สวัสดีครับเพื่อนๆ หลังจากรอบที่เปิดประเด็นเด็ดเรื่อง Engine ใหม่ทั้ง 4 ตัวไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว คราวนี้ผมจะพาเพื่อนๆ กลับมาพบกับการรีวิวเกมส์กันอีกครั้งนะครับ คราวนี้ผมจะมาจับเกมที่เกาะกระแสกันบ้างดีกว่า (แต่เป็นเกมเกาะกระแสที่ใครๆ คงไม่อยากจำเท่าไร) สำหรับเกม Battle: Los Angeles นั่นเองครับ
เกมนี้พัฒนาขึ้นโดย Saber Interactive โดยมีบริษัท Konami รับเป็นผู้ผลิต เนื้อเรื่องของเกมมีอยู่ว่า ในวันที่ 11 สิงหาคม 2011ได้มียานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวหลายลำ ตกลงมาบนทะเลใกล้ๆ กับเมืองสำคัญต่างๆ ของโลก และเริ่มทำการรุกรานโลก เพื่อนๆ จะได้รับบทเป็น สิบโท Lee Imlay (ไม่ใช่เคโรโระนะครับ) ที่รับภาระกิจให้มาต่อต้านการรุกรานของมนุษย์ต่างดาวที่ลอสแองเจลีส และคอยช่วยเหลือชาวเมืองให้หนีรอดไปได้อย่างปลอดภัยพร้อมกับหน่วย U.S.Marine คนอื่นๆ
เริ่มแรกที่ผมได้ข่าวเกมนี้ ผมขอพูดกันตรงๆ เลยครับ "โคตรน่าเล่น" เพราะผมชอบเล่นเกมและดูหนังแนวๆ มนุษย์ต่างดาวบุกโลกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้ง ID4, War of the World, Skyline และรวมถึงเรื่องนี้ที่ผมตั้งใจจะไปดูให้ได้ถ้ามันเข้าโรง พูดกันตรงๆ อีกทีเลยครับว่าผมตั้งความหวังกับเกมนี้ไว้ "โคตรสูง"
จนมาเห็น Trailer ของเกมแล้วยิ่งกระตุ้นต่อมอยากเล่นแบบสุดๆ ดังที่ผมลงข่าวไว้ในคราวก่อนที่ http://www.online-station.net/news/game/21057 ตัวผมแทบออร่าห์พุ่ง "มันน่าเล่นอะไรอย่างนี้ !!!!"
และแล้ววันที่ผมจะได้เล่นเกมนี้ก็มาถึงครับ หลังจากที่ผมปั่นข้อมูลเรื่อง Engine เกมเสร็จ ผมก็ Install เกมอย่างบรรจง หลังจากเปิดเกมเห็นหน้าเอเลี่ยน ตาผมลุกเป็นประกาย "โอ้แม่เจ้า มันเท่จริงๆ" ผมปรับภาพในเกมแบบสุดๆทั้งหมด ปิด msn ปิดมือถือ ไม่ให้ใครมารบกวนแล้วก็กด New Game ทันที
"เฮ้ย นี่มันอะไรวะ !!!" คำแรกที่ผมอุทานขึ้นมาหลังจากกด New Game ครับ เมื่อเริ่มเข้าเนื้อเรื่องภาพมันกลายเป็นการ์ตูนคอมิกซ์ภาพนิ่งกับบอลลูนคำพูดซะงั้น !!!! (แต่ยังคงมีเสียงพากย์อยู่นะครับ) อารมณ์หดหายไปกว่า 40% แต่ก็เอาน่ะ ผมคิดในใจว่าอาจจะมีแค่เกริ่นเรื่อง หลังจากรอฉากเนื้อเรื่องที่เป็นการ์ตูนไปแบบเซ็งๆ ก็เข้าเกมเพลย์จริงๆ สักที
