Review: แม่ค้า สาวน้อยโมเอะ Recettear เกมอินดี้นอกกระแส ที่ทำได้ดีเกินคำว่าอินดี้

แชร์เรื่องนี้:
Review: แม่ค้า สาวน้อยโมเอะ Recettear เกมอินดี้นอกกระแส ที่ทำได้ดีเกินคำว่าอินดี้

สวัสดีครับเพื่อนๆ มาพบกันอีกแล้วกับการรีวิวเกม PC ของผมนะครับ ซึ่งหลังจากที่ผมรีวิวเกมที่เล่นแบบซีเรียสๆ มานานแล้ว วันนี้ผมจะนำเกมน่ารักๆ โมเอะ สนุกๆ มาเอาใจโอตาคุกันบ้าง ซึ่งเกมที่ผมจะนำมารีวิวในครั้งนี้ก็คือ Reccettear เกมแม่ค้าโมเอะ ที่จัดได้ว่านอกกระแสสำหรับขา PC แบบสุดๆ น้อยคนนักที่จะรู้จัก

เกม Recettear นั้นเป็นเกมโดวจิน (เกมอินดี้นั่นเอง) จากงานคอมมิเกะ ที่เป็นการผสมผสานเกม RPG แบบตะลุยดันเจี้ยน กับเกมแนวบริหารเวลาและเปิดร้านขายของ นั่นเอง

ตัวเอกของเกมที่เพื่อนๆ จะได้เล่นคือสาวน้อยน่ารัก ชื่อว่า Recette Lemonglass พ่อของเธอหายสาบสูญไป โดยทิ้งหนี้ก้อนโตเอาไว้ให้ลูกต้องรับผิดชอบ ทำให้เธอต้องหาเงินมาใช้หนี้ โดยการเปิดร้านขายไอเทม (เป็นพ่อที่ดีจริงๆ)

แฟรี่สาวน้อย Tear ผู้คอยให้คำปรึกษา และช่วยผ่อนผันหนี้ให้กับ Recette ซึ่ง Tear ได้แนะนำให้ Recette เปิดร้านขายของขึ้นมา เพื่อหาเงินมาชดใช้หนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อร้าน "Recettear"

การบังคับเกม
เกมนี้ใช้ปุ่มไม่เยอะเลยครับ นิดเดียวเท่านั้นคือ
Z - ตกลง, โจมตี
X - ยกเลิก, ใช้สกิล
C - ดูข้อมูลไอเทม
V - เปลี่ยนมุมกล้อง
W - หน้าต่างเมนู

หน้าจอเมนูเมื่อกด W

Merchant Level

การเก็บเลเวลของ Recette ไม่ได้มาจากการลงดันเจี้ยนไปไล่ตีมอนสเตอร์นะครับ แต่มาจากการซื้อและขายของนั่นเอง (แน่ล่ะ ก็เราเป็นแม่ค้านี่นา) ซึ่งเมื่อเราเลเวลอัพแล้ว จะปลดล็อกความสามารถของ Recette ได้ (แน่นอนว่าเป็นสกิลเกี่ยวกับแม่ค้า) ซึ่งสามารถเก็บได้ถึง 99 เลยทีเดียว (ขอบอกว่าตั้งแต่เลเวล 50 ขึ้นไปจะไม่มีสกิลใหม่นะครับ)

การบริหารเวลา

อย่างที่ผมบอกไปข้างต้นว่าหัวใจสำคัญของเกมอยู่ที่การบริหารเวลา โดยเวลาของเกมนี้จะแบ่งเป็น 4 ช่วง คือ "เช้า, บ่าย, เย็น, ค่ำ" ต่อ 1 วัน โดยในแต่ละวัน เพื่อนๆ จะต้องแบ่งเวลาเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ตามสถานที่ต่างๆ ดังนี้

- สมาคมพ่อค้า : เป็นสถานที่ ที่ทำให้เพื่อนๆ สามารถเข้าไปหาซื้อของเพื่อนำมาขายในร้านของตัวเอง ซึ่งไอเทมก็จะดีขึ้นตามลำดับเลเวลของเรา นอกจากนี้ยังเป็นที่สำหรับใช้ผสมไอเทม เพื่อสร้างไอเทมใหม่ๆ ที่ไม่สามารถหาได้ในดันเจี้ยนอีกด้วย
- จตุรัสใจกลางเมือง: เป็นจุดที่เกิด event มากมาย ซึ่งเพื่อนๆ สามารถพบปะผู้คนใหม่ๆ ได้ (หากมี event เกิดขึ้น) ซึ่งเพื่อนๆ สามารถไปได้ตลอดเวลา
- ตลาด: เป็นจุดที่สามารถมาหาซื้ออาหารและเครื่องประดับ เพื่อนำไปขายต่อได้เหมือนกับที่สมาคมพ่อค้า
- ผับ: เป็นอีกจุดหนึ่งที่จะเกิด event อยู่บ่อยๆ เมื่อเข้ามา เหล่าผู้กล้าทั้งหลายจะมารวมตัวกัน ที่ผับแห่งนี้ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถทำความรู้จัก และพูดคุยผู้กล้าเหล่านี้ได้
- โบสถ์: เป็นจุดที่จะเกิด event เหมือนกับผับ และจตุรัสกลางเมือง ผู้กล้าบางคนจะมารวมตัวกันที่นี่
- สมาคมผู้กล้า: เป็นสถานที่ สำหรับจ้างผู้กล้าที่ลงทะเบียนแล้วไปช่วยเราตะลุยดันเจี้ยน แต่ Recette จำเป็นต้องมีนามบัตรผู้กล้าของแต่ละคนก่อน จึงจะสามารถจ้างผู้กล้าคนนั้นๆ ได้

