Review : Dead Space 2 สานต่อความสยองขวัญบนอวกาศที่เวิ้งว้าง

แชร์เรื่องนี้:
Review : Dead Space 2 สานต่อความสยองขวัญบนอวกาศที่เวิ้งว้าง

กลับมาพบกันอีกครั้ง กับการรีวิวเกมของผมนะครับ หลังจากที่รีวิวเกมนอกกระแสไป 2 เกมแล้ว คราวนี้มารีวิวเกมฟอร์มยักษ์กันบ้างดีกว่าครับ สำหรับเกมนี้ ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงจะเล่นจบไปแล้ว ซึ่งก็คือ Dead Space 2 เกมสุดเขย่าขวัญ บนห้วงอวกาศอันเวิ้งว้าง นั่นเองครับ

ก่อนจะเริ่มรีวิว เราก็มาทำความรู้จักกับเกมนี้กันสักหน่อยนะครับ โดยเกมนี้วางขายเมื่อ ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา พัฒนาโดย Visceral Team หนึ่งในสตูดิโอของ EA ที่สร้างผลงานเกมดังๆ มาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น The Godfather, Dante Inferno และภาคเก่าๆ ของซีรี่ส์ Dead Space นี้อีกด้วย ตัวเกมยังคงมาตรฐานความเป็นเกม 3rd person Shooting Horror เอาไว้อย่างเต็มที่ แถมภาคนี้มีแอบแทรกแอคชั่นเข้าไปอีกด้วย

ในภาคนี้ ตัวเอกของเพื่อนๆ ยังเป็นเฮีย Issac เจ้าเก่า ซึ่งจำเรื่องราวตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อ 3 ปีก่อนไม่ได้ เขาถูกนำตัวมารักษาอาการทางสมอง และจิตใจ ที่สถานีอวกาศ The Sprawn ซึ่งตั้งอยู่บนดวงจันทร์ดวงหนึ่งในระบบวงโคจรของดาวเสาร์ แต่กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเหล่าเอเลี่ยนซากศพ ที่เพื่อนๆ คุ้นเคยกันดีจากภาคแรก เข้ามาอาละวาดใน The Sprawn แห่งนี้ เขาจึงต้องหนีเพื่อเอาชีวิตรอดในสถานีอวกาศแห่งนี้ไปให้ได้...

เอาล่ะครับ ก่อนอื่นก็มาพบกับหน้าจอหลักกันก่อนว่ามีอะไรบ้าง

ผมเล่นจบแล้วรอบนึง เศษ Marker เลยรวมเป็นรูปร่างครับ อย่าตกใจถ้าไม่เหมือนกัน แล้วก็สำหรับภาคนี้มีระบบ Multiplayer ด้วยนะึครับ เป็นการต่อสู้กันของฝ่ายเจ้าหน้าที่ และ Necromorph โดยเลือกฝ่ายได้ครับ และจะมีการสลับฝ่ายทุกครั้ง เมื่อครบตามกำหนดเวลาเพื่อความเสมอภาค

หากเพื่อนๆ ยังไม่เคยเล่นเกมภาค 1 มาก่อนก็ไม่เป็นไรครับ เพราะเมื่อกดเข้า Single Player ก็จะมีตัวเลือกให้ดูเนื้อเรื่องของภาค 1 คร่าวๆ ด้วย สำหรับคนที่เล่นภาค 1 เมื่อนานมาแล้วก็สามารถดูเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำได้เช่นกันครับ

หลังจากเลือก New Game และ เลือกระดับความยากแล้ว ก็จะเข้าสู่เนื้อเรื่องของเกม ซึ่งตอนแรกจะเป็นช่วงที่เฮีย Issac แกโดนจับมาสอบถามเรื่องเหตุการณ์บนยานอิชิมุระ และจะตัดมาที่ฉาก Franco ตัวละครหลักจากภาค Dead Space: Ignition มาช่วยปล่อยเฮีย Issac เนื่องจากเกิดเหตุ Necromorph อาละวาด แต่ไม่ทันจะได้แก้เสื้อที่มัดแขน ก็โดน Infector เสียบซะจนกลายร่างเป็น Necromorph ไป ทิ้งให้เราต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดคนเดียว...

ในภาคแรกแอบบ่นว่า "อยากเห็นตอนศพกำลังกลายร่างเป็น Necromorph จังเลย" เหมือน Visceral Game จะรู้ใจ จัดให้ "ช้าๆ ชัดๆ" ในระยะประชิดเลยทีเดียว ประทับใจมากครับ.....