พอเริ่ม Gameplay แล้วก็ค่อยใจชื้นขึ้นมาบ้างครับ กราฟฟิคของภาพอยู่ในระดับที่พอรับได้ครับ ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร
ซึ่งช่วงแรกจะเป็น Tutorial ในเนื้อเรื่อง ซึ่งก็ชิวๆ เหมือนเกม FPS ทั่วไปครับ เดินด้วย WASD, Ctrl นั่งและหมอบ บลาๆๆ ไปเรื่อยๆ จนถึง "ปีนบันได" ผมก็วิ่งไปชนบันไดพร้อมบ่นว่า (ทำไมมันไม่ขึ้นบันไดฟะ) จนเหลือบไปเห็นตัวหนังสือด้านล่างว่า "กด X เพื่อปีนบันได" (ห๊ะ !! นี่มันอะไรฟะ)
และไม่ใช่แค่นั้น เพราะปุ่ม X จะใช้เพื่อ interact กับสิ่งต่างๆ ตลอดทั้งเกม หากเพื่อนๆ เล่นกับเครื่องคอม จะรู้ดีว่า การกด WASD เพื่อเดิน และต้องกด X เพื่อ interact กับสิ่งต่างๆ นี่มันลำบากเอามากๆ เลยครับ จนผมแทบจะเข้า Option ไปเปลี่ยนปุ่ม ณ.บัดนาว แต่พอมาคิดว่า ยังไงก็ทนเล่นมันไปแบบนี้ซะดีกว่าเพื่อรับรสชาดความยากในการกดอย่างเต็มที่และนำมารีวิวกันว่าผมจะทนเล่นแบบนี้ไปได้จนจบไหม
และหลังจากเริ่ม tutorial ต่อไปได้สักพัก จนเจอกลุ่มเอเลี่ยนโผล่ออกมา บอกตามตรง ผมตายครับ... เพราะมัวแต่คลิกขวาเพื่อเล็งปืน... (เฮ้ย ทำไมเล็งไม่ได้ฟะ) แล้วดู๊..ดู.. ตายแล้วต้องไปนั่งดูการ์ตูนตั้งแต่เริ่มใหม่อีก (อูว.. ชิต !!) แล้วรู้ไหมครับ ทำไมผมถึงกดคลิกซ้ายเล็งไม่ได้?.. เพราะ ปุ่มเล็งมันต้องกด E ครับ !!!!! (โอยบ้าไปแล้ว !!!) และแน่นอนครับ เพื่อรับรสชาดของมันให้เต็มที่ ผมไม่เปลี่ยนปุ่มเด็ดขาด !!
หลังจากที่ผมพยายามปรับตัวจนเริ่มคุ้นเคยกับมันได้แล้ว ก็เริ่มสู้กับเจ้าพวกเอเลี่ยนนี้ได้ดีขึ้นบ้าง ซึ่งบอกตามตรงครับ ผมใช้ไรเฟิลส่องกบาลเอเลี่ยนไกลๆ ง่ายกว่าเอาปืนกลยิงเยอะครับ
และเมื่อเล่นไปได้อีกสักพักกำลังเริ่มจะรู้สึกสนุกละ มันก็ตัดกลับเข้า Cutscene แบบการ์ตูนอีก... ผมถึงกับเอามือก่ายหน้าผากเลยทีเดียว ซึ่งจากที่ผมสังเกตดู เกมจะตัดไปเป็นภาพการ์ตูนทุกครั้งที่มีบทสนทนา เหมือนกับว่าขี้เกียจทำตัวละครในเกมให้ขยับปากพูด
