WoW - Cataclysm : ระบบใหม่ๆ ที่คุณไม่ควรพลาด

แชร์เรื่องนี้:
WoW - Cataclysm : ระบบใหม่ๆ ที่คุณไม่ควรพลาด

        World of Warcraft (WoW)เกม MMORPG ชื่อดังจากบริษัทยักษ์ใหญ่ Blizzard Entertainment ตัวเกมกวาดรางวัลมากมายตั้งแต่ปี 2005 ที่ผ่านมา, ได้รับคะแนนรีวิวจากสื่อต่างๆ ที่สูงมาก รวมทั้งเข้าอันดับ 11 ของชาร์ต Top 200 เกมยอดนิยมตลอดกาล ตัวเกมมีการอัพเดตสม่ำเสมอในตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนชาวเกมเมอร์แทบทั่วทุกมุมโลกยอมรับ ทุกการอัพเดตแทบจะพลิกโฉมเกมเรื่อยมา รวมถึง Expansion Set ลำดับที่ 3 Cataclysm นี้ก็มีรายละเอียดมากมายที่เพิ่มเข้ามาเช่นกัน

เพิ่มสองเผ่าใหม่สุดแกร่ง

Goblin

        เผ่าก็อบลิน อดีตทาสของพวก Jungle Troll บนเกาะ Kezan ก่อนที่จะพัฒนาเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งในภายหลัง จุดเด่นด้าน Status จะอยู่ที่ Agility, Stamina และ Intelligent ที่ค่อนข้างสูง มีสกิลประจำเผ่าเด่นๆ เช่น Rocket Jump ที่ทำให้กระโดดพุ่งไปข้างหน้าไกล, Rocket Barrage ที่ยิงจรวจที่เข็มขัดใส่ศัตรู เป็นต้น

        อยู่ในฝ่าย Horde สามารถเลือกอาชีพได้ 8 อาชีพ ได้แก่ Death knight, Hunter, Mage, Priest, Rogue, Shaman, Warlock, Warrior

Worgen

        เผ่าพันธุ์ต้องคำสาป ที่ปกติจะเลือกสลับระหว่างร่างมนุษย์หรือร่างมนุษย์หมาป่าได้ แต่ในยามต่อสู้จะปรากฏกายในร่างหมาป่าเสมอ มี Strength, Agility และ Stamina ที่ดี และสกิลประจำเผ่าเด่นๆ เช่น Darkflight เพื่อจำแลงกายเป็นร่างหมาป่าเพื่อเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ชั่วขณะ, Viciousness เพิ่มอัตราการโจมตีติด Critical Strike เป็นต้น
        อยู่ในฝ่าย Alliance สามารถเลืออาชีพได้ 8 อาชีพ ได้แก่ Death knight, Druid, Hunter, Mage, Priest, Rogue, Warlock, Warrior

เพิ่มเลเวลสูงสุดเป็น 85

        เลเวลสูงสุดเดิม คือ 80 ตอนนี้เพิ่มอีก 5 เลเวล เป็น 85 ถึงจะเพิ่มแค่ 5 เลเวล ก็เพิ่ม Ability และ Talent ใหม่ ให้ทุกอาชีพมากยิ่งขึ้นไปอีก ส่งผลอย่างมากต่อการเล่นหลายๆ แบบ รวมทั้งทำให้คนที่เลเวลตันที่ 80 แล้ว มีอะไรทำมากยิ่งขึ้น เมื่อรวมกับพื้นที่ใหม่ที่เพิ่มขึ้น ทำให้สนุกกับ

พื้นที่ใหม่ก็มี อาชีพใหม่ก็ได้

การผสมผสานอาชีพและเผ่าพันธุ์มากกว่าเดิม

        ในแพตช์ก่อนหน้านี้ Wrath of the Lich King มีทั้งหมด 10 เผ่าพันธุ์ 10 คลาส ซึ่งบางเผ่าพันธุ์จะเลือกได้แค่บางคลาสเท่านั้น (ยกเว้น Death Knight, Warrior ที่ได้ทุกคลาส) เช่น เผ่า Gnome เลือกเป็น Mage, Rogue, Warlock, Warrior และ Death Knight ได้, เผ่า Tauren เลือกเป็น Druid, Hunter, Shaman, Warrior และ Death Knight ได้ เป็นต้น ซึ่งในอาชีพเดียวกันแต่คนละเผ่า ก็จะมีค่า Status ที่แตกต่างและความสามารถของเผ่าเฉพาะที่ต่างกันไปอีก

        ในแพตช์ Cataclysm นอกจากจะเพิ่มมาอีก 2 เผ่าพันธุ์ที่เลือกได้อีกหลายอาชีพแล้ว ยังเพิ่มให้แต่ละเผ่าสามารถเลือกอาชีพได้เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก เช่น Orc สามารถเป็น Mage ได้, Undead สามารถเป็น Hunter ได้, Dwarf เพิ่มอีก 3 อาชีพ ทำให้เปลี่ยนได้เกือบทุกอาชีพ (ยกเว้น Druid) เป็นต้น

มีหลายอาชีพใหม่ที่เลือกได้

ระบบ Mastery

        อีกหนึ่งระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาสนับสนุน Talant ภายในเกม โดยแต่เดิม 1 อาชีพจะมี 3 แถบของ Talent ให้เลือกอัพความสามารถเป็นแบบ Tree เช่น Paladin จะมีแถบ Holy, Protection และ Retribution ให้เลือก เป็นต้น ซึ่งแต่ละคนจะเลือกแบ่ง Talent Point ลงตามความถนัดของตัวละครที่ต้องการ โดยพิจารณาจาก Talent ที่เหมาะสมเป็นหลัก ซึ่งอาจเน้นไปที่ด้านใดด้านหนึ่ง หรือผสมหลาย Talent ก็ได้

