สวัสดีครับเพื่อนๆ สัปดาห์นี้เจอหน้ากันในบทความถึง 2 รอบเลยทีเดียว อย่าตกใจครับว่า Barrettez มันไปกินรังแตนที่ไหนถึงได้คึกต่อบทความใหม่แบบนี้ แต่เป็นเพราะอำนาจมืดจากบุคคลใกล้เคียงและครับ (ฮ่าๆ)
มาว่ากันด้วยเรื่องประเด็นที่ผมจะกล่าวถึงในวันนี้กันดีกว่าครับ เพื่อนๆ คงจะเคยเล่นเกมๆ นึงจบ แล้วก็ย้อนกลับมาเล่นใหม่กันบ้างใช่ไหมครับ ? (อย่างน้อยก็สักเกมสองเกมแหละน่า) วันนี้ผมก็จะพาเพื่อนๆ มาแชร์เรื่องราวส่วนตัวกันว่าด้วยเรื่องทัศนคติที่มีต่อเกมว่ามีปัจจัยใดบ้าง ที่ทำให้เพื่อนๆ ย้อนกลับมาเล่นเกมที่เคยจบไปแล้วอีกครั้ง (หรือหลายๆ ครั้ง)
หมายเหตุ : ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผมเองครับ ก็อาจจะมีบางข้อไม่ตรงกับเพื่อนๆ บ้างก็ลองๆ แชร์กันดูนะครับว่าเป็นข้อไหนกันบ้าง
1."ทางนั้นก็น่าสนใจ ทางนี้ก็อยากจะลอง ก็เกมมันเลือกได้หลายทางนี่นา"
แน่นอนครับ ถ้าพูดถึงเกมที่หลายๆ คนย้อนกลับมาเล่นใหม่ ยังไงก็ต้องไม่พ้นหัวข้อหลักคือการเลือกเส้นทางเล่น เกมในยุคหลังๆ มีเส้นทางให้เลือกมากยิ่งขึ้น เนื้อเรื่องหลายเส้นทาง มักจะเป็นเกม RPG หรือเกมแนว Simulation เป็นส่วนใหญ่ โดยเราต้องสวมบทบาทเป็นตัวละครในเกม และเลือกตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรในสถานการณ์นั้นๆ ซึ่งหากเมื่อเราตัดสินใจแล้วจะมีผลกับเนื้อเรื่องต่อๆ ไปในเกม ไม่มากก็น้อย บางทีก็มีผลต่อฉากจบของเกมเลย เป็นต้น ซึ่งพอเล่นจบทางนึง ก็ชักอยากเล่นอีกทางเลยเล่นใหม่ มักจะพบมากในเกมแนว Ren-Ai จีบสาว และเกมโลกมืดทั้งหลาย (หึหึ) ซึ่งพอจีบตัวละครนี้จบ แล้วเกิดอยากจีบตัวละครอีกตัวบ้าง หรือบางเกม ที่เล่นแล้วมาเจอทางแยกให้เลือกเดิน 3-4 เส้นทาง ซึ่งเมื่อเดินเข้าไปแล้ว เนื้อเรื่องจะมุ่งตรงไปทางนั้นๆ เลย บางทีผมเองก็ชักอยากรู้ ว่าถ้าเลือกอีกเส้นทางแล้วมันจะมีเนื้อเรื่องแบบไหนรออยู่ จึงย้อนกลับมาเล่นใหม่
2."เฮ้ย เล่นพลาดต้องเอาใหม่"