ระบบการบังคับเกม และ Inventory เหมือนภาคแรกเด๊ะๆ เลยครับ แทบไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมซึ่งก็เป็นเรื่องดี ที่จะไม่ต้องมาสับสนกับระบบการเล่น แต่ผมขอเน้นย้ำเลยครับว่า ภาคนี้ Kinesis กับ Stasis มีความจำเป็นอย่างยิ่ง จากภาคแรกแทบจะไม่ค่อยได้ใช้เลยด้วยซ้ำ (ผมจำได้แค่ว่า ใช้ kinesis ย้ายของเกะกะ กับใช้ stasis ทำให้ประตูหนีบช้าลงเท่านั้นเองมั้ง)

เหตุที่ทั้ง 2 อย่างนี้มีบทบาทมากเลยก็เพราะว่า ในภาคนี้จะมีการใช้สิ่งของรอบข้างให้เป็นประโยชน์ ทั้งถ้วย ถัง กะละมัง หม้อ ที่สามารถใช้ Kinesis หยิบปาใส่ให้ Necromorph ชะงักได้บ้าง แต่ที่เด็ดสุดเลยก็คือ ของแหลมต่างๆ ที่สามารถยิงเสียบเหล่า Necromorph ติดเป็นปะติมากรรมฝาผนังได้ หรือแม้แต่จะยิงแขนให้ขาด แล้วใช้แขนของมันพุ่งเสียบตัวมันเองก็ได้เช่นกัน ส่วน Stasis เองก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเหล่า Necromorph ภาคนี้มัน Co-Op กันเป็นอย่างดี เข้าขากันซะยิ่งกว่านักกีฬาบอลโลกซะอีก และมันมากันถี่ซะด้วย จึงจำเป็นต้องใช้ เพื่อชะลอการเคลื่อนไหวของพวกมัน ที่สำคัญครับ Stasis ภาคนี้มัน recharge เองได้ครับ (แต่ก็นานบรมเหมือนกัน)

ธีมของภาคนี้ เหมือนจะมุ่งเน้นไปที่ความมืดเป็นหลัก จะเจอฉากมืดบ่อยมาก ทำให้การมองเห็นแคบลง ซึ่งสำหรับมนุษย์ทั่วไปแล้ว ความมืด คือความน่ากลัวชั้นดีเลยนั่นเอง สำหรับผมนั้นความมืดมันทำให้ผมเดินเตะโต๊ะ เตะตู้อยู่ประจำ >_<

หากใครที่เล่นภาค 1 มาแล้วบ่นว่า "จุดเซฟอยู่ไหนฟะ?", "ตู้ซื้อของมันอยู่ไหนฟะ?" หรือ "โต๊ะอัพเกรดมันอยู่ไหนฟะ?" ตอนนี้ปัญหาของเพื่อนๆ จะหมดไปด้วย ระบบนำทาง หรือ Locator รูปแบบใหม่ ที่สามารถทำให้เพื่อนๆค้นหา จุดเซฟ ตู้ซื้อของ และโต๊ะอัพเกรด ที่อยู่ใกล้สุดได้ (มันยอดมากเลยจอร์จ)

จุดเซฟของภาคนี้ก็ยังคงเป็นรูปแบบเดิม แต่ดีกว่าภาคแรกหน่อยตรงที่สามารถกด enter รัวๆ เพื่อเซฟได้ (ฮา) ภาคแรกต้องเลื่อนเมาส์ไปคลิก ทำให้อารมณ์ขาดตอน แต่ระวังเผลอเล่นใหม่แล้วรัวจัดไปเซฟทับตัวเก่าที่เล่นไปเกือบจบแล้วเข้าล่ะก็ จะกรี๊ดแบบผม

ตู้ซื้อของ ก็ยังคงรูปแบบเดิม แต่ภาคนี้มีการพัฒนาขึ้นอีก คือทำให้เพื่อนๆ สามารถเปลี่ยนชุดเกราะที่ซื้อมาแล้วกี่ครั้งก็ได้ตามที่ใจต้องการ แถมหลังจากออกมาแล้วจะได้เห็นเฮียแกโพสท่าเท่ๆ ลองชุดอีกด้วย