ส่วนระบบ Mastery ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ จะพิจารณาจากจำนวน Talent Point ที่ใช้ไปในแต่ละแถบ Talent ซึ่งจะเพิ่มโบนัสความสามารถบางอย่างที่แตกต่างกัน ตามคลาสและตามแถบ Talent นั้น ตัวอย่าง Rogue ที่อัพ Talent ไปด้วยสูตร 15/51/5 จะได้ความสามารถจาก Mastery ดังนี้

        Assassination (15 talent point): +10% Melee Damage, +2% Melee Crit, +5% Poison Damage
        Combat (51 talent points): +72% Melee Damage, +5% Melee Hit, +10% Armor Penetration
        Subtlety (5 talent points): +4% Melee Damage, +1% Melee Haste, +0.5% Energy Regeneration

ต้องคิดเรื่องอัพ Talent ให้มากกว่าเดิม

เพิ่มโซนใหม่เลเวลสูง และปรับโฉมพื้นที่เก่า

        เพิ่มดินแดนตั้งแต่เลเวล 80 ขึ้นไปในหลายพื้นที่ ได้แก่ Uldum, The Sunken City of Vashj’ir, Deepholm, Mount Hyjal และ Twilight Highlands เพื่อให้สามารถมุ่งสู่เลเวล 85 ได้สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมดันเจี้ยนใหม่อีกมากมายรองรับผู้เล่นเลเวลสูง

        ด้วยคุณภาพกราฟิคที่ดียิ่งขึ้น จึงมีการปรับทั้งความสวยงามของสภาพแวดล้อมในพื้นที่เก่าให้สูงยิ่งกว่าเดิม ให้เหมาะตามยุคสมัยของเกม รวมถึงการปรับรายละเอียดบางอย่างของพื้นที่ให้เหมาะสมกับผู้เล่นเลเวลน้อย

โซนระดับสูงถูกเพิ่มอย่างมากมาย

ระบบพัฒนากิลด์ (Guild Advancement)

        สามารถเก็บเลเวลของกิลด์ได้จนถึงเลเวล 25 โดยแต่ละเลเวลของกิลด์ จะมีสกิลของที่ส่งผลต่อสมาชิกกิลด์ทั้งหมด เช่น ได้รับ EXP จากมอนเตอร์และเควสต์มากขึ้น, เพิ่มเงินที่ได้รับ, เก็บแร่ได้มากขึ้น, ลดราคาซื้อของจากร้านค้า, เพิ่มผลของบัฟบางอย่าง เป็นต้น
        วิธีการได้ Guild XP มีหลายวิธี เช่น

        - ได้รับ Guild Achievement
        - กำจัดบอสใน Raid หรือ Dungeon โดยมีสมาชิกจำนวน 75% ของปาร์ตี้เป็นคนในกิลด์เดียวกัน
        - ชนะ Rated Battleground หรือ Arena โดยมีชมาชิกจำนวน 75% ของปาร์ตี้เป็นคนในกิลด์เดยวกัน
        - ผ่านเควสต์ หรือเควสต์ประจำวันที่ได้ค่า XP เป็นรางวัล
        - อื่นๆ
        

เพิ่มระบบ Archaeology (โบราณคดี)

        หนึ่งในระบบ Secondary Profession ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ โดยเราจะสามารถค้นหาเศษวัตถุโบราณที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วโลกและทุกโซนให้เป็นหนึ่งได้ ซึ่งมีเรื่องราว, บันทึก, ปริศนา และสิ่งที่หลงเหลือจากอดีตกาลถูกถ่ายทอดในชิ้นส่วนต่างๆ ให้เราทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกของ WarCraft เพื่อสนุกกับเนื้อเรื่องในแพตช์นี้ด้วย
ชิ้นส่วนสามารถขุดค้นหาจากดินแดนต่างๆ ด้วยคำสั่ง และรวบรวมเป็น Artifact ขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีทั้งความหายากระดับ Common และ Rare ซึ่งขั้น Rare อาจเป็นอาวุธหรือชุดหายากที่ผูกมัดกับ Account ของเรา

ความสนุกใหม่สำหรับคนชอบสำรวจ

เพิ่มรายละเอียดใหม่มากมาย

ยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่างที่เพิ่มเข้ามาในแพตช์นี้
        - เพิ่มเมืองใหม่และเควสต์กว่า 3,500 เควสต์
        - เพิ่มพื้นที่ PVP และระบบ Rated Battlegrounds
        - เพิ่ม Raid ระดับสูงท้าทายผู้เล่นกลุ่มใหญ่ยิ่งกว่าเดิม
        - ใช้พาหนะบินในโลก Azeroth เดิมได้
        - Warlock และ Hunter เลี้ยง Combat Pet ได้ตั้งแต่เลเวล 1 โดยไม่ต้องทำเควสต์
        - ปรับปรุงระบบ Stat บางอย่าง
        - มีกำหนดจะเปลี่ยนให้หน้าต่าง Community เชื่อมต่อกับเกมอื่นใน Battle.net ด้วย
        - อื่นๆ อีกหลายอย่าง

บรรยากาศใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาอีกมากมาย

by AIR

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