Review Dragon Age II สานต่อ การผจญภัยของนักรบมังกรในตำนาน

แชร์เรื่องนี้:
Review  Dragon Age II สานต่อ การผจญภัยของนักรบมังกรในตำนาน

สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคน วันนี้ Barrettez ก็ยังอยู่กับเพื่อนๆ เหมือนเคยนะครับ กับการ review เกมของผม ซึ่งวันนี้ ผมตัดสินใจแล้วว่าได้เวลา Review เกม Dragon Age 2 ซะที หลังจากที่เล่นไปมาได้อยู่สักระยะหนึ่งแล้ว

เอาล่ะครับ มาทำความรู้จักกับเกมนี้กันก่อนดีกว่าครับ >_<
เกม Dragon Age II เป็นเกมแนว แฟนตาซี RPG พัฒนาโดยสตูดิโอ Bioware และจำหน่ายโดย Electonic Art สามารถเล่นได้ในเครื่อง PS3, XBOX360 และ PC โดยวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมานี้เอง

เนื้อเรื่องของ Dragon Age II นั้นเป็นเรื่องราวการผจญภัยของ Champion คนนึงนามว่า Hawke ซึ่งถูกเล่าโดย Varric หนึ่งในผู้ที่เคยร่วมเดินทางกับ Hawke ซึ่งเรื่องราวที่ Varric เล่าออกมานั้น ก็คือเนื้อเรื่องที่เราต้องเล่น และเป็นผู้กำหนดด้วยตัวเองครับ

มาทำความรู้จักกับตัวละครหลักที่เราสามารถเล่นได้ในภาค 2 กันดีกว่าครับ (ทุกรูปสามารถกดเพื่อขยายได้นะครับ)

*ผมจะไม่บรรยายถึงเนื้อเรื่องหรือประวัติของตัวละครแบบละเอียดนะครับ เพราะผมเขียนรีวิวเกม ไม่ใช่นิยาย

Hawke

สำหรับภาคนี้ ตัวละครหลักที่เพื่อนๆ จะได้เล่นคือ Hawke ครับ ซึ่งเป็นได้ทั้งหญิงและชาย กับอาชีพหลัก 3 สายเหมือนเคย แต่สำหรับภาคนี้เล่นได้เพียงแค่เผ่ามนุษย์เท่านั้น ต่างจากภาคก่อน ที่มีให้เลือกถึง 3 เผ่า ซึ่งดูหลากหลายกว่าในภาค 2

Bethany Hawke

น้องสาวของ Hawke เป็น Mage ที่คอยช่วยเหลือเราช่วงแรกหากเราเล่นสาย Warrior หรือ Rogue เป็นตัวละครที่ไม่มีสายเฉพาะตัว

Carver Hawke

แฝดคนละฝาของ Bathany Hawke และน้องชายของ Hawke ด้วยซึ่งหากเราเล่นเป็น Mage เขาจะเป็นตัวละครหนึ่งใน Party แทน Bethany โดยเขาจะเป็น Warrior ดาบสองมือ ไม่มีสายเฉพาะตัว

Ander

จอมเวทหนุ่มรูปหล่อใจดี จากภาค Dragon Age: Awakening อดีตจอมเวทสังกัด Circle of Magi ถนัดเวทรักษา ในร่างกายของเขานั้นยังมีความลับบางอย่างอยู่ด้วย สายสกิลพิเศษเฉพาะตัวคือ Vengeance

Aveline Vallen

นักรบหญิงสุดแกร่ง ใช้ดาบมือเดียวและโล่ห์ ได้รับการช่วยเหลือโดยครอบครัวของ Hawke จากการถูกพวก Darkspawn รุมทำร้าย หลังจากที่สามีเสียชีวิตก็ยอมติดตามมากับพวก Hawke สายสกิลพิเศษเฉพาะตัวคือ Guardian

Varric

คนแคระสุดกวน ผู้ใช้หน้าไม้เป็นอาวุธ เขาเป็นผู้เล่าเรื่องราวของ Hawke ที่เราเป็นคนเล่นนั่นเอง สายสกิลพิเศษประจำตัวคือ Marksman