โต๊ะอัพเกรดรูปร่างก็เหมือนเคยไม่มีเปลี่ยนแปลง แต่ภายในนั้นมีระบบการอัพเกรดใหม่เพิ่มขึ้นมา คือเพื่อนๆ สามารถอัพเกรดการยิงแบบ alternate ได้ และสำหรับอาวุธบางชนิดจะมีการอัพเกรดจนถึงขั้น Special แล้วจะได้ความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีก เช่นยิงแล้วติดไฟ เป็นต้น และหากอาวุธชิ้นไหนอัพไปแล้วไม่ปลื้ม ก็สามารถถอด node ออกมาจากอาวุธ เพื่อเอาไปอัพเกรดอาวุธชิ้นอื่นได้อีกด้วย แต่ยังไง อาวุธสุดยอดของเกมนี้ก็คือ บาทาส่งวิญญาณนั่นเอง

จังหวะตกใจ ระทึกขวัญ ยังมีให้เห็นอยู่แทบทั้งเกมครับ บางทีมันก็โผล่มาตะปบเราแบบไม่รู้ตัว

อย่าว่าแต่ผู้เล่นไม่รู้ตัวเลย ขนาด AI ก็ยังไม่รู้ตัว (ฮา)

ระบบใหม่ที่มีการเพิ่มขึ้นมาในภาคนี้ก็คือการแฮค (ค่อยดูสมเป็นวิศวกรขึ้นมาหน่อย) ซึ่งหากเพื่อนเห็นอะไรที่มีสัญลักษณ์ดังรูป เพื่อนๆ สามารถเข้าไปแฮคได้ทันที ซึ่งก็มีทั้งแฮคเพื่อเปิดประตู ซ่อมเครื่องจักร บลาๆๆ และบางครั้งก็วัดใจกับแบบว่า Necromorph ไล่หลังมา ก็มีระทึกใจได้อีก

นอกจากนี้ยังมีการแสกน ID วิศวกรจากลายนิ้วมือของเฮีย Issac เพื่อเปิดช่องทางสำหรับวิศวกรให้ปีนใช้เป็นทางผ่านเข้าไปข้างในได้อีกด้วย เหมือนกับลอดช่องลมยังไงยังงั้น

ระบบ Zero Gravity ในภาคนี้ จะไม่เป็นการเล็งแล้วดึ๋งอีกต่อไป เพื่อนๆ สามารถเหาะไปไหนก็ได้ตามใจฉัน ด้วยชุดเกราะที่ติดระบบ Hover Module ซึ่งระหว่างลอยตัวอยู่ใน Zero Gravity เพื่อนๆ สามารถใช้อาวุธได้ตามปกติอีกด้วย

ที่สำคัญที่สุดครับ เฮีย Issac พูดได้แล้ว !!! เฮ้ !!!

ทีนี้ผมจะพาเพื่อนๆ มาดูหน้าตาของเหล่า Necromorph หน้าใหม่ที่โผล่ในภาค 2 นี้กันบ้างนะครับ

Crawler: เด็กน้อยน่ารักน่าเอ็นดู น่าทนุถนอม น่าลูบหัว "ตูม!!!" หากเพื่อนๆ เข้าใกล้ มันจะระเบิดตัวเองครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะมากันเป็นฝูงและเรามักจะยิงมันไม่ทันถ้าไม่ใช้ปืนกลแต่มีเคล็ดลับอยู่ตรงที่ว่าหากยิงที่หัวมันแล้วตัวไม่ระเบิด เพื่อนๆ สามารถใช้ Kinesis หยิบลำตัวมันมาเป็นอาวุธได้ครับ

Pack: อีกหนึ่งสายพันธุ์เด็กน้อย ที่ไม่ค่อยน่ารักเหมือน Crawler เท่าไร เพราะมันมาเป็นฝูง แห่กันมายังกับแม่บ้านรุมซุ้มลดราคาตามห้าง แต่อ่อนปวกเปียกมาก เพียงแค่ปืนกลเม็ดเดียวมันก็ตายแล้ว เวลาเจอพวกมันทีไร ผมหยิบปืนกลมากราดได้มันส์จริงๆ แต่ต้องระวังหลังด้วยนะครับ เพราะพวกนี้มันทีมเวิร์คสูง

