขึ้นอีกด้วย
โดยส่วนตัวผมชอบระบบ Multiplayer ของ Army of Two มากครับ เพราะนอกจากจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันแล้ว ยังมีการวางแผนใช้เพื่อนล่อแล้วตลบหลัง อีกด้วย
ผมว่าแนวคิดในการพัฒนาเกมให้ยากๆ เพื่อผู้เล่นช่วยเหลือกัน มันก็เป็นเรื่องที่ดีนะครับ แต่หากจะมองในมุมกลับกันแล้ว หากเราไม่สามารถหาเพื่อนมาเล่นเกมกับเราได้ล่ะ ? อย่างเช่น Demon Soul ซึ่งเดี๋ยวนี้หาคนเล่นด้วยยากเต็มที ที่วิ่งกันอยู่ก็มีแต่พวกเลเวลสูงๆ ที่จ้องไล่ฆ่าเด็ก (แล้วตูจะเล่นยังไงฟระ ?) ซึ่งหากเป็นเกม Singleplayer ทั่วไปนึกอยากจะเล่นก็หยิบมาเล่นได้ทันที ไม่ต้องง้อ หรือรอใครมาเล่นด้วย ซึ่งผมก็มองว่ามันมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปครับ
ด้านความคุ้มค่าของเกมล่ะ ?
เกม Singleplayer ล่าสุดที่ผมเพิ่งจะเล่นมา ก็มี Alice Madness Return, Shadow of the Damned กับ L.A.Noire ทั้ง 3 เกมที่ว่ามาผมให้ความรู้สึกคุ้มค่าต่างกัน เพราะเกมส่วนใหญ่เมื่อเล่นจบแล้วก็คือเล่นจบครับ มีโอกาสน้อยมากที่จะหยิบกลับมาเล่นใหม่หากไม่คิดถึงจริงๆ หรือมีหลายทางเลือกที่ชวนให้กลับมาเล่นใหม่
ส่วนเกม Multiplayer ที่ผมเล่นล่าสุดก็ FEAR3 นี่แหละครับ ถ้ามองในมุมเดียวกัน เล่นเนื้อเรื่องแล้วมันก็คือจบ แต่ผมสามารถเปลี่ยนเพื่อนเล่น Co-Op ได้เรื่อยๆ หรือลงเล่นแบบสู้กันเองก็เจอศัตรูที่ไม่ซ้ำหน้ากันดีทำให้เกมไม่น่าเบื่อและเล่นได้เรื่อยๆ นั่นเองครับ ด้านชั่วโมงบินในการเล่นนั้น ผมมั่นใจว่าเกม Multiplayer คุ้มค่ากว่าเกม Singleplayer แน่นอนครับ
แต่บางที ผมนึกอยากอาร์ตขึ้นมา เกมบางเกมไม่อยากเล่น Multiplayer หรือระบบ Multiplayer ห่วยจนไม่อยากเล่น และอยากเล่นเกม Singleplayer แทนเพื่อเสพย์เนื้อเรื่อง ที่เกม Multiplayer ให้กับเราได้ไม่เต็มที่ เพราะข้อจำกัดของเกม Multiplayer ส่วนใหญ่ก็คือด้านความจุของเกมที่มีจำกัด แถมต้องยัดระบบ Multiplayer ลงไปในแผ่นอีก ทำให้เกม Multiplayer เนื้อเรื่องสั้นบรรลัยจนบางทีถึงกับว่า "อ้าว จบแล้วเหรอ" ไม่ก็ระบบภาพด้อยกว่าต่างกับเกม Singleplayer ที่ยัดเนื้อเรื่องมาแบบเต็มๆ เล่นนานกันเบื่อเลยล่ะครับ
มาถึงตรงนี้แล้วเพื่อนๆ อาจจะคิดว่า "งี้เกม Multiplayer ก็ดีกว่า Singleplayer ล่ะสิ" ผมก็ยังขอค้านอยู่ดีครับ เพราะผมนั้นนานๆ ถึงจะมีโอกาสได้เล่นเกมสักครั้ง ทำให้เล่นเกม Multiplayer ตามคนอื่นไม่ค่อยทัน และเป็นผู้ชอบเล่นเกมแล้วเสพย์ความเข้มข้นของเนื้อเรื่องมากกว่าด้วย สรุปแล้ว ผมคิดว่าทั้งสองรูปแบบมีดีต่างกันไป จะให้ฟันธงแบบใดแบบหนึ่งคงยาก ดังนั้นผมว่าตัดสินจากความชอบของตัวเพื่อนๆ เอง จึงจะดีที่สุดครับ ซึ่งใครมีความเห็นยังไงบ้าง ก็มาพูดคุยกันได้ครับ ^^