เอาล่ะครับ ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะมาว่ากันด้วยเรื่อง เกมกับภาพยนตร์กันต่อจากที่ค้างไว้นะครับที่ http://www.online-station.net/feature/feature/14743 และวันนี้ ผม Barrettez จะพาเพื่อนๆ มาวิเคราะห์กันถึงเรื่อง เกมจากภาพยนตร์กันบ้าง ว่ามีปัจจัยด้านใดที่ทำให้เกมออกมาแล้วดูไม่น่าสนใจ
และเหมือนเคยครับ หมายเหตุ - ควรใช้วิจารณญาณ และ จิตวิญญาณ ในการอ่านด้วยนะครับ ไม่แนะนำให้ใช้สัญชาติญาณ หรือจักรยานในการอ่านครับ ^^ ผมก็บรรยายฐานะของเกมเมอร์ต๊อกต๋อยคนนึง ด้วยความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ซึ่งเกมบางเกมอาจจะเป็นเกมที่ดีสำหรับเพื่อนๆ หรือคนทั่วไปก็ได้นะครับ
ส่วนใหญ่เกมจากหนัง, อนิเมชั่น, หนังสือการ์ตูน ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำร้ายจิตใจเกมเมอร์ได้ไม่แพ้กับเอาเกมที่ตัวเองรักไปทำหนัง Failๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นเกมที่สร้างจากหนังดังสุดโต่งแค่ไหนก็ตาม และจากที่ผมสังเกตมา เกมที่สร้างจากหนังนั้นมักจะสร้างจาก หนังแอคชั่นสุดมันส์ต่างๆ, หนังแนวไซไฟ, หนังซูเปอร์ฮีโร่ต่างๆ, และหนังอนิเมชั่น 3D ดังๆ ของฝรั่งทั้งหลายที่มีเยอะแยะมากมายจนบอกไม่ถูกเลยล่ะครับ โดยในคราวนี้ผมก็จะจำแนกออกมาเป็นหัวข้อเหมือนกับคราวที่แล้วนะครับ
1.เกมจากหนัง มักทำเพื่อสนับสนุนการขาย
เพื่อนๆ เคยสงสัยไหมครับ ว่าทำไมภาพยนตร์บางเรื่อง ยังไม่ทันเข้าฉายก็มีเกมออกมาแล้ว ผู้พัฒนารู้ได้ยังไงว่าจะมีการสร้างหนัง ? คำตอบง่ายมากครับ เพราะทีมผู้พัฒนาเกมส่วนใหญ่ที่ทำเกมออกมาพร้อมกับหนังได้เนี่ย เป็นเพราะว่าผู้สร้างหนังต้องการใช้เกมเป็นสื่อช่วยในการขาย หรือใช้เพื่อสนับสนุนการขายนั่นเองครับแล้วก็กว่า 80% ของเกมจากหนัง ก็มักจะเริ่มมาจากตรงนี้ซะด้วยสิ และแน่นอน โปรดิวเซอร์กับหนังและเกม มักจะเล่นไม่เข้าขากันอยู่บ่อยๆ ด้วยมุมมองที่แตกต่างกันคือ ฝ่ายสร้างหนัง ก็อยากเอาแค่ให้เกมเป็นตัวกระตุ้นยอดขาย แต่ฝ่ายทำเกมก็มุ่งมั่นจะทำเกมให้ดี และปัญหาที่จะตามมาอีกก็คือ เกมมักจะทำไม่ทันก่อนหนังฉายเสมอ จึงออกมาเป็นแค่เกม "กากๆ" อย่างเกม Battle: LA ที่ผมรีวิวไปก่อนหน้านี้ที่ http://www.online-station.net/news/review/582 ออกมาให้ผู้เล่นเล่นแล้วรู้สึก "กากๆ" กับเกมจนพาลมองว่า เกมจากภาพยนตร์มีแต่เกม "กากๆ" ไปซะหมด
สำหรับ Battle: LA นั้น ผมว่าถ้าหากมีเวลาสักหน่อย ทำเกมออกมาให้ยาวๆ ยัดเนื้อเรื่องเยอะๆ ไม่ต้องง้อหนัง เพราะพล็อตเรื่องก็น่าสนใจอยู่แล้ว ไปทำฉากการ์ตูนเส็งเคร็งนั่นให้เป็น CG ให้หมด รับรองครับ แจ่มเทียบเกม FPS เกรด B ได้แน่นอน (แต่ยังไงก็ทำตามสั่งอยู่ดี ไม่ง้อคงไม่ได้ >_<)
2.ทีมผู้พัฒนาไม่ได้เต็มใจสร้าง
อย่างที่ผมบอกไปจากข้อที่ 1 ว่าเกมจากหนังนั้นมักจะถูกจ้างทำซะมากกว่า อารมณ์ประมาณว่า คุณทำงานกับคอมพิวเตอร์ แต่ต้องไปนั่งแพคของขายให้กับบริษัทด้วยนั่นแหละครับ งานที่ไม่ได้คิดจะทำตั้งแต่แรก แต่ถูกจ้างให้ทำ พร้อมกับเงื่อนไขสารพัดสารเพ ตั้งแต่ฟิกเนื้อหาและรูปแบบเกม ไปจนถึงฟิกเวลาที่ให้เกมออกตามกำหนดพร้อมหนังฉาย เป็นผมก็ทำเกมให้แบบส่งๆ ไปงั้นแหละ หรือบางทีเกมก็เผาจนเกิดบั๊กเยอะแยะมากมายก็มีอยู่บ่อยไป บวกกับทีมผู้พัฒนาไม่ได้อยากสร้างมาแต่แรกอยู่แล้ว จึงขาดแรงจูงใจที่จะทำตัวแก้ออกมาให้เกมออกมาเนี๊ยบเฉียบขาดอย่างที่แฟนๆ หวังไว้
3.เกมสั้นไร้ความน่าสนใจ เกมยาวไปก็น่าเบื่อปวดตับ
ต่อเนื่องมาจากข้อ 1 อีกที เกมจากหนังที่ออกมาก่อนหนังฉายนั้น เนื่องจากหนังส่วนใหญ่ความยาวก็ไม่เกินชั่วโมงครึ่งต่อเรื่อง และเกมส่วนใหญ่ก็ทำให้เหมือนๆ หนังมันไปทั้งแบบนั้น ดังนั้น เนื้อหาเกมก็มักจะไม่ได้ยาวไปกว่าหนังเท่าไรนักประมาณว่าเล่นแปปๆ ก็จบแล้ว หรือไม่ก็อีกแบบหนึ่งคือ ทำเกมออกมายาวๆ ซึ่งก็มักจะยืดมาจากเนื้อหาเดิมต่อโน่นนิดนี่หน่อย ไม่ก็เอาอะไรเก่าๆ มาหมุนเวียนใช้มากเกินไปจนทำให้เกมออกมาน่าเบื่อซ้ำซาก ประมาณว่าเล่นไปคิดไปว่าเมื่อไรเกมมันจะจบซักทีนะ
4.การออกแบบคาแรคเตอร์
ถ้าเทียบกับบทความที่แล้วก็ความหมายเดียวกับ การคัดนักแสดงแหละครับ แต่สำหรับเกมนั้นไม่ใช่ และส่วนใหญ่แล้ว (ใหญ่มากๆ) ก็มักจะใช้คาแรคเตอร์หน้าตาแบบเดียวกับในหนังไปเลย สบายสตูดิโอพัฒนาเกมเขาล่ะ ที่ไม่ต้องออกแบบคาแรคเตอร์ใหม่ให้ยุ่งยาก ทางด้านเกมจากภาพยนตร์จึงไม่มีปัญหาในจุดนี้มากนัก
เว้นแต่บางค่ายที่แบบว่า "ก็ตูอินดี้อ่ะ" จับคาแรคเตอร์ในภาพยนตรหรืออนิเมชั่นมาแปลงรูปร่างให้เปลี่ยนไปจากเดิมซึ่งก็มีทั้งรุ่งและร่วง แต่สำหรับสตูดิโอเกมแต่ละค่ายเหมือนจะเข้าใจนิสัยเกมเมอร์ดีกว่าผู้กำกับหนัง จึงไม่ค่อยมีการแหกกฏตรงนี้เท่าไร หรือถ้าจะทำจริงๆ ก็คงเปลี่ยนเนื้อเรื่องเป็น Side Story ไปเลย แบบ Jurasic Park The Game ของค่าย Telltale ที่กำลังจะวางจำหน่ายนั่นเอง
5.ระบบของเกม