Cyst: ตัวเล็กๆ คล้ายดอกไม้ทะเลที่เกาะตามผนัง และบนพื้น  เจ้าพวกนี้เข้าใกล้ไม่ได้อีกเช่นกันครับ ตูมอย่างเดียว แล้วเจ้าตัวนี้มันจะแสบมาก เวลามันแอบตามซอกหลืบของผนัง ที่มองไม่เห็นหรือเป็นมุมอับสายตา ถ้าเผลอเดินเข้าอาณาเขตมัน จะยิงเม็ดระเบิดใส่เราในทันที ซึ่งเราต้องคอยฟังเสียงด้วยว่าบริเวณนั้นมีมันอยู่หรือเปล่า แต่เห็นอย่างงี้ บางทีก็มีประโยชน์นะครับ เพราะมันจะโจมตีไม่เลือกนั่นเอง หากพวก Necromorph เข้ามาใกล้ก็ตูมเช่นกัน ผมบอกเคล็ดลับเล็กน้อย หากมันอยู่บนพื้น แนะนำให้ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ พอมันยิงก็ให้ถอยออกมาครับ เพราะลูกระเบิดที่มันยิงจะตกใส่มันเองไม่เปลืองกระสุนด้วย

Puker: ตัวที่น่าหนักใจมากเวลาเจอมัน เพราะไม่ว่าจะยิงแขน ขา ขาดหมดแล้ว แต่มันก็ยัง "สู้ว้อย" อยู่ และคอยยิงกรดใส่เราทำให้เราอืดอาดเป็นเต่าคลาน แต่มีเทคนิคอย่างนึงครับ เพราะหากเพื่อนๆ ใช้ kinesis กับก้อนกรดที่มันพ่นออกมาแล้ว จะสามารถเอาไปยิงใส่ Necromorph ตัวอื่นได้อีกด้วย ซึ่งหาก Necromorph ตัวอื่นโดนเข้าไป จะตายทันทีครับ

Splitter: ดูภายนอกแล้ว อาจจะเหมือนพวก Slasher ใช่ไหมครับ? แต่หากสังเกตให้ดีๆ แล้ว Splitter จะมีแขนที่หนากว่า, ขากรรไกรยื่นออกมานอกปาก, ทุกตัวเป็นตัวเมีย และที่สำคัญ "ผิวเนียน" กว่า Slasher เยอะครับ

Stalker: เป็น Necromorph สโตรเกอร์ที่มีทีมเวิร์คซะยิ่งกว่าเด็กน้อย Pack ซะอีก แถมพวกนี้จะไม่แห่เข้ามาตรงๆเป็นฝูงเหมือน Pack แต่มันจะซุ่มดูอย่างเงียบๆ และพุ่งเข้าใส่ยามทีเผลอ หากเปรียบ Pack เหมือนแม่บ้านแห่รุมซุ้มของลดราคาแล้ว Stalker ก็เหมือนพ่อบ้านที่ซุ่มเชคราคาเพื่อให้แน่ใจว่าของถูกที่สุดจริงๆ จึงค่อยวิ่งมาซื้อนั่นเอง

Nest: เจ้าตัวนี้จะพบได้ใน Zero Gravity เท่านั้น ซึ่งมันจะปล่อยลูกๆ พุ่งใส่เราแบบกึ่งนำวิถี โดยจะมีจุดอ่อนที่มือของมันทั้ง 3 ที่ด้วยกัน ซึ่งต้องเน้นจากการยิงไกลๆ เพราะการเข้าถึงตัวมันค่อนข้างยากมากครับ

The Tormenter: พี่บิ๊กอีกตัว ที่ขนาด Brute ยังจัดว่าเล็กไปเลย เมื่อเทียบกับพี่บิ๊กตัวนี้ เราจะไม่ได้สู้กับมันโดยตรงสักเท่าไร เพราะเฮีย Issac เผ่นตลอด แต่ผมชอบฉากปะทะกับเจ้าตัวนี้มากครับ มันส์ได้ใจจริงๆ

Tripod: เจ้าตัวนี้ก็โหดใช่เล่นครับ เห็นว่าตัวใหญ่และค่อนข้างช้าแบบนี้ พอหนีทิ้งระยะได้หน่อย มันโดดเข้าหาเลย (อูวชิต) แถมถึกพอๆกับ Brute อีกด้วย ซึ่งตัวทั่วไปจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่สำหรับตัวราชินี มันใหญ่กว่า The Tormenter ซะอีก แถมตอนโผล่มาเล่นเอาผม "เฮ้ย" ขึ้นมาทันที และเพื่อนๆ หลายคนต้องเคย "เฮ้ย" กับฉากเปิดตัวของมันแบบผมแน่นอน

