AIKA : จัดตามสาย เลือกให้เป็น PvP PvE สายไหน อัพอย่างไรให้คุ้มค่้า

    ใครที่ได้ติดตามดูข้อมูลเกี่ยวกับ AIKA จะพบว่าแต่ละอาชีพ จะมีสกิลแต่ละอาชีพอยู่ แต่รู้ไหมว่า สกิลที่มีนั้น เราไม่สามารถนำมาใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพทั้งหมด สาเหตุเป็นเพราะอะไรวันนี้เรามีคำตอบ

ระบบสกิล

    สายอาชีพทั้ง 6 ใน Aika จะมีสกิลที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเอง ทำให้มีความสามารถและหน้าที่แตกต่างกันไป นั่นเป็นสิ่งที่แบ่งแยกความชอบของผู้เล่นแต่ละคน
ทุกสกิลของแต่ละอาชีพจะมีเลเวล Max อยู่ที่เลเวล 16 โดยการเรียนและการเพิ่มระดับสกิลต้องใช้ Talent Point ที่ได้มากจากการอัพเลเวลตัวละคร หมายถึงหากเรามีเลเวลอยู่ที่ 50 เราก็จะได้พ้อยไว้อัพสกิลอยู่ที่ 49 พ้อยเท่านั้น ทำให้เราไม่สามารถอัพเลเวลสกิลให้สูงสุดได้ทุกสกิลนั่นเอง ซึ่งหากเราต้องการให้ผของสกิลแสดงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างสูงสุดก็ต้องอัพเลเวลของสกิลนั้นให้สูงๆ เข้าไว้ ทำให้เราต้องมาเลือกสกิลที่จำเป็นสำหรับการเล่นของเรา โดย เราจะสามารแบ่งสายการเล่นออกเป็น 2 สายใหญ่ๆ ได้ คือ
-สาย PVE (ลงดันเจี้ยน เก็บเลเวลตามปกติ)
-สายPVP, GuildWar (ฮาร์ดคอร์ ชอบสงคราม)

Warrior

สาย PVE

    สายเก็บเลเวล ลงดันเจี้ยนที่หากเน้นที่จะไปเป็นกลุ่มปาร์ตี้ด้วยแล้ว สิ่งที่จำเป็นก็คือสกิลบัฟ กับสกิลโจมตีแบบกลุ่ม เพื่อความเสียหายดึงดูดความสนใจจากมอนสเตอร์ช่วยเหลือทีมให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

-Slash
-Incite
-Blade Strom
-Dragon Spirit
-Howl of War
-Halmont

สาย PVP

    สำหรับสาย PVP หรือสงคราม จะเน้นไปที่สกิลที่มีรูปแบบการโจมตีที่ติดสถานะผิดปกติให้กับเป้าหมาย และที่สำคัญคือ ระยะเวลา Cooldown และการร่ายค่อนข้างสั้น สามารถทำคอมโบต่อกันได้อย่างรวดเร็ว

-Dash
-Armor Break
-Berserk
-Awakening
-Thrust
-Death Wound

Crusader

สาย PVE

    สิ่งที่ต้องคำนึงในการเลือกใช้งานสกิลที่เหมาะสมกับการเก็บเลเวลนั้น เราต้องคิดอยู่เสมอว่า Crusader ไม่ใช่ตัวสร้างความเสียหาย แต่เป็น Tanker ดึงดูดความสนใจของมอนสเตอร์ไม่ให้ไปโจมตีเพื่อนๆ ในทีม ดังนั้นสกิลจึงต้องเน้นไปที่การเป็น Tanker โดยเฉพาะ

-Rote Shield
-Provoke
-Mess Incite
-Holy Blood
-Lock On
-El Thymos

สาย PVP

    เมื่อคิดที่จะ PVP หรือลงสงครามให้เราลืมความเป็น Tanker ไปได้เลย เพราะเราจะต้องเป็นตัวทำความเสียหาย อาจจะไม่สูงมากนัก แต่ก็เลือกสกิลที่เป็นสกิลติดสถานะผิดปกติเข้าไว้ อาศัยพลังป้องกันที่มีเยอะอยู่แล้วเป็นทุนเดิม

-Nemesis
-Guardian
-Point Defense
-Divine Emission
-Reflect
-El Aegis

Sniper

สาย PVE

    ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความสำหรับ Sniper สายนี้ เพราะเพียงแค่เราเลือกดูสกิลที่มีการโจมตีรุนแรง ถ้าจะให้ดี แนะนำสกิลกลุ่มเพราะมันจะช่วยให้เราเบาแรงในการจัดการกับฝูงมอนสเตอร์เวลาลงดันเจี้ยนได้ในระยะเวลาอันสั้น

-Countdown
-Hight-angle Gun
-Critical Power
-Closing Target
-X-14 Demolition
-Blow Back