ตารางเวลาที่สถานที่แต่ละแห่งเปิด

การจัดร้านก็ต้องคำนึงถึงหลายๆปัจจัย อย่างเช่น ไอเทมเด่นๆ ก็เอาไปโชว์ไว้ตรงหน้าต่างร้าน เพื่อให้คนสนใจเข้าร้านเราเป็นต้น (พอโขว์แล้วไอเทมเราดูเจิดจ้าขึ้นมาทันที)

นอกจากนี้ เราต้องคอยเช็กด้วยว่า วันนี้ ไอเทมประเภทไหนราคาขึ้น ประเภทไหนราคาลง หรือไอเทมอะไรกำลังฮิตในช่วงนี้ เพื่อผลประโยชน์และกำไรสูงสุด

และในเมื่อเราเป็นแม่ค้า แน่นอนว่าการต่อราคาย่อมเกิดขึ้น ลูกค้ามักจะมาต่อราคาจากเรา ซึ่งก็อยู่ที่ว่า จะขายเลยหรือต่อรองราคากับลูกค้าอีกที และบางครั้งก็จะมีลูกค้าเอาของมาปล่อยให้เราด้วย ซึ่งเราก็จะซื้อทันที หรือกดราคาลูกค้าก็ได้ (ผมหน้าเลือดครับ กำไรต้องมาก่อนฮ่าๆ )

ลูกค้าก็จะมีทั้งรวยและจนต่างกันไปครับ บางทีกับพวกผู้กล้าไส้แห้ง มาขอซื้อของคุณแต่ไม่มีเงิน บางทีก็ต้องยอมๆ ไปบ้าง ดาบ หรือชุดเกราะ ที่ซื้อจากเราไปเขาก็ซื้อไปใส่เอง อย่างน้อยก็มีประโยชน์เวลาเราจ้างเขาไปลงดันเจี้ยนครับ

นอกจากนี้ การแต่งบรรยากาศในร้านเองก็มีความสำคัญ ที่จะดึงดูดลูกค้าอีกด้วย โดยจะมีค่าการแต่งร้านอยู่ 4 เส้นทางคือ "รวย, จน, มืด, สว่าง" ซึ่งมีผลต่อลูกค้าที่เข้าร้านของเราด้วย อย่างเช่นหากจัดร้านให้ไปทิศทาง รวย กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาก็จะมีแต่พวกคนรวย เป็นต้น (คนจนเห็นร้านหรูเกิน ไม่กล้าเข้า) ซึ่งการแต่งร้านนี้สามารถทำได้โดยการเปลี่ยนวอลเปเปอร์, เปลี่ยนกระเบื้องปูพื้น, เปลี่ยนเค้าท์เตอร์

ลุยดันเจี้ยน

หากบางครั้งเราไม่ต้องการลงทุนเพื่อไปซื้อของจากในตลาดหรือสมาคมพ่อค้ามาขาย เพื่อนๆ ก็สามารถไปลงดันเจี้ยน เพื่อหาของในนั้นมาขายเองก็ได้เช่นกัน ซึ่งมีทั้งแร่ และไอเทมแปลกๆ มายมายที่ตามร้านทั่วไปไม่มีขาย ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเอามาขายแบบได้กำไรเองไปเต็มๆ

ก่อนลงดันเจี้ยนเพื่อนๆ ต้องจ้างผู้กล้าเพื่อลงไปดันเจี้ยนด้วยกัน เหมือนเป็นบอดี้การ์ดของเราเอง (เราเป็นแค่แม่ค้า วิ่งเก็บของที่ดรอป) ซึ่งผู้กล้าแต่ละคนก็จะมีเลเวล และสกิลที่ต่างออกไปอีกด้วย

คราวนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับผู้กล้าแต่ละคนดีกว่าครับ

Louie ผู้กล้ายาจกแห่ง Pensee
เป็นผู้กล้าคนแรกที่เราสามารถให้เขาไปช่วยเราเก็บของในดันเจี้ยนได้ โดยไม่คิดราคา เพื่อเป็นการตอบแทน Recette ที่ทำให้เขาได้จดทะเบียนผู้กล้าแห่งเมือง Pensee
อาวุธหลัก: ดาบ, โล่ห์

Charme จอมโจรสาวสวยผู้ปราดเปรียว
เป็นผู้กล้าสายอาชีพโจร มักพบเธอได้ที่ผับ
อาวุธหลัก: มีด