The Ubermorph: เจ้าตัวนี้เหมือน The Hunter ภาคแรกเลยครับมันจะตามเพื่อนๆ ไปทุกหนแห่งประหนึ่ง "ฉันจะติดตามเธอตลอดไป" เลยทีเดียว ยิงตัดมันทุกชิ้นส่วนก็ไม่ตายครับ แขนขามันจะงอกออกมาใหม่ได้เสมอ เมื่อเจอก็เผ่นอย่างเดียวครับ

บอสใหญ่.. ไม่เอาไม่บอก..ไปลุ้นเอาเองครับ

ถึงแม้จะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมประทับใจมากในภาคนี้ แต่ยังไง๊ยังไง บนโลกนี้ก็ไม่มีอะไรเพอร์เฟค ยังมีข้อเสียให้ผมบ่นบ้างบางประการซึ่งหลักๆ ก็คือความน่ากลัวของเกมครับ บอกตรงๆ ว่าภาคนี้่น่ากลัวน้อยกว่าภาคแรกทั้งที่ทีม Visceral ออกมาขู่ไว้ตั้งแต่เกมยังไม่ออก ว่าจะหลอนตลอดทั้งเกม เลยทำให้ผมตั้งความหวังด้านความน่ากลัวสูงไปหน่อย แต่กลายเป็นเน้นความมืดทำให้คนกลัวซึ่งไม่ค่อยมีผลกับผมเท่าไรนัก แถมไปเพิ่มแอคชั่นซะมากกว่า ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะครับ แอคชั่นออกจะดีด้วยซ้ำ แต่มันก็ทำให้ความน่ากลัวตกลงไปครับ

อีกจุดนึงที่ทำให้ผมเวียนหัวจนเกือบอ้วกก็คือ Zero Gravity ของภาคนี้นั่นเอง ถึงตัวเราจะลอยได้อย่างอิสระแล้ว แต่ก็ใช่ว่าตัวเราจะตั้งฉากกับพื้นอยู่เสมอ ลอยไปนานๆ ตัวเราจะค่อยๆ หมุนไปเรื่อยๆ ด้วยสร้างความมึนหัวให้กับผมค่อนข้างมาก จนต้องกด Z เพื่อให้หน้าจอกลับมาตั้งตรงเหมือนเดิมอยู่บ่อยๆ นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ

สุดท้ายที่เป็นข้อเสีย (สำหรับผมคนเดียวนะ) คือ "แผนที่อยู่ไหน!!" ภาคนี้ไม่มีระบบแผนที่เหมือนกับภาคแรกครับ เหมือนกับว่า เขาทำให้ Locator ค้นหาจุดต่างๆ ให้แล้วเลยตัดออกไปละมั้ง แต่ที่ผมอยากได้แผนที่คือ ผมเป็นพวกชอบเปิดทุกซอกทุกประตู ซึ่งบางประตูเปิดไปแล้วจะเป็นห้องเล็กๆ มีของให้เก็บ หรือเป็นทางเดินยาวๆ ที่นำไปสู่ห้องที่มีแรร์ไอเทมอยู่ก็ได้ แต่ในเมื่อไม่มีแผนที่ ทำให้บางจุดผมไม่กล้าเข้าไปลึกเพราะกลัวออกนอกเส้นทาง ซึ่งผมก็รู้สึกว่าตัวผมเองพลาดไอเทมหลายอย่างที่จะเอามาใส่ในร้านเช่นกัน

สรุป เป็นเกมที่ผมรอคอยที่ทำออกมาได้ดีเกินคาด ยกเว้นความน่ากลัวที่เป็นจุดขายหลัก แต่ก็ทดแทนด้วยระบบต่างๆ ที่พัฒนาขึ้น ซึ่งผมก็เชื่อว่า ทาง Visceral Game ก็คงอยากจะลดเรทความน่ากลัว เพื่อให้คนอื่นที่จิตไม่แข็งพอเล่นได้ด้วยนั่นเอง สำหรับผมแล้ว เป็นเกมที่อยากแนะนำให้เพื่อนๆ ลองเล่นดูนะครับ เป็นเกมที่ไม่น่าพลาดอย่างยิ่งเลยทีเดียว

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