เคยเป็นไหมครับ เวลาเล่นเกมแล้วทำอะไรพลาด ต้องย้อนกลับมาเล่นใหม่ ส่วนใหญ่เกมเมอร์เหล่านี้มักจะมีท่าไม้ตายครับ.. "ดัชนีทะลวงเวลา" กด Reset ทันทีที่เล่นพลาดหรือตอบคำถามผิดเพื่อย้อนกลับมาเล่นใหม่ให้ถูกต้องตามที่ตั้งใจเล่น แต่น่าสงสาร ที่เกมสมัยนี้ ด้วยระบบ Auto Save สุดล้ำของเกม ทำให้บางครั้ง เลือกผิด เล่นพลาด เพื่อนตาย มัน Auto Save ทันที ทำให้ท่าไม้ตาย ดัชนีทะลวงเวลา ของเพื่อนๆ ไร้ผล กลายเป็นปาเต้าหู้ใส่กำแพงไปเลย ถ้าเป็นช่วงกลางเรื่องขึ้นไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็มักจะทนเล่นต่อให้จบ แต่ก็มีบางคนครับ ที่ยอมสังเวยเซฟเดิมทิ้ง เพื่อย้อนเวลากลับไปสู่จุดเริ่มต้น หรือเล่น New Game ใหม่เลยนั่นเอง
3."รอบที่แล้วตูเป็นคนดี รอบนี้ขอเลวบ้างล่ะ"เกมยุคใหม่ มักต้องมีให้เลือกครับ ว่าจะเล่นเป็นคนดีหรือคนเลว ซึ่งก็มีผลต่อรูปแบบการเล่นของเกม สกิลที่เปลี่ยนรูปแบบไป ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่นๆ และเนื้อเรื่องของเกม ส่วนตัวผมเวลาเล่นเกมจำพวกนี้มักจะเล่นเป็นคนดีไว้ก่อน แล้วค่อยปลี่ยนมาเล่นคนเลวในรอบ 2 (ผมรู้สึกว่าเล่นคนดีมันเล่นง่ายกว่า) ซึ่งก็แล้วแต่ความต้องการส่วนบุคคลครับ
4."จบเกมแบบธรรมดาไปแล้ว อยากลองอะไรที่มัน Advance กว่านี้ !"
บางคนชอบความท้าทายครับ หลังจากเล่นเกมจบแล้วก็อยากลองอะไรที่ยากขึ้นไปอีก ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็น Easy, Normal, Hard ซึ่งคิดว่า 90% ของเหล่าเกมเมอร์ ยังไงก็เล่น Normal ก่อนแน่นอน เป็นเหตุให้พอจบแล้วอยากลองแบบ Hard ดูบ้างเพื่อเพิ่มดีกรีความมันส์ และหลังๆ มานี้เกมส่วนใหญ่มักจะมี 4 – 5 ระดับความยากเลยทีเดียว หรือบางเกมที่เมื่อเล่น Hard จะมีเนื้อเรื่องเพิ่มขึ้นมา หรือบอสใหญ่ตัวใหม่กับเนื้อเรื่องที่สมบูรณ์มากขึ้นเป็นต้น
5."เวรกำ จบ Bad ต้องเล่นใหม่ให้ Good"
เกมบางเกมมีฉากจบหลายแบบ หรือบางเกม ฉากจบแยกเฉพาะตัวละครเลยก็มี ถ้าเล่นแบบตามมีตามเกิดไปเรื่อยๆ ยากนักที่จะได้ฉากจบดีที่สุด ทำให้ต้องกลับมาเล่นใหม่ หรือบางคนจบ Good Ending แล้วนึกพิเรนท์อยากเห็นฉากจบ Bad Ending จนกลับมาเล่นใหม่ก็มี อย่างผมที่เล่น Heavy Rain มาหลายรอบแล้ว จนได้ฉากจบ Good หมดทุกตัวละคร ยังอยากย้อนกลับไปเล่นให้มัน bad บ้างทุกตัวละครเลยเหมือนกัน
6."Achievement / Trophy ต้องเต็ม 1,000 !!!"