Caillou เด็กแสบผู้บอบบาง แต่แฝงด้วยพลังเวทอันยิ่งใหญ่
ผู้กล้าสายอาชีพจอมเวท เด็กน้อยที่ค่อนข้างบอบบาง เดินช้า แต่พลังเวทแรงได้ใจ ยิงบอสไม่กี่ทีก็ร่วง
อาวุธหลัก: ไม้เท้า

Tielle เอลฟ์สาวใสซื่อ นักแม่นธนูแห่ง Pensee
ผู้กล้าสายอาชีพนักธนู พลังโจมตีสูงมาก แต่พลังป้องกันก็ต่ำมากเช่นกัน
อาวุธหลัก: ธนู

Elan นักสู้สายดำ ผู้ใช้หมัดทลายหินผา
ผู้กล้าสายอาชีพนักบวช พลังโจมตีและพลังป้องกันสูง แต่พลังเวทมีน้อยใช้สกิลได้ไม่มาก
อาวุธหลัก: สนับมือ

Nagi พลหอกสาวสวย ผู้ไม่เกรงกลัวใคร
ผู้กล้าสายอาชีพพลหอก ที่โจมตีได้รุนแรงและรวดเร็ว
อาวุธหลัก: หอก

Griff กรงเล็บอำมหิตแห่งโลกปีศาจ
ผู้กล้าสายอาชีพนักฆ่า ผู้มาจากโลกปีศาจ มีความเร็วในระดับดีฟื้นตัวไว
อาวุธหลัก: กรงเล็บ

Arma โกเล็มผู้ออกตามหาวิถีแห่งมนุษย์
ผู้กล้าสายอาชีพ...(เอ่อ อะไรดีล่ะ) มีความอึดเป็นเยี่ยม การโจมตีแต่ละครั้ง จำเป็นต้องใช้กระสุนด้วย
อาวุธหลัก: แขน

ต่อไปผมมาว่าถึงเรื่องข้อดี ข้อเสียกันบ้าง ในส่วนข้อดี ก็เป็นเกมที่เล่นได้เพลินๆ ฆ่าเวลาได้ดีครับ ยิ่งใครเป็นโอตาคุชอบอะไรโมเอะๆ ไม่น่าพลาดเลยล่ะ เพราะเกมนี้มีเสียงพากย์ด้วย (แต่ไม่มากนักนะครับ) รูปแบบการเล่นก็สร้างสรรค์ดีครับ ตีมอนสเตอร์ หาของมาขายในร้านของตัวเอง ไม่ต้องง้อขาย NPC มีการต่อรองราคา ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นแม่ค้าขึ้นมาจริงๆ ส่วนหนึ่งก็ช่วยในเรื่องการบริหารเวลาด้วยนิดนึง

มาว่ากันด้วยเรื่องข้อเสียกันบ้าง นะครับ เรื่องแรกเลยก็คือ ความยากของมอนสเตอร์เวลาอยู่ในดันเจี้ยน เพราะแค่เพียงโดนตัวมอนสเตอร์ เราจะกระเด็นออกมาทันที โดยที่มอนสเตอร์ไม่เป็นอะไร (ยกเว้นสกิลของผู้กล้าบางคน) ซึ่งทำให้ตัวเราเสียหลักเวลาเล่น และค่อนข้างลำบากสำหรับผู้กล้าที่ใช้การโจมตีระยะประชิดเป็นหลัก แต่หากกะจังหวะได้ดี ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ

จำไว้ว่า ลูกค้าทุกคน มีเงินในกระเป๋าจำนวนหนึ่งเท่านั้น  ซึ่งหากเขามาซื้่อของเราเรื่อยๆ เงินเขาจะค่อยๆ หมดไป ทำให้ไม่สามาารถโก่งราคาหวังรวยเต็มที่ได้ และการจัดร้านเพื่อให้ลูกค้าที่เป็นผู้กล้าเข้ามาใข้บริการ ก็ค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อน จนถึงกับต้องท่องจำกันเลย แต่ถ้าเล่นแบบไม่ซีเรียส ใช้เจ้ายาจกนี่แหละ ระดับกลางๆ สบายใจสุดแล้วครับ

ข้อเสียสุดท้ายอาจจะเป็นที่ผมคนเดียวก็ได้ คือเล่นไปนานๆ (3 ชั่วโมงขึ้นไป) แล้วจะเริ่มง่วง อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศชวนชิวของเกมหรือเปล่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เกมเล่นฆ่าเวลา แต่ผมเล่นปาไปเกิน 3 ชั่วโมงก็งี้แหละครับ

สรุป เป็นเกมเล่นพลิน แก้กลุ้ม แก้เซ็งได้ระดับนึงครับ อาจจะไม่ถึงกับดีสุดยอดเหมือนหลายเกมที่กำลังดังอยู่ในตอนนี้ แต่ผมก็คิดว่าเกมโดวจินทำเองที่ทำได้ถึงขนาดนี้ก็สุดยอดแล้วล่ะครับ

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