และพอถึงฉากที่ต้องสู้กับยานอวกาศที่ดูท่าทางโง่ๆ หน่อยก็จะมีปืนยิงจรวดให้ใช้ ซึ่งก็แบบว่าไม่มีความสมจริงเอาซะเลย เพราะมันเหมือนลอยไปลอยมาให้เรายิงมันเล่นๆ และสวนกลับบ้างบางโอกาสเท่านั้นเอง และอย่างที่บอกครับ ยานอวกาศฝ่ายเอเลี่ยนมันดูโง่ๆ อย่างเช่นว่าตอนแรกสู้ไม่ได้ก็หนีแต่ทหารฝั่งเราก็วิ่งขึ้นตึกไปสู้ต่อได้ ท้องฟ้าตั้งกว้างไม่หนี แล้วก็บ้าจี้สู้ต่อจนยานระเบิดตาย, หรือแม้แต่ไปลอยเล่นอยู่เหนือรถน้ำมันแล้วเรายิงรถน้ำมันระเบิดใส่ยานจนพัง อ่า.. มนุษย์ต่างดาวทำไมมันโง่เยี่ยงนี้หนอ
และหลังจากเล่นไปไม่กี่ฉากก็จบซะแล้ว ซึ่งผมเองยังกดปุ่มผิดๆ ถูกๆ อยู่เลย แต่ส่วนนี้เข้าใจครับว่าเป็นเกมสำหรับโปรโมทหนังเกมเลยไม่ยาวมากถึงผมจะบ่นมาเยอะ แต่ในเกมนี้ก็มีอะไรที่ผมรู้สึกประทับใจและทำได้ดีอยู่บ้างเหมือนกันครับ เช่นเสียงเวลาตัวละครอยู่ภายในอาคาร ทั้งเสียงพูดและเสียงปืน มันจะก้องเหมือนกับอยู่ในอาคารจริง ซึ่งเป็นอะไรที่เกม FPS ดีๆ ส่วนใหญ่มองข้ามกันไปครับ และฉากตื่นเต้นอย่างสิ่งก่อสร้างเหมือนจะถล่มใส่ระหว่างเล่นเกม ก็ออกมาค่อนข้างดี ทั้งรูปแบบและจังหวะครับ แต่ข้อดีที่ผมเจอในเกม ก็มีเท่านี้จริงๆข้อเสียสำหรับเกมนี้หรอครับ... บานตะไทครับ ตั้งแต่ปุ่ม E และ ปุ่ม X ที่แม้เล่นจนจบเกมแล้วก็ยังกดผิดๆ ถูกๆ อยู่ และสิ่งสำคัญที่ทำให้ผมผิดหวังมากเลยก็คือ การที่เล่นๆอยู่ก็ตัดภาพเป็นการ์ตูน และก็ใช้แต่ภาพเดิมๆ ซ้ำๆ ตัวละครแบบการ์ตูนก็เหมือนผมนั่งดูหนังตะลุงที่มีบอลลูนคำพูดด้วยนั่นแหละครับ แล้วมันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ่อยๆ เล่นเอาผมเมากราฟฟิก เวียนหัวถึงกับวิ่งเข้าไปอ้วกในห้องน้ำแทบไม่ทันเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็ยังมีอะไรยิบย่อยอยู่บ้าง อย่างเช่นปืนที่ไม่ค่อยจะมีแรงถีบเท่าไหร่เล๊ย เหมือนถือหมอนข้างยิงกันซะมากกว่า เสียงปืนนี่ถึงผมจะประทับใจเรื่องเสียงก้องของมันเวลาอยู่ในอาคาร แต่เสียงของปืน ก็ไม่ค่อยจะดูสมจริงเหมือนเครื่องยิงถั่วยังไงยังงั้น
สรุปสั้นๆครับ เกมนี้ เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาไปนั่งดูหนังและไม่ตั้งความหวังอะไรกับพล็อตเรื่องแนวนี้มากนัก เพราะมันเป็นเกมโปรโมทหนัง ที่หากไม่เล่นมันแล้ว เพื่อนๆ จะรู้สึกดีกับหนังมากกว่าอีก ซึ่งผมพลาดไปแล้วครับ หากคะแนนเต็ม 10 ล่ะก็ ให้ตายยังไงก็ไม่เกิน 5 ครับ ใครที่กำลังตั้งใจว่าจะเล่นก่อนดูหนัง แนะนำว่าเก็บตังไว้ดูหนังดีกว่าครับ