Fenris

นักรบดาบสองมือเผ่าเอลฟ์ อดีตเคยเป็นทาสของ Danarius แห่งอาณาจักร Tevinter ด้วยรอยสัก Lyrium ตามตัวของเขาทำให้เขามีพลังแฝงที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ สายสกิลพิเศษเฉพาะตัวคือ Tevinter Fugitive

Merrill

จอมเวท ผู้ใช้ Blood Magic แห่งเผ่า Dalish Elf ด้วยที่เธอเป็นทายาทของ Marethari ผู้นำของเผ่า ทำให้เธอมีภาระที่ต้องกอบกู้เผ่าของตนเองให้ได้ สายสกิลพิเศษเฉพาะตัวคือ Dalish Pariah

Isabela

กัปตันกองโจรสลัด "The Siren's Call" เคยปรากฏตัวในภาค Origin มาแล้วครั้งหนึ่ง ในฐานะผู้ฝึกสอนสกิล Duellist กับตัวละครหลัก แต่ในภาคนี้เขากลับมาเป็นผู้ร่วมทางในทีมเราด้วย สายสกิลพิเศษเฉพาะตัวคือ Swashbuckler

Sebastian Vael

เป็นตัวละครที่เพื่อนๆ จะได้ใน The Exiled Prince DLC เท่านั้น เขาเป็นขุนนางชั้นสูงแถมยังเป็นนักธนูฝีมือดีอีกด้วย สายสกิลพิเศษเฉพาะตัวคือ Royal Archer

มาว่ากันด้วยเรื่องสิ่งใหม่ๆ ที่มีเพิ่มเข้ามาในภาคนี้กันบ้างดีกว่านะครับ ซึ่งในภาคนี้ก็มีอะไรเพิ่มเติมมาเยอะแยะมากมายซึ่งก็เริ่มจากเผ่าพันธุ์ต่างๆ ก่อนเลยก็แล้วกันครับ

โดยในภาคนี้ จะมีเผ่าพันธุ์อยู่ทั้งหมด 4 เผ่า ซึ่ง 3 เผ่าหลักที่เพื่อนๆ คุ้นเคยก็มี Human, Elf และ Dwalf และเผ่าใหม่ที่มีเพิ่มเข้ามาในภาคนี้ก็คือ Qunari นั่นเอง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเผ่าใหม่ซะทีเดียวครับ เพราะ Qunari นั้นมีปรากฏตัวในภาคแรกไปบ้างแล้ว เขาคือ Sten หนึ่งในผู้ร่วมทางในภาคแรกนั่นเอง (แต่ Sten นั้นพิเศษกว่าคนอื่นๆ ในเผ่า ตรงที่ไม่มีเขา ซึ่งชาว Qunari เชื่อว่าเป็นผู้มีพลังพิเศษ)

ระบบสกิล
ในภาคนี้ จะเป็นการอัพสกิลแบบ Skill Tree ครับ ซึ่งต่างจากภาคแรกที่เป็นการอัพตามลำดับขั้นแบบตรงๆ (ถึงจะบอกว่าภาคนี้เป็น Skill Tree แต่ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากครับ) รูปแบบของสกิล แบ่งออกเป็น 3 แบบคือ

- Passive(ไอคอนรูปวงกลม) = ส่งผลทันทีเมื่อกดอัพ
- Active (ไอคอนรูปสี่เหลี่ยม = สกิลที่ต้องกดใช้ ส่วนใหญ่จะเป็นท่าต่างๆ
- Sustain (ไอคอนรูปหกเหลี่ยม) = สกิลที่กดใช้แล้วจะมีผลเหมือน Passive จนกว่าเราจะตาย หรือกดยกเลิก ซึ่งจะหักค่า Max Mana หรือ Stamina ของเราตามกำหนดด้วยเพื่อคงสถานะสกิลไว้
นอกจากนี้ยังมีสกิลเสริมพลังหรือเรียกว่า Upgrade อีกด้วย (ไอคอนรูปเล็กข้างสกิลหลัก)

Specializations
ซึ่งสำหรับ Hawke นั้นจะสามารถเลือก Specializations ได้ 2 จากใน 3 ที่มีให้เลือกในแต่ละสายอาชีพ
Specializations สำหรับสายอาชีพ Warrior