ต้องยอมรับจริงๆ ว่าทีมผู้พัฒนารู้ใจเกมเมอร์อย่างมาก ถึงได้สร้าง Achivement และ Trophy ขึ้นมาสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการเล่นเกมให้ครบสมบูรณ์เต็ม 1,000 แต้ม หรือ 100% นั่นเองซึ่งมันก็มีข้อดีหลายอย่าง นอกจากแค่เพื่อเก็บแต้มโชว์นะครับ เพราะมันสามารถแสดงให้เราเห็นว่า เราเล่นเกมๆ นี้สมบูรณ์แค่ไหน เนื้อเรื่องครบหรือยัง, เก็บของครบหรือไม่, เปิดแผนที่ทั่วแล้วหรือยัง ฯลฯ บางเกมผมเล่นจบแล้ว ได้แค่ 300 กว่าแต้มเองก็มี มันก็เป็นการกระตุ้นให้กลับมาเล่นใหม่ได้ดีเลยทีเดียวครับ บางเกมต้องไล่เก็บของ เก็บไฟล์ให้ครบ ถึงจะได้รู้เรื่องราวของเกมเต็ม 100% ก็มี
7."DLC ใหม่ออกแล้ว กลับมาเล่นใหม่ดีกว่า"
DLC หรือ Downloadable Content นั้นก็เป็นตัวล่อให้คนย้อนกลับมาเล่นเกมอีกรอบได้เช่นกัน เพราะมีการเสริมเนื้อเรื่อง, อาวุธ หรือสกิลใหม่ๆ ที่เชิญชวนให้ผู้เล่นลิ้มลอง หรือบางเกมก็เปลี่ยนเนื้อเรื่องแหวกแนวจนไม่เหลือเค้าเดิมเลย บางเกมเล่นจบไปนานแล้ว แต่พอ DLC เพิ่งออก เล่นแล้วก็เกิดระลึกถึงความหลังควักกลับมาเล่นใหม่ก็มี
8."มันคลาสสิคดีอ่ะ"
บางเกมเก่าๆ โบราณคร่ำครึ แต่มันคลาสสิก ก็ไปหากลับมาเล่นใหม่ หรือแบบ Rockman ที่ถึงแม้เอาเกมภาคเก่ากราฟฟิก 8 บิท มาขายใหม่หลอกตัง คนเล่นรุ่นเก่าก็ยังไปสรรหามาเล่นใหม่ เพราะมันคลาสสิก สำหรับผมก็มี Castlevania ภาค Symphony of the Night ของเครื่อง PS1 นี่ขุดกลับมาเล่นบ่อยมาก แบบว่า เล่นเกมอื่นจบสักเกมสองเกม ก็จะกลับมาเล่นเกมนี้ต่อ อยู่เรื่อยๆ ปัจจุบัน ผมก็ยังคิดถึงและอยากกลับไปเล่นอยู่เลยล่ะครับ
9."ภาคใหม่จะมาแล้ว มันต้องย้อนไปเล่นภาคเก่าเอาความต่อเนื่อง"
จำได้เลยว่าตอน Dead Space 2 กำลังจะออก ผมรีบขุด Dead Space ภาคแรกออกมาเล่นใหม่อีกรอบทันทีหลังจากเล่นภาคแรกจบ ก็จัดต่อด้วยภาค 2 ทันที และก็มีอยู่หลายๆ เกมที่เวลาออกภาคใหม่แล้วผมย้อนกลับไปเล่นภาคเก่าก่อนเพื่อรื้อฟื้นเนื้อเรื่องและความต่อเนื่องครับ
10."ก็เกมมันดีไงล่ะ"
(สั้นๆ ได้ใจความ) คำๆ นี้เป็นคำพูดที่ได้มาจากพ่อของผมเองครับ ตอนที่เขาเล่น Bio Hazard และ Silent Hill 1-3 วนไปมาอยู่หลายๆ รอบเกือบครึ่งปี และผมก็คิดว่า มันเป็นเหตุผลสุดท้ายที่ครอบคลุมทั้งหมด ตั้งแต่ข้อ 1 – 9 เลยล่ะครับ คือเกมดี เล่นแล้วชอบ ถึงได้กลับมาเล่นใหม่ได้เรื่อยๆ หากเล่นจบแล้ว แต่เกมไม่มีความสนุก หรือเล่นแล้วไม่รู้สึกว่าเกมมันดีเอาซะเลย ก็ไม่มีทางวนกลับไปเล่นใหม่แน่นอน และเผลอๆ อาจจะเล่นไม่จบซะด้วยซ้ำเพื่อนๆ ว่าไหมครับ ?
เป็นยังไงกันบ้างครับ เพื่อนๆ มีใครอยู่ในหมวดหมู่เหล่านี้บ้างหรือเปล่า หรือใครมีนอกเหนือจากนี้ก็ลองมาแชร์หรือพูดคุยกันในหน้านี้ได้นะครับ