สาย PVP

    Sniper เป็นอาชีพที่มีความคล่องตัวสูงก็จริงแต่หากเรื่องของพลังป้องกันอาจจะไม่สูงมากนัก ทำให้สกิลที่จะเลือกใช้งานในการ PVP หรือสงครามจะต้องเป็นสกิลที่ทำให้เราฆ่าและเอาตัวรอดได้เป็นอย่างดี

-Leg Shot
-Hiding
-Cruel Chaser
-First Encounter
-Sonic Blast
-Vital Spot

Dual Gunner

สาย PVE

    หน้าที่หลักคือการจัดการกับเป้าหมายอย่างเร็วที่สุด โดยอาศัยจุดเด่นในเรื่องของการโจมตีที่รวดเร็วและรุนแรง จึงควรที่จะให้ความสำคัญกับสกิลโจมตีและบัฟเสริมความแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่ง

-Mjolnir
-Venom Spine
-Wild Fire
-Sharp Gaze
-Black Rose
-Bloody Smoke

สาย PVP

    การจัดการกับมอนสเตอร์ของ Dule Gunner อาจจะทำได้ง่าย แต่เมื่อเจอกับผู้เล่นด้วยกันแล้วต้องคิดใหม่ เพราะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นสกลิที่จะเลือกใช้งาน จะต้องเป็นสกิลที่นอกจากสร้างความเสียหายแล้วจะต้องสถานะผิดปกติและ Cooldown สั้นด้วย

-Prompt Action
-Restraint
-Hiding
-Mana Poison
-Anti-Heal Poison
-Heart Ripper

Night Magician

สาย PVE

    เมื่อดูจากจุดเด่นเราจะรู้ได้ทันทีเลยว่า Night Magician ไม่ใช่แนวหน้า แต่เป้นฝั่งสนับสนุนทำความเสียหายเสียมากกว่า ดังนั้นเราจึงควรให้ความสำคัญกับสกิลโจมตี ยิ่งเป้นสกิลกลุ่มจะยิ่งดีมากถึงมากที่สุด

-Chaos Flame
-Pain
-Mana Storm
-Dark Swarm
-Soul Burn
-Darkness Fall

สาย PVP

    การเจอกับผู้เล่นด้วยกัน เราจะต้องมีการเซฟตัวเองให้มากที่สุด เพราะอาชีพนี้จัดเป็นเป้าหมายแรกที่จะถูกกำจัดเสมอ เพราะโจมตีได้รุนแรงแต่ก็ถูกจัดการได้ง่ายเช่นกัน เราจึงควรที่จะเลือกใช้สกิลสนับสนุนตัวเองและป่วนศัตรูให้มากที่สุด

-Change
-Shock Wave
-Black Shield
-Hitch
-Mana Flare
-Sleeping Haze

Priest

สาย PVE

    สิ่งจำเป็นของการเล่นแบบเก็บเลเวลคือ ทำอย่างไรก็ใด้ให้ตัวเองและเพื่อนในทีม สามารถจัดการกับมอนสเตอร์ได้ไว้และง่ายมากที่สุด ดังนั้นสกิลที่เป็นสกิลฟื้นฟูและจะมีสกิลโจมตีเพื่อช่วยเหลือทีมบ้างก็ได้

 

-Holy Bolt
-Cure
-Magic Shield
-Resurrection
-Holy Activation
-Shield of Nikita

สาย PVP

    สำหรับหน้าที่ของ Priest ในการ PVP หรือสงครามคือ ต้องช่วยเหลือทีมให้ได้มากที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามไม่ใช้ตัวเองตกเป็นเหยื่อของฝ่ายตรงข้ามด้วยเช่นกัน ดังนั้นสกิลฟื้นฟู บัฟต่างๆ และเสริมความแข็งแกร่งจึงจำเป็นมากที่สุด

-Bless
-Haste
-Shroud of Turin
-Mass Cure
-Feedback Magic
-Recovery

    จริงๆ แล้วถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีสกิลที่เราได้ยกตัวอย่างมา คำตอบก็คือไม่จำเป็นเสมอไป เพราะสกิลทุกสกิล มันจะมีประโยชน์และเลือกใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ และปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้งานสกิลก็คือ รูปแบบการเล่นของเราต่างหาก ที่จะกำหนดว่าสกิลแบบไหนเหมาะที่จะเอาไว้ใช้ทำอะไรบ้าง ดังนั้นตัวอย่างที่เรายกมาให้ดูจึงเป็นเพียงแค่แนวทางหนึ่งที่เราสามารถเลือกเล่นได้นั่นเอง

     และสำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังสงสัยว่าเลเวลแค่นี้ ควรจะอัพสกิลเท่าไหร่ กลัวที่จะอัพผิด ไม่มีเงินรีสกิลบ่อยๆ เพื่อนๆ ก็สามารถทดสอบอัพสกิลได้ด้วย AIKA Skill Simulator ตามลิงค์ด้านล่างครับ

http://aika-tools.6.ql.bz/skill/en/skill.html?j=wrr

By Aon

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้