- Reaver - นักรบบ้าเลือด สกิลส่วนใหญ่จะเน้นการต่อสู้กับศัตรูแบบเลือดแลกเลือด
- Templar - สายสำหรับต่อสู้กับพวกจอมเวทและปีศาจโดยเฉพาะ ซึ่งมีความสามารถในการต่อต้านและป้องกันเวทมนตร์
- Berserker - บ้าพาว ไม่มีใครเกิน สกิลส่วนใหญ่จึงเน้นการเสริมพลังโจมตีทุกวิถีทาง

Specializations สายอาชีพ Rogue

- Assasin - เน้นการโจมตีแบบ Critical Hit กับศัตรูหนึ่งตัว
- Duelist - เน้นการดวลกับศัตรูแบบตัวต่อตัว ซึ่งมีสกิลเสริมพลังสำหรับการดวลอยู่มากมาย
- Shadow - สายสำหรับการลอบฆ่าอย่างแท้จริง เน้นความสามารถในด้านการพรางตัวและลอบโจมตี

Specializations สายอาชีพ Mage

- Blood Mage - เป็นจอมเวทสายที่ต้องใช้พลังชีวิตในการร่ายเป็นหลัก ซึ่งมีพลังมหาศาลมาก
- Force Mage - จอมเวทสายจิต ที่มีพลังทำลายรุนแรงไม่แพ้ Blood Mage เป็นสายเวทใหม่ที่เพิ่งจะมีในภาคนี้ครับ
- Spirit Healer - จอมเวทสายรักษา และคอยสนับสนุน แถมยังชุบชีวิตเพื่อนได้ด้วย มีประโยชน์มากในทีมเลยล่ะครับ

ระบบการสนทนา
มีการปรับเปลี่ยนจากแต่เดิมเลือกตามความรู้สึกของผู้เล่น ซึ่งในภาพนี้ จะมีการนำระบบ Dialog Wheel เหมือนกับ Mass Effect มาใช้ และจะพิเศษกว่าตรงที่เพื่อนๆ สามารถเลือกได้ว่าจะคุยออกมาตามนิสัยแบบไหนจากรูปที่ปรากฏอยู่ตรงกลางซึ่งมีดังนี้ครับ

พบเห็นได้ทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็นคำตอบแนวกลางๆ เอาไว้ก่อน

"ปัญหาของคุณ ก็คือปัญหาของเรา" ส่วนใหญ่จะขึ้นมาเมื่อมีเหตุให้เราต้องช่วยเหลือ NPC ตัวอื่น ซึ่งเป็นการตกลงช่วย

พูดติดตลก อารมณ์ขัน (Varric กับ Isabella มักจะถูกใจสิ่งนี้)

พูดจาคารมคมคาย ไพเราะเสนาะหู

พูดจาแรงกระแทกใจ มักจะมีผลทางด้านลบ

พูดตรงๆ ขวานผ่าซาก, กำปั้นทุบดิน

"ไม่สนเฟ้ย Gu Rock!!" เข้าสู่ฉากต่อสู้ทันที

"นายว่าไงอ่ะบี1" ขอความเห็นเพื่อนๆ หรือให้เพื่อนร่วมทีมแก้ไขสถานการณ์ให้ ซึ่งอาจจะบวกค่าความสนิทกับเพื่อนในทีมด้วย แต่ต้องมีเพื่อนในทีมที่ตรงกับเหตุการณ์นั้นๆ ด้วย

"รักนะตุ๊บๆ" หากเลือกแล้วจะเป็นการพูดจาหว่านเสน่ห์ให้กับตัวละครที่คุยด้วย มักจะโผล่มาเมื่อคุยกันตัวต่อตัว

"เราต่างกันเกินไป เข้ากันไม่ได้หรอก" เมื่อเลือกแล้วจะเป็นการเพิ่มค่า Rivality ค่อนข้างสูง (ซึ่งผมจะอธิบายทีหลัง) แต่ไม่ใช่การตัดสัมพันธ์อย่างที่เข้าใจกันนะครับ เพราะถึงจะเลือกข้อนี้ไป ในอนาคตข้างหน้าก็อาจจะมีหัวข้อหว่านเสน่ห์ให้เลือกอีกก็ได้