เกมจากหนังส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีระบบอะไรที่โดดเด่น โดยเฉพาะเกมที่สร้างเพื่อสนับสนุนการขาย แต่ถ้าในหนังมีมุกอะไรที่พอจะหยิบมาเป็นระบบเด่นของเกมได้ก็เป็นเรื่องดี อย่างเช่นแฮรี่พอตเตอร์ที่มีเวทมนตร์ให้ใช้หลากหลายเป็นต้น ส่วนเกมที่มาจากอนิเมชั่น3Dก็มักจะออกมาเป็นเกมสำหรับเด็กๆ ไปเลย นอกเหนือจากนั้นก็ลอกๆ รูปแบบการเล่นมาจากเกมดังอื่นๆ กันหมด ระบบไหนใช้มากใช้บ่อย ก็เกร่อจนน่าเบื่อไปอีก ยิ่งบางเกมหนังออก 2 - 3 ภาค ก็ทำเกมออกมาทั้ง 2 - 3 ภาค และก็ใช้ระบบเดิมๆ เหมือนกันหมดเลยก็มี
แต่ช้าก่อนพี่เขียวข้างบนสุดนั่นน่ะ.. คนปกติจะมีปะปนอยู่ในฝูงซอมบี้ฉันใด เกมจากหนังที่ทำออกมาดีๆ ก็ยังมีอยู่ฉันนั้น และช่วงหลังๆ เกมจากหนังก็มักจะทำออกมาค่อนข้างดี เลยทีเดียว อย่างเกมล่าสุดอย่าง Thor: The Thunder God ก็จัดว่าเป็นเกมที่ดีมากๆ (ถึงแม้จะเหมือนลอกพี่โล้นซ่าส์ท้าทวยเทพมากไปหน่อยก็เถอะ) หรืออย่าง Captain America: Super Soldier จาก SEGA ที่เห็นเทรลเลอร์แล้วก็รู้สึกจะลอกระบบบางส่วนจาก Batman: Arkham Asylum มาก็น่าลุ้นต่อว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
เมื่อพูดถึง Batman: Arkham Asylum แล้วถึงแม้จะพูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นเกมที่สร้างจากหนัง (เพราะไม่ได้ออกมาพร้อมหนังฉาย และต้นฉบับมาจากหนังสือคอมิกซ์มากกว่า) แต่ก็จัดได้ว่าเป็นเพียงเกมเดียว ที่เคยเป็นภาพยนตร์มาก่อน และก้าวมาจนติดอันดับ Game of the Year ได้ เรียกว่าล้างอาถรรพ์เกมสร้างจากหนังได้แบบไม่มีใครกล้าเถียงเลยทีเดียว และก็น่ารอดูเหลือเกินครับ ว่าภาค Batman: Arkham City จะออกมาคว้าเก้าอี้ Game of The Year ไปได้อีกหรือไม่
สรุปแล้ว เกมจากหนังแนวแอคชั่นไซไฟ หรือซูเปอร์ฮีโร่ ในช่วงหลังๆ มานี้ก็มีการพัฒนาขึ้นมากครับ (เกมจากอนิเมชั่น 3D ผมไม่ได้เล่นนะครับ) เกมเฟลๆ มักไม่ค่อยมีให้เห็นกันแล้วถ้าเทียบกับในยุคแรกๆ และมีการ(พยายาม) พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ถึงรูปแบบจะซ้ำหรือดูว่าลอกเกมอื่นๆ ไปบ้างแต่ผมก็เชื่อว่าเกมจากหนัง ยังสามารถพัฒนาได้ไกลกว่านี้อีกครับ หากปัจจัยปัญหาข้างต้นระหว่างทีมผู้พัฒนาเกมและผู้กำกับหนังหมดไป
แถม อีกนิดว่ากระผม Barrettez ที่มักถูกไอ้ Tanonamnaj ลอกบทความไปปลอมชื่อตัวเองบ่อยๆ แม้จะประกาศเตือนไปแล้ว ก็ยังถูกเอาไปปลอมชื่ออีกอยู่ดี เช่นที่ http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=227618
หากมีใครที่มีความเกี่ยวข้องกับเวปบอร์ดนี้ กรุณาช่วยแจ้งกับทาง Admin ด้วยครับ จะเป็นพระคุณอย่างมาก และหลังจากนี้ไป ผมคงจะต้องแปะลายน้ำลงไปบ้างแล้วล่่ะ เพื่อป้องกันเกรียนก๊อบไปหากินหรือแอบอ้างครับ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านครับ