"ว่าไงว่าตามกัน" ตกลงตามข้อเสนอต่างๆ มักจะเป็นการเริ่มต้นเควส

"ไม่อะ มันไม่ใช่" เป็นการปฏิเสธซึ่งบางเควสหากปฏิเสธแล้วอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับมารับอีก

เป็นการตอบเพื่อนำพาเข้าสู่เนื้อเรื่องที่ต่างออกไป (ไม่ต่างมากนัก) ซึ่งเราต้องอาศัยความเข้าใจในตัวละครที่เกี่ยวข้องกับคำถามนี้ด้วย

เป็นบทพูดที่นานๆ จะโผล่มาสักที ซึ่งหากเลือกแล้ว จะได้ผลลัพท์ที่พิเศษ (ในหลายๆ ความหมาย) ซึ่งจะมีผลมาจากนิสัยของ Hawke ด้วยว่าจะตอบเน้นนิสัยไปในรูปแบบไหน ซึ่งอาจจะเปลี่ยนเนื้อเรื่องได้เลยทีเดียว

- เงิน : "งานมันต้องเดินด้วยเงิน" ใช้เพื่อต่อรองเงินในการช่วยเหลือ หรือต่อรองเงินรางวัลเควส หรือแม้กระทั่งเอามาเป็นเรื่องแบล็กเมล์ เพื่อเรียกเอาเงินก็ได้เช่นกัน

- โกหก : ใช้โกหก NPC เพื่อจุดประสงค์อย่างหนึ่ง

- ? : ใช้เพื่อสอบถามข้อมูล เพื่อจะได้รับรู้ข้อมูลใหม่ๆ หรือบางข้อมูลที่จะทำให้มีตัวเลือกพิเศษออกมาได้

 

ระบบความสนิท
ค่าความสนิทในภาคนี้ จะไม่ได้มีผลแค่การพูดคุยเฉยๆ ครับ เพราะในภาค 2 นี้จะมีผลต่อความสามารถ และพฤติกรรมของเพื่อนๆ ในทีมเราอีกด้วย เช่นบทสนทนาที่เปลี่ยนไปตามค่าความสนิท รวมไปถึงสกิลพิเศษของเพื่อนร่วมทีม ตามค่าความสนิทซึ่งเป็นได้ทั้ง มิตร และ ศัตรูครับ จากรูปจะมี Passive ที่เป็นรูปปีก กับ กงเล็บ นะครับ นั่นคือเป็นมิตรและศัตรูในระดับที่จะมีสกิลนั้นๆ ได้

ซึ่งแถบค่าความสนิทนั้น จะมีค่ารวมกันอยู่ที่ 200 แต้ม (จาก มิตร ถึง ศัตรู) ซึ่งการเพิ่ม หรือลดค่าความสนิทนั้นก็มีหลายทางด้วยกัน ตั้งแต่ช่วยเหลือเพื่อนๆ, ตอบตรงใจ, ให้ของขวัญ (ภาคนี้มีให้ของขวัญเพื่อลดค่าความสนิทด้วยนะครับ)

ค่าความสนิทนั้น จะล็อกอยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ก็ต่อเมื่อแต้มทางฝั่งนั้นเต็ม 100 แต่หลังจากนั้น เราจะไม่สามารถเลือกเพื่อเพิ่มหรือลดค่าความสนิทได้อีก และเพื่อนที่ค่าความสนิทด้านใดด้านหนึ่งเต็มแล้ว จะมีพฤติกรรมทางด้านนั้นๆ ต่อไปตลอดจนจบเกมครับ
และหากทำเควสเฉพาะของเพื่อนคนนั้นๆ สำเร็จแล้ว ถ้าค่าความสนิทอยู่ที่ 50% และ 100% จะเป็นการเพิ่มการมีส่วนร่วมของเพื่อนคนนั้นๆ ในระหว่างบทสนทนาในระดับปานกลาง และมากตามลำดับครับ

การผสมของ
การผสมของสำหรับภาคนี้ จะไม่เหมือนกับของภาคก่อนที่ต้องหาส่วนผสม และซื้อสต๊อกไว้เป็นกองๆ ผสมทีก็เสียของไปที ไม่มีของก็ผสมไม่ได้เลย แถมยังต้องอัพสกิล + ซื้อสูตรอีก วุ่นวายใช่ไหมครับ ? ในภาค 2 นี้เพื่อนๆ ยังคงต้องหาสูตรและส่วนผสมอยู่เหมือนเคย แต่จะต่างกันตรงที่หากมีส่วนผสม และสูตรตรงตามต้องการ เพื่อนๆ ก็สามารถจ่ายเงินซื้อมาได้เลยทันที โดยที่ส่วนผสมจะไม่ลดลงไปด้วยครับ ซึ่งก็แน่นอนครับว่าส่วนผสมต้องหายากกว่าเดิมหลายเท่า และพิเศษครับ เราสามารถสร้าง Rune Stone ใช้เองได้ด้วย !!

ระบบ Enchantment
การ Enchantment ในภาคนี้ก็ยังคงเป็นการติด Rune Stone ลงไปบนอาวุธ และชุดเกราะ แต่จะต่างกันตรงที่ว่า Rune Stone ในภาคนี้ ติดแล้วติดเลย แงะไม่ออกเหมือนภาคแรกครับ แต่จะใส่ทับลงไปอันเก่าก็หายไปครับ ซึ่งก็ทดแทนได้ด้วยการที่มีให้ผสมใหม่ได้เรื่อยๆ ยังไงก็ต้องระวังด้วยนะครับ สำหรับ Rune หายาก หรือ Rune พิเศษที่ได้มาตามเนื้อเรื่องก้อนเดียวในเกม

ระบบการต่อสู้

"เร็ว" คำเดียวสั้นๆ ที่ผมสามารถอธิบายได้เกี่ยวกับการต่อสู้ของภาคนี้ครับ เพราะมันเร็วจนแทบมองไม่ทันเลยทีเดียว แต่จากที่ดูแล้ว รูปแบบและวิธีการต่อสู้ยังคงคล้ายๆ เดิมครับ แต่มีการปรับปรุงเอฟเฟค และความลื่นไหลของภาพที่สำหรับผมแล้วเร็วจนลื่นหัวแตกเลยทีเดียว

ภาพและเสียง

ทำได้ดีมากครับ ผมเล่นจากเครื่อง PC ซึ่งมีอัพเดตเสริมความละเอียดของภาพเข้าไปอีกปรับสุดๆ ก็จัดว่างามเลยล่ะครับ ด้านเสียงประกอบก็เข้ากับฉากดีครับ แต่ส่วนตัวผมอยากให้มีเพลงประกอบตอนสู้ด้วยจริงๆ >_<

ไอเท็มเสริม
เพื่อนๆ สามารถหาไอเท็มดีๆ ไว้ใช้ใน Dragon Age II ง่ายๆ เพียงเข้าไปเล่นเกม Dragon Age: Legend ตามที่ผมเคยลงข่าวไว้ครับ http://www.online-station.net/news/game/21202

นอกจากนี้ ตัวละครจากภาคเก่าบางตัวยังคงมีบทบาทในภาคนี้บ้างเช่นกันครับ ซึ่งสำหรับคนเล่นภาคแรกมาแล้วก็ทำให้หายคิดถึงกันบ้างล่ะครับ

ถึงจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรไปเยอะแยะในภาคนี้ แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้างเช่นกันนะครับ
เริ่มตั้งแต่การเลือกตัวละครเลยครับ อย่างที่ผมพูดไว้ตอนแรกว่ามีให้เลือกเพียงแค่เผ่ามนุษย์เท่านั้น ไม่หลากหลายเหมือนกับภาคก่อนที่มีให้เลือก 3 เผ่าคือ มนุษย์, คนแคระ และเอลฟ์ แต่สำหรับผมก็ไม่ค่อยซีเรียสอะไรมาก เพราะผมเน้นเล่นมนุษย์อยู่แล้วนั่นเอง